บทที่ 381 เป็นภาพลวงตาหรือความจริง
“คุณจะพูดดีหรือไม่ดี ก็ไม่สำคัญสำหรับฉัน”
ในเมื่อเธอพูดเช่นนี้แล้วหานมู่จื่อก็พูดตามสถานะของตนเอง
“แต่ในตอนนี้คุณคือคนของทีมงานฉัน คุณป่วยแล้วฉันก็ควรจะมาเยี่ยม นี่เป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง” พูดจบแล้วหานมู่จื่อหันไปมองเสี่ยวเหยียน: “ของก็ส่งมาแล้ว เราไปกันเถอะ”
“อืม” เสี่ยวเหยียนพยักหน้า แล้วก็เดินตามหลังหานมู่จื่อออกไปจากห้องผู้ป่วย
หวังอานเหมือนจะรู้สึกเกรงใจ เดินตามพวกเธอออกมาพร้อมกัน จากนั้นเกาหัว: “ขออภัยด้วยนะครับ โย่วโย่วเธอก็เป็นแบบนี้แหล่ะ แต่เธอก็แค่ปากร้ายแต่ใจดี ที่จริงแล้วใจของเธอไม่ได้ร้ายครับ”
ได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อมองหน้าเขาด้วยแววตาที่เย็นชาสักครู่หนึ่ง
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้มองดูแล้วเป็นคนแบบที่ซื่อมาก ไม่เหมือนกับเลิงเยาเยาที่พูดจาดุร้ายทิ่มแทงคนอื่น มองจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสองคนนี้ไม่ใช่อยู่ในโลกเดียวกัน
ในวันนี้หวังอานถูกเลิงเยาเยาตะคอกด่าอย่างเสียงดังเช่นนี้ ยังจะพูดดีแทนเธออีก ซื่อและหลงใหลเธอมากจริงๆเลย
เสี่ยวเหยียนกลับพูดด้วยความไม่พอใจว่า: “ใจของเธอจะดีหรือไม่ดีเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ พวกเราไม่ใช่คนที่ตามจีบเธอเหมือนคุณนะ”
ได้ยินแล้วหวังอานรู้สึกเขินเล็กน้อยและได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“ต้องขออภัยด้วยจริงๆครับ งั้นผมขอโทษแทนเธอด้วยละกันครับ”
“ไม่ต้อง พวกเรากลับก่อนนะ ให้เธอพักผ่อนดูแลตัวเองดีๆ๐
“ครับ ขอบคุณครับ”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็เดินตามหานมู่จื่ออย่างรวดเร็วและพูดไปด้วยว่า: “เลิงเยาเยาคนนี้ไม่รู้จักสำนึกความดีของคนอื่นสักเลย แกฟังดูคำพูดที่เธอพูดเมื่อกี้ ฟังแล้วก็โมโหจริงๆเลย”
“พวกเราไม่ต้องสนใจเธอ” หานมู่จื่อส่ายหัว เหมือนจะแสดงท่าทีว่าไม่เป็นไร
“ไม่รู้จริงๆว่าแกคิดยังไง ยังต้องมาด้วยตนเอง” เสี่ยวเหยียนบ่นไปหนึ่งคำ ทั้งสองคนเดินคู่กันไปข้างหน้า
แต่ในตอนนี้เวลานี้ เย่โม่เซินกำลังถูกส้งอานลากตัวลงมาจากชั้นบน สีหน้าของเขาพูดได้ว่าเยือกเย็นจนเทียบไม่ได้ แต่เพราะคนที่ลากตัวเขาเป็นส้งอาน ดังนั้นเขาก็ไม่รู้ควรทำอย่างไร ได้แต่เดินตามเธอลงมาชั้นล่าง
“ต้องไปให้ได้เหรอ?”
เสียงที่เยือกเย็นดังมาจากด้านหลัง ส้งอานหันกลับไปจ้องหน้าเย่โม่เซิน: “ทำไม? คุยกันไว้แล้วว่าจะไป ตอนนี้แกจะมาเล่นตลกอะไรอีก?”
“......” เย่โม่เซินถอนหายใจแรงๆสักพัก เงยหน้าขึ้นมาด้วยสายตาที่เยือกเย็น
ปรากฏว่าตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นนั้น เขาเห็นด้านหลังของคนๆหนึ่งที่คุ้นเคยหายไปต่อหน้า มองเห็นแค่ครึ่งหน้า แค่แป๊บเดียวก็ถูกผนังบังไว้ทั้งหมด
เย่โม่เซินมองเห็นแค่แว๊บเดียว ในใจเหมือนคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดอยู่กลางใจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เดินอย่างรวดเร็วอยากจะรีบตามไปดู
ปรากฏว่าแขนเสื้อกลับถูกดึงไว้อย่างแรง เย่โม่เซินหันหน้ากลับมาแล้วเห็นส้งอานกำลังจ้องมองเขาด้วยความโมโห: “แกจะวิ่งไปไหน? ฉันจะบอกแกนะเย่โม่เซิน ที่ฉันพูดกับแกในวันนี้ฉันพูดจริงๆนะ ถ้าแกกล้า.......”
“ปล่อยผม” เย่โม่เซินขมวดคิ้วและตะคอกใส่
ส้งอานนึกว่าเขาไม่อยากไปนัดบอด ดังนั้นจึงอยากจะหนี จึงดึงเขาไว้แน่นๆไม่ยอมปล่อยมือ
เย่โม่เซินหมดหนทาง ได้แต่สะบัดมือของส้งอานออกอย่างแรง จากนั้นได้ยินเสียงของส้งอานอุทาน เขาแค่ตกใจหยุดเดินสักพักและชะเง้อตัวไปมองด้านหน้า
หน้าคนเมื่อกี้อีกแล้ว
เธอปรากฏตัวอยู่ที่เมืองเป่ยจริงๆเหรอ?
ตอนที่เย่โม่เซินตามไปจนถึงด้านล่างของบันไดนั้น กลับมองไม่เห็นคนๆนั้นแล้ว เข้าเดินไปหาข้างหน้าและรอบๆหลายๆที่ ก็ไม่เห็นคนๆนั้นอีก
คนที่อยู่รอบๆต่างรู้สึกแปลกใจกับท่าทางของเขาเช่นนี้ ดังนั้นต่างก็มองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด แต่เย่โม่เซินกลับยืนอยู่กับที่และยืนคิดด้วยความสงสัย
ผ่านไปหลายปีแล้ว สองสามวันมานี้เขาเห็นหน้าด้านข้างของคนๆนั้นมาสองครั้งแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่