บทที่ 667 ฉันไม่อยากโกหกนาย
ในห้องที่เงียบสงบ เวลานี้หากว่ามีเข็มแท่งหนึ่งตกบนพื้น ก็เดาว่าสามารถได้ยินถึงเสียงได้
หานมู่จื่อได้นั่งคนเดียวอยู่บนโซฟา ขดตัวอยู่ตรงนั้นไม่มีเสียงดังจนเหมือนกับตายแล้ว
จางเสี่ยวเหยียนนั่งอยู่ที่ทางด้านหนึ่ง แววตากับการแสดงออกก็ซับซ้อนมาก
มู่จื่อไม่พูดอะไร เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดตามใจ เกรงกลัวว่าเมื่อตัวเองเปิดปากพูดแล้วละก็จะกระทบกับอารมณ์ของเธอ
ชั้นล่างก็ไม่รู้ว่ามีสถานการณ์อะไร แต่ว่าตั้งแต่เมื่อกี้จนถึงตอนนี้ก็ได้ผ่านไปนานมากแล้ว พวกเธอที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้ยินเสียงที่น่าสงสัยอะไร อยากจะไปดูแต่ก็กลัวว่าจะทำลายสภาพการณ์อะไร
ดังนั้นเวลาตอนนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุด
เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีหนึ่งวินาที จางเสี่ยวเหยียนได้นั่งคงสภาพไว้ไม่ได้ขยับ และตอนที่รู้สึกว่ามือเท้าทั้งสี่ของตัวเองใกล้จะแข็งทื่อแล้ว ในที่สุดเธอก็กลั้นไว้ไม่ไหวได้ลุกขึ้นมา
“ไม่ดีไปกว่าฉันลงไปดูๆเถอะ”
เธอเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว ก็ได้ยินถึงหานมู่จื่อเปิดปากอย่างจืดจาง
“ห้ามไป”
“มู่จื่อ?”สายตาของจางเสี่ยวเหยียนไปมองไปทางเธอด้วยความประหลาดใจ: “ในใจตอนนี้ที่ประหลาดใจควรจะเป็นเธอนี่ พวกเราก็ขึ้นมาได้พักหนึ่งแล้ว เธอไม่อยากรู้ว่าพวกเขาอธิบายกันยังไงแล้วเหรอ?”
หานมู่จื่อไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงส่ายหัวไปมาอย่างจืดจาง
ที่จริงไม่ต้องคิด ประมาณว่าเธอก็รู้ว่าพวกเขาจะคบค้าสมาคมกันยังไง ใบหน้านั้นของเสี่ยวหมี่โต้วกับเย่โม่เซินเหมือนกันเช่นนั้น ยึดตามนิสัยของเย่โม่เซิน เขาจะเดาไม่ได้ได้ยังไง
เธอเพียงแค่กำลังคิด หลังจากที่เย่โม่เซินคาดเดาถึงความจริงได้แล้ว จะปฏิบัติต่อเธอยังไง?
ความจริงเรื่องนี้ ประมาณว่าได้ปิดบังเขามาแล้วเป็นเวลา5ปีเต็ม
เขาในเวลานี้ จะโกรธเธอ? รังเกียจเธอ? แค้นเธอ?
เห็นเธอยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว จางเสี่ยวเหยียนก็ได้กัดฟันแล้วกัดฟันอีก: “ฉันลงไปดู เธอไม่ต้องห้ามฉัน”
“จางเสี่ยวเหยียน!”
หานมู่จื่อเรียกเธอไว้อย่างเสียงดัง ฝีเท้าของจางเสี่ยวเหยียนได้หยุดชะงัก และได้หันหัวมองมาทางเธอ
“ดึกมากแล้ว เธอกลับห้องของตัวเองไปมาสก์หน้า หลังจากนั้นอาบน้ำนอน ไม่ต้องสนใจเรื่องทางด้านนี้”
“แต่ว่าเธอ......”
“วางใจ ตัวฉันเองมีการลำดับความสำคัญ ฉันรู้ว่าจะจัดการยังไง”
“มู่จื่อ!!”
“กลับไป!” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจนเคร่งขรึมขึ้นมาของหานมู่จื่อ ได้มองจางเสี่ยวเหยียนราวกับผู้อาวุโสคนหนึ่ง
จางเสี่ยวเหยียนไม่เคยเห็นหานมู่จื่อปรากฏท่าทางที่เคร่งขรึมเช่นนี้ออกมากับตัวเอง แววตานั้นได้บอกชัดเจนก็คือไม่ต้องการให้เธอแทรกเข้ามา หากว่าเธอยังไม่รู้จักดีเลวละก็ เกรงว่ามู่จื่อจะต้องโกรธตัวเองเป็นอย่างมากแน่ๆ
“เช่นนั้นก็ได้ ฉันไม่เข้าไปแทรก และก็ไม่สนใจพวกเธอแล้ว ฉันกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนแล้ว”
เมื่อพูดจบจางเสี่ยวเหยียนก็ได้หมุนตัวเดินไปตรงๆ
รอหลังจากที่เธอจากไปแล้ว หานมู่จื่อก็ได้หล่นกลับไปในโซฟาอีก และเธอได้ปิดตาลง
ตรงประตูได้มีเสียงการเคลื่อนไหวดังขึ้นเบาๆ หานมู่จื่อมีความจนปัญหาอยู่บ้าง คิดว่าเป็นจางเสี่ยวเหยียนกลับมาอีกแล้ว จากนั้นก็ได้พูดส่งเสียง: “ฉันไม่ได้พูดแล้วว่าฉันจะจัดการด้วยตัวเองเหรอ? เธอกลับไปนอนเถอะ อย่ามารบกวนฉันแล้วจริงๆ”
หลังจากที่เธอพูดจบทางด้านนอกก็ไม่ได้มีเสียงตอบกลับ หานมู่จื่อจึงคิดว่าจางเสี่ยวเหยียนก็จากไปแล้ว แต่เมื่อคิดๆก็ไม่ถูก เมื่อกี้เธอได้โมโหแล้ว จางเสี่ยวเหยียนรู้จักอารมณ์ของเธอ เวลานี้ก็น่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว
ถ้าเช่นนั้นเสียงดังตรงประตูเมื่อกี้คือ?
หานมู่จื่อได้งุนงงแล้วงุนงงอีก จากนั้นก็ได้เปิดตาออก หลังจากนั้นจึงได้เข้าไปดูตรงประตู
เงาของร่างกายที่สูงตรงเงาหนึ่งยืนอยู่ข้างประตู และมองเธอไว้ด้วยสายตาที่เหมือนกับไม้ฉาก
เย่โม่เซิน……
เมื่อเห็นถึงเย่โม่เซิน ริมฝีปากของหานมู่จื่อก็ได้ขยับไปแล้วครู่หนึ่ง จิตใต้สำนึกทำให้ได้ปีนขึ้นมาจากบนโซฟา หลังจากนั้นก็ได้นั่งมองเขาอยู่ตรงนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่