บทที่92 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ออกมา พูดออกมา คนอื่นรู้แล้วยังไง?
เสิ่นเฉียวไม่ได้พูดอะไร
ทั้งยังผลักมือของเย่หลิ่นหายออกอย่างเกลียดชัง เธอพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “นายไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก”
หลังจากที่เย่หลิ่นหานโดนผลัก เขาไม่โกรธ กลับยิ้มให้เธอ แล้วเดินมานั่งพิงตัวเข้ากับลำต้นของต้นไม้ข้างๆเธอ
“ถ้าฉันไป เธอคงร้องไห้คนเดียว แล้วก็หนักกว่าเดิมด้วย”
เย่หลิ่นหานอธิบายเสียงเบา “จริง ๆ เวลาอารมณ์ไม่ดี การปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวคือวิธีที่แย่ที่สุด เพราะเธอจะคิดถึงแต่เรื่องพวกนั้น แต่ถ้ามีคนอยู่คุยด้วย เธอจะค่อยๆลืมเรื่องพวกนั้น แล้วเรื่องที่ทำให้เธอเสียใจ.... คือเรื่องอะไรหรอ”
เสียงของเขาฟังดูเจ็บปวดมากขึ้น เสิ่นเฉียวหันไปมองเขาครั้งหนึ่ง “เมื่อก่อน.... คุณก็เคยเสียใจมากๆแบบนี้อย่างนั้นหรอ?”
ฟังจบ เย่หลิ่นหานก็หันไปสบตากับเธอ “ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะได้ผลนะ เธอเริ่มสนใจเรื่องของฉันแล้ว”
เสิ่นเฉียวหยุดหายใจ ดูเหมือนจะอย่างที่เขาบอก
เธอมองเย่หลิ่นหานที่อยู่ห่างจากเธอเพียงหนึ่งไม้บรรทัด เสิ่นเฉียวหันหลัง ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนหน้า สูดน้ำมูก
“ฉันไม่เหมือนกับนาย ฉันอยู่คนเดียวก็โอเคแล้ว”
แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นเธอที่รักษาบาดแผลพวกนั้นด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมารักษาแทน
“ถ้าทำตัวเข้มแข็งแบบนี้ไปตลอด คนที่เจ็บที่สุดก็คือตัวเธอเอง” เย่หลิ่นหานพูดต่อ “โม่เซินก็ไม่ใช่คนที่จิตใจด้านชา เธอเคยลองคิดเรื่องทำตัวอ่อนแอต่อหน้าเขาบ้างไหม? บางที เขาอาจจะเป็นห่วงเธอ และถ้าเขาใส่ใจเธอ เขาจะไม่ปล่อยให้เธอมาแอบร้องไห้ที่นี่คนเดียว”
เสิ่นเฉียวคิด เธอไม่ได้อยากให้เขามาใส่ใจเธอเสียหน่อย อีกอย่างนายเองก็ไม่ได้รู้เรื่องของฉันกับเขา
เมื่อเธอเงียบไม่พูดอะไร เย่หลิ่นหานก็เงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วไม่พูดอะไรอีก
พักใหญ่ เขายื่นมือออกมาจับข้อมือบางของเสิ่นเฉียว เธอตกใจ ตั้งใจจะดึงข้อมือของตัวเองกลับ
“ฉันรู้ว่าเธอเสียใจที่แต่งงานเข้าตระกูลเย่ คราวหลังถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอีก ก็มาหาฉันได้เสมอ”
“พี่...พี่ใหญ่....” เสิ่นเฉียวดึงมือตัวเองกลับมา การเผชิญหน้ากับความอ่อนโยน แต่เต็มไปด้วยการควบคุมที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเย่หลิ่นหานนั้น เสิ่นเฉียวรู้สึกเหมือนคนที่หาทางออกไม่เจอ หลังจากที่ดึงมือกลับมาได้เธอก็หันหลังให้กับเขา แล้วก้มหน้าเหม่อมองพื้น
ไม่ไกลจากพวกเขาเซียวซู่ก็ได้จดจำภาพที่เห็นเอาไว้
เซียวซู่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เขาอยากที่จะพูดแทนเสิ่นเฉียว แต่ว่าภาพตรงหน้าทำให้เขาคิดไม่ออกว่าควรจะอธิบายอย่างไร เลยได้แต่เงียบ
เย่โม่เซินมองดูเงาของคนสองคน แสงจันทร์ที่ทะลุผ่านเงาไม้สาดส่องลงมา แสงจันทร์อ่อนๆที่พาดผ่านคนทั้งคู่ ทำให้คนที่อยู่ห่างไกลออกมามองแล้วรู้สึกว่าทั้งคู่นั้นช่างเหมาะสมกันมาก
การกระทำของคนทั้งคู่เมื่อกี้ โดนเย่โม่เซินเห็นและจำไว้หมดแล้ว ตอนเย่หลิ่นหานยกมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาให้เสิ่นเฉียวอย่างอ่อนโยน เย่โม่เซินเกือบจะพุ่งตัวไปชกคนแล้ว แต่เซียวซู่จับไหล่เขาไว้ พูดย้ำว่า “คุณชายเย่ ใจเย็นๆ!”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ภายในใจของเย่โม่เซินเริ่มเปลี่ยน
ไม่อยากเห็นเสิ่นเฉียวร้องไห้ต่อหน้าตัวเอง คิดว่าผู้หญิงที่ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นนั้นน่ารำคาญ
แต่วันนี้ที่เห็นเธอร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายคนอื่น เย่โม่เซินกลับรู้สึกเหมือนมีมือคู่หนึ่งกำลังบีบหัวใจของตัวเอง น่าโมโหยิ่งกว่าตอนที่เห็นเธอร้องไห้ต่อหน้าตัวเองอีก
วันนี้ก่อนที่เธอจะวิ่งออกมา ขอบตาของเธอเป็นสีแดงก่ำ ชัดเจนว่าเธอเสียใจเพราะคำพูดของเขา
“นายอยากโดนฉันสวมเขามากใช่ไหม? ได้ฉันจะทำให้นายเห็นเอง!”
อย่างที่เขาต้องการ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่