เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ นิยาย บท 381

สรุปบท บทที่ 380 ซื้อใจคน: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

ตอน บทที่ 380 ซื้อใจคน จาก เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 380 ซื้อใจคน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย จีน เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ที่เขียนโดย สือหวู เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 380 ซื้อใจคน

ใครจะรู้ว่าหลังจากที่อธิบายสถานการณ์แล้ว ผู้หญิงสองคนนี้ต่างก็เยือกเย็นขนาดนี้

ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่าตนเองรอนานตั้งหนึ่งชั่วโมงนั้นเหมือนปัญญาอ่อนจริงๆ

“เรื่องนี้เราทราบกันแล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ” สุดท้ายหานมู่จื่อก็เอ่ยปากพูดออกมา

จางยู่โกรธมาก ออกเสียงฮึ่มคำหนึ่งแล้วก็ออกไปเลย

หลังจากที่เธอไปแล้ว เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมามองหานมู่จื่อ “มีคนป่วยแล้ว เราจะไปเยี่ยมไหม?”

หานมู่จื่อเม้มปาก: “แกไปตรวจสอบดูข้อมูลของหวังอาน”

เสี่ยวเหยียนได้ยินแล้ว เข้าใจความหมายของหานมู่จื่อทันทีและพยักหน้า: “ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

หลังจากเลิกงานแล้ว หานมู่จื่อและเสี่ยวเหยียนไปที่โรงพยาบาลพร้อมกัน

ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล ในมือของเสี่ยวเหยียนถือตะกร้าผลไม้และดอกไม้ เอ่ยปากถามด้วยความสงสัย: “วันก่อนเลิงเยาเยาเย่อหยิ่งยโสขนาดนั้น ทำไมเรายังต้องไปเยี่ยมเธออีกทำไม?”

หานมู่จื่อยิ้มเบาๆไม่พูดจา

เสี่ยวเหยียน: “มู่จื่อ!”

“เพราะว่า เราจะไปซื้อใจคนไง” หานมู่จื่อหันไปมองเสี่ยวเหยียน “ถ้าเธอไม่ใช่คนที่อยู่ในทีมงานของบริษัทเราล่ะก็ เธอจะเป็นโรคอะไรยังไงก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา แต่ตอนนี้เธอเป็นคนของทีมงานเรา ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลในขณะที่กำลังทำงานอยู่ ฉันเป็นเจ้านายก็ต้องไปแสดงความห่วงใยสักหน่อย มีปัญหาเหรอ?”

ได้ยินแล้ว เสี่ยวเหยียนตะลึง สักพักหลังจากนั้นก็เบะปากพูดอย่างไม่เห็นด้วย: “แสดงความห่วงใยก็คือแสดงความห่วงใย แต่ไม่ใช่ว่าเจ้านายทุกคนจะแสดงความห่วงใยนิ ถ้าพนักงานทุกคนป่วยครั้งหนึ่งก็ต้องไปเยี่ยมหนึ่งครั้ง งั้นเจ้าของธุรกิจระดับประเทศไม่เหนื่อยตายเหรอ?”

“แต่ฉันไม่ใช่เจ้าของธุรกิจระดับประเทศนิ ฉันเป็นแค่เถ้าแก่น้อยที่เพิ่งจะเปิดบริษัท ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเราจะเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปก็ดีอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้เปิดบริษัทแล้ว ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของบริษัทนี้”

“พูดอย่างนี้ก็ใช่ เห้อ เปิดบริษัทมันยากจัง” เสี่ยวเหยียนบ่นคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ซบไปที่ไหล่ของหานมู่จื่ออย่างกระวนกระวายใจ หานมู่จื่อกลับไม่รู้สึกหนักใจอะไร เมื่อก่อนเธอไม่ใช่ไม่เคยทำงานที่บริษัท ที่จริงแล้วเรื่องพวกนี้เธอจะไม่ทำก็ได้

แต่เธอคิดว่าบางครั้งก็ต้องทำให้คนอุ่นใจบ้าง

นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด

“โฮลาๆ ฉันน่ารักที่สุด คนน่ารักก็คือฉัน!”

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างกะทันหัน หานมู่จื่อได้ยินเสียงสายเข้านี้แล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “นี่คือ......”

“ฮาฮา น่ารักไหม!” เสี่ยวเหยียนหยิบมือถือตนเองออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม: “ฉันใช้เสียงของเสี่ยวหมี่โต้วอัดเสียงโทรเข้านะ มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้เลยนะ”

หานมู่จื่ออดใจไม่ไหวจนยิ้มออกมา

เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวหมี่โต้วอยู่ด้วยกันแล้ว กลายเป็นเด็กน้อยที่น่ารักทั้งคู่เลย

“เอ๋ ทำไมเป็นเบอร์โทรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ?” เสี่ยวเหยียนถามด้วยความสงสัย หานมู่จื่อหันไปมองดูที่โทรศัพท์: “เบอร์โทรในประเทศ น่าจะเป็นเพื่อนแกรึเปล่า?”

“ไม่ใช่มั้ง ฉันยังไม่บอกพวกเธอเลยว่าฉันกลับมาแล้ว”

เสี่ยวเหยียนคิดไปคิดมา กัดนิ้วมือของตนเองสักพัก: “หรือว่า......เราจะมีลูกค้าเข้ามาแล้ว?”

พูดจบ เสี่ยวเหยียนรีบรับโทรศัพท์: “สวัสดีค่ะ? ฉันคือเสี่ยวเหยียน”

หานมู่จื่อไม่ได้สนใจคำพูดที่เสี่ยวเหยียนพูด แต่มองออกไปนอกหน้าต่าง เพราะเสี่ยวเหยียนจะคุยโทรศัพท์ ดังนั้นจึงใส่หูฟังไปเลย จากนั้นเปิดเพลงฟังให้สบายใจหน่อย

เสียงดนตรีที่อ่อนโยนของเพลงตีกลองเหมือนใยที่นุ่มๆตีอยู่ในใจ ทำให้กายและใจของเธอค่อยๆผ่อนคลายลง

ช่วงนี้ เธอเหนื่อยมาแล้วจริงๆ

“เหนื่อยแกแล้วนะ เสี่ยวเหยียน”

หลังจากไปถึงโรงพยาบาล หานมู่จื่อและเสี่ยวเหยียนก็เดินไปห้องผู้ป่วยที่สอบถามไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนที่เข้าไปหวังอานเฝ้าอยู่ข้างๆเตียง ส่วนเลิงเยาเยานอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย สีหน้าซีดมากจนดูไม่ได้

มองดูเธออ่อนเพลียมาก ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่สีหน้าของเธอก็ยังแสดงท่าทีที่อึดอัดใจจ้องมองหวังอานที่เฝ้าอยู่ข้างเตียง: “คุณออกไปได้ไหม? ฉันเห็นหน้าคุณก็หงุดหงิด ตกลงคุณอยากจะให้ฉันหายดีไหม?”

หวังอานโดนด่าแล้วก็ยังไม่โกรธเลยสักนิด ยังยิ้มแย้มอย่างซื่อๆ: “ได้ โย่วโย่วพูดอะไรก็ต้องทำอย่างนั้น งั้นฉันออกไปนะ คุณพักผ่อนให้เยอะๆ”

พูดจบ หวังอานก็ลุกขึ้น แต่มองเห็นหานมู่จื่อและเสี่ยวเหยียนยืนอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วย เขาตะลึงไปสักครู่แล้วก็รีบเข้ามาต้อนรับ: “พวกคุณมาแล้วเหรอครับ”

หานมู่จื่อยิ้มนิดๆและเดินเข้าไปพร้อมกับเสี่ยวเหยียน

เลิงเยาเยาได้ยินเสียง แล้วหันไปทางพวกเธอ ปรากฏว่าเห็นเป็นพวกเธอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปกะทันหัน

“พวกเธอมาทำไม?”

หวังอานจึงรีบออกเสียงอธิบาย: “คืออย่างนี้ครับโย่วโย่ว พวกเธอได้ยินว่าคุณเป็นลมสลบไป ดังนั้นจึงมาเยี่ยมคุณ”

เสี่ยวเหยียนเดินหน้าเข้ามาและยื่นตะกร้าผลไม้และช่อดอกไม้ให้หวังอาน

ใครจะรู้ว่าเลิงเยาเยากลับตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า: “นายบอกให้พวกเค้าออกไป ใครต้องการความเสแสร้งทำดีของพวกเค้า?”

“......โย่วโย่ว พวกเค้ามาเยี่ยมคุณจริงๆนะ คุณอย่าทำแบบนี้สิ......”

“นายก็ออกไปด้วย! เรื่องของฉันไม่เกี่ยวข้องกับนาย นายหน้าด้านเองยังไม่พอ นายยังพาสองคนนี้มาถึงห้องผู้ป่วยของฉันอีก มันหมายความยังไง?”

“เว้ย คุณเป็นอะไร?” เสี่ยวเหยียนทนดูไม่ไหว กัดฟันตอบกลับไปว่า: “พวกเราตั้งใจมาเยี่ยมคุณ เอาผลไม้มาให้ ไม่ได้คิดร้ายกับเธอสักหน่อย ถึงคุณจะไม่ยินดีต้อนรับ คุณก็ไม่ควรทำเช่นนี้นิ? มารยาทของคุณมีไหม?”

“ฮึ่ม” เลิงเยาเยามองหน้าเสี่ยวเหยียนอย่างประชดประชัน จากนั้นจ้องไปทางหานมู่จื่อ: “คุณก็คงคิดจะแกล้งมาทำเป็นดีกับฉัน ฉันก็จะไปพูดว่าคุณดีต่อหน้าคนอื่นล่ะสิ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่