เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] นิยาย บท 134

สรุปบท บทที่ 134 วิสัยทัศน์อันกว้างไกล: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

สรุปเนื้อหา บทที่ 134 วิสัยทัศน์อันกว้างไกล – เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] โดย Internet

บท บทที่ 134 วิสัยทัศน์อันกว้างไกล ของ เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 134 วิสัยทัศน์อันกว้างไกล

เมื่อมาถึงลำธารจุดเดียวกับที่ซูเย่มาเมื่อตอนกลางวัน ชายร่างกายสูงใหญ่คนนั้นก็ยืนจ้องมองอีกฟากฝั่งหนึ่งของลำธารด้วยความวิตกกังวล

“ค่อยยังชั่ว”

เมื่อเห็นว่าหญ้าเฉาก๊วยวิเศษเหล่านั้นยังคงอยู่ดี ชายฉกรรจ์ถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ความเศร้าเสียใจที่ต้นโซวูร้อยปีถูกขโมยไปสลายหายสิ้น

ความรู้สึกทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น

“ยังดีที่หญ้าเฉาก๊วยยังอยู่!”

ชายฉกรรจ์กวาดตามองรอบบริเวณเพื่อให้แน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีมนุษย์คนอื่นอยู่ด้วย จากนั้นเขาจึงได้ระเบิดเสียงหัวเราะและพึมพำว่า “โชคดีที่ยังไม่มีใครมาเจอหญ้าเฉาก๊วยพวกนี้ และพวกมันต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น!”

“อีกสิบวันเราต้องรีบกลับมาเก็บมันให้เร็วที่สุด!”

เมื่อนึกถึงการเก็บหญ้าเฉาก๊วยวิเศษในอีกสิบวันข้างหน้า ชายฉกรรจ์ก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้

เขามองไปที่กลุ่มหญ้าเฉาก๊วยด้วยแววตาเป็นประกาย

จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกมา

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง

วันอังคาร

18:00 น.

รายละเอียดการแข่งขันเพื่อฝากตัวเป็นลูกศิษย์อาจารย์จากสมาคมแพทย์แผนจีนได้รับการเผยแพร่ออกมาแล้ว!

“นักศึกษาที่สามารถทำคะแนนติด 100 อันดับแรกได้สำเร็จ จะสามารถเลือกได้ว่าตนเองจะเรียนพิเศษกับอาจารย์ท่านใดก็ได้หนึ่งท่าน”

รายชื่อคณะอาจารย์มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 30 คน

“เป็นอย่างที่คิดจริงด้วย!”

เมื่อเห็นประกาศฉบับนี้ บรรดานักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็ตื่นเต้นกันอย่างถ้วนหน้า

หลังจากรอคอยมาหลายวัน ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง

จิตใจของพวกเขาฮึกเหิม ไม่ได้จมอยู่กับความเศร้าโศกในอดีตอีกต่อไป!

“อาจารย์อาวุโสทั้ง 30 ท่านนี้ ต่างก็เป็นแพทย์แผนจีนชื่อดังทั้งนั้น ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ถือว่าสวรรค์เข้าข้างพวกเราแล้ว!”

“ตอนแรกฉันนึกว่าเขาจะประกาศแค่ขำ ๆ นะ คิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์อาวุโสทั้ง 30 คนนี้จะยอมร่วมมือด้วย คณบดีหลี่ของพวกเราสุดยอดจริง ๆ!”

“ถ้าได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หนึ่งในแพทย์แผนจีนอาวุโสเหล่านี้ พอเรียนจบแล้ว เราสามารถเติมข้อมูลลงไปในใบสมัครงานได้ด้วยนะ คิดดูสิว่าถ้ามีคำว่าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ XXX ต่อท้ายไปด้วย มันจะน่าภูมิใจขนาดไหน”

“ถ้าพวกเราได้เป็นลูกศิษย์ของพวกเขาจริง ๆ ล่ะก็ อนาคตในวงการแพทย์แผนจีนของพวกเราก็ต้องสดใสแน่นอน!”

กวาดตาดูในวงการนักศึกษาขณะนี้ ไม่มีผู้ใดจะมีความสุขมากกว่าเด็กจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางอีกแล้ว ทุกคนที่ได้รับทราบข่าวนี้ ต่างก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ทางนั้นดูจะให้ความสำคัญกับนักศึกษามากเลยนะ?”

“ไปบอกให้คณบดีของพวกเราทำตามพวกแพทย์แผนจีนจี้หยางบ้างดีไหมเนี่ย?”

“ทำไมคณบดีของพวกเราถึงไม่คิดอะไรดี ๆ แบบนี้บ้างนะ…”

เดิมทีก่อนหน้านี้ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ล้วนติดตามสถานการณ์ของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางด้วยความสนุกสนาน ไม่ได้คิดอื่นใดนอกจากเป็นสิ่งบันเทิงฆ่าเวลา

แต่ในขณะนี้ พวกเขาก็อดตกตะลึงไม่ได้

“สุดยอดไปเลยเว้ยเฮ้ย! ถ้าสามารถหาอาจารย์ที่จะช่วยสอนแบบตัวต่อตัวได้อย่างนี้ล่ะก็ นักศึกษาที่เรียนจบมาก็มีคุณภาพมากขึ้น ถือเป็นการเดินหมากที่ฉลาดมาก!”

“ทำไมคณบดีของที่อื่นถึงสุดยอดแบบนี้นะ ถ้าสถาบันศิลปะของพวกเรามีอาจารย์ดี ๆ แบบนี้บ้าง ฉันคงไม่ต้องวนเวียนอยู่กับการเรียนออกแบบเสื้อผ้าตั้งสองปีอย่างนี้หรอก!”

“ถ้าเขามาเป็นคณบดีที่สถาบันการดนตรีซิงเหมิง ฉันว่าฉันต้องได้รับการสนับสนุนให้ออกอัลบั้มแล้วแน่ ๆ!”

บรรดาผู้บริหารของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนคู่แข่งหลาย ๆ แห่งก็เห็นประกาศฉบับนี้แล้วเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เคยได้ยินข่าวลืออยู่บ้าง

แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางจะเอาจริง!

“ใครกันนะที่คิดไอเดียแบบนี้ออกมาได้?”

“ให้แพทย์แผนจีนชื่อดังมาเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยอย่างนั้นหรือ? มีแพทย์แผนจีนยอมทำตามที่พวกเขาร้องขอด้วยจริงสิ?”

“ไม่ได้การแล้ว พวกเราทำตามบ้างดีกว่า ถ้าไม่รีบทำตามตอนนี้ เดี๋ยวแพทย์แผนจีนจี้หยางจะได้หน้าไปคนเดียว รับรองได้ว่าพวกเด็ก ๆ คณะแพทย์แผนจีนต้องมีกำลังใจเรียนขึ้นอีกเยอะเลย!”

ดังนั้น มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนชื่อดังหลายแห่งจึงเรียกประชุมผู้บริหารอย่างเร่งด่วน เพื่อปรึกษาหารือกันว่าพวกเขาควรปรับกลยุทธ์อย่างไรดี

ทุกคนไม่เคยรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางจะมีความน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน

ณ เรือนจำกลางจี้หยาง

“หลี่เคอหมิงหาวิธีเอาชนะใจนักศึกษาได้แล้วเหรอเนี่ย?”

หยางเหวินป๋อซึ่งได้รับทราบข่าวนี้เช่นกันถึงกับมีดวงตาเป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที “ทำไมฉันถึงมองไม่ออกเลยนะ ให้ตายสิ หลี่เคอหมิง ภายนอกดูสุภาพเรียบร้อยไม่มีพิษไม่มีภัย แต่พอขึ้นเป็นคณบดีเท่านั้นแหละ กล้าได้กล้าเสียยิ่งกว่าฉันซะอีก”

สวนสาธารณะขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

“หืม ใช้ได้เลยนี่นา!” ฮั่วเหรินเซิงระเบิดเสียงหัวเราะเมื่อเห็นแผ่นป้ายประกาศติดอยู่ข้างทาง “ถือว่ามีวิสัยทัศน์กว้างไกล แก้ปัญหาได้อย่างชาญฉลาด ไม่เสียทีที่เป็นลูกศิษย์ของฉัน”

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง

หอพักชาย

“สุดยอดเลยครับเพื่อน ๆ!”

ซูชือส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น “รายละเอียดในประกาศบอกว่า ถึงไม่ใช่เด็กคณะแพทย์แผนจีน ก็สามารถเข้าแข่งขันคัดเลือกอาจารย์ให้ตัวเองครั้งนี้ได้เหมือนกัน ขอแค่เราหาอาจารย์ที่เหมาะสมให้เจอ เราก็คงได้เชิดหน้าชูตาไม่น้อยหน้าเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนอีกแล้ว”

“นั่นสิ ถ้ามีแพทย์แผนจีนคอยชี้แนะตลอดเวลา ความรู้ที่พวกเราจะนำมาวิจัยสมุนไพรต่อไปก็ต้องแน่นปึ้กมากกว่าเดิม ดูเสี่ยวเย่เป็นตัวอย่างสิ เพราะหมอนี่มีอาจารย์ดี ก็เลยมีฝีมือก้าวหน้ามากกว่าพวกเราทุกคนไง”

จินฟานพูดด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน

ในขณะที่ซูเย่พูดอะไรไม่ออก

จังหวะนั้น ข้อความก็ถูกส่งเข้ามาในโทรศัพท์ของเขา

เป็นข้อความจากหวังเหา

“เงิน 100,000 หยวนถูกโอนเข้าบัตรของนายเรียบร้อยแล้วนะ”

“ขอบคุณมากครับ!”

ซูเย่พิมพ์ตอบกลับไป

เงินก้อนนี้มาได้ถูกเวลาทีเดียว

วันพรุ่งนี้คือวันพุธ เขากำลังจะต้องหาเงินไปซื้อสมุนไพรคุณภาพสูงอยู่พอดี

เช้าวันต่อมา

ซูเย่กับหลี่เคอหมิงขึ้นรถไฟมุ่งหน้าเข้าเมือง

“เฮ้อ…”

หลี่เคอหมิงระบายลมหายใจออกมาอย่างแรงเมื่อหย่อนก้นลงนั่งบนเบาะนุ่ม เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของชายวัยกลางคนผ่อนคลายมากกว่าครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเจอกันหลายเท่า

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของเธอมากนะ สุดท้ายทุกอย่างก็คลี่คลายลงด้วยดีจริง ๆ”

หลี่เคอหมิงพูดและยิ้มกว้าง

“ความจริงผมก็แค่พูดไร้สาระไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นแหละครับ อาจารย์ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจหรอก”

ซูเย่ตอบรับด้วยรอยยิ้ม

หลี่เคอหมิงอธิบายหลักสูตรการตรวจสอบสมุนไพรแต่ละอย่างด้วยความละเอียดถี่ถ้วน

หลังจากนั้น ชายวัยกลางคนก็หยุดและหันมามองหน้าซูเย่ “วิธีการเหล่านี้คือสิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากเย็นอะไร แต่การจะนำไปปฏิบัติจริงให้ถูกต้องและแม่นยำนั้น จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ในวงการแพทย์แผนจีนนานหลายปี”

“ไหน ๆ วันนี้เราก็มาอยู่ในตลาดขายสมุนไพรจีนแล้ว ฉันจะถือโอกาสนี้สอนเคล็ดลับอีกหลายอย่างให้เธอได้รู้”

“ขอบคุณมากเลยครับ อาจารย์”

ซูเย่พยักหน้า รีบจดจำข้อมูลที่หลี่เคอหมิงบอกออกมาทั้งหมดลงในหัวสมอง

ชายหนุ่มเดินเคียงข้างหลี่เคอหมิงตรงไปข้างหน้า

ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย

เขาเจอเข้ากับแผงขายสมุนไพรเล็ก ๆ แผงหนึ่ง

มันเล็กมากจนแทบจะเรียกว่าเป็นแผงขายของไม่ได้ด้วยซ้ำ

ชายชราผู้เป็นเจ้าของแผงมีผมสีขาวโพลน แผงขายสมุนไพรของเขามีสินค้าอยู่เพียงชิ้นเดียว คือต้นเบญจมาศที่สวยงามหมดจดอยู่ในกระถางดอกไม้หน้าตาธรรมดา ๆ ใบหนึ่ง

ซูเย่จ้องมองดอกเบญจมาศด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

“เปิดผนึกดวงตาที่สาม!”

แล้วเขาก็เห็นพลังปราณธรรมชาติลอยขึ้นมาจากต้นเบญจมาศกระถางนี้

ซูเย่ปิดตาที่สามลงและเดินตรงเข้าไปที่แผงของชายชรา

ถึงต้นเบญจมาศในกระถางนี้จะไม่ได้จัดเป็นสมุนไพรระดับฟ้าประทาน แต่ก็ถือว่ามีดีกว่าดอกเบญจมาศทั่วไปที่วางขายในท้องตลาดหลายต่อหลายเท่า

“เถ้าแก่ เบญจมาศกระถางนี้ขายไหมครับ?”

ซูเย่สอบถาม

“ขายสิ ขายอยู่แล้ว”

ชายชราเบิกตาโต จ้องมองซูเย่ด้วยความพิศวง

“ขายเท่าไหร่ครับ?”

ซูเย่ชี้มือไปยังกระถางเบญจมาศเพียงหนึ่งเดียวบนแผง

“สองหมื่น” ชายชรายกมือขึ้นมาชูสองนิ้วพร้อมกับยิ้มแป้น

เมื่อได้ยินราคา

หลี่เคอหมิงที่ยืนอยู่ด้านข้างชายหนุ่มก็เลิกคิ้วขึ้นสูง เดินเข้ามาใช้สายตาตรวจสอบต้นเบญจมาศอย่างใกล้ชิด จากนั้นจึงได้หันหน้ามามองซูเย่ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

ต้นเบญจมาศกระถางเดียวเนี่ยนะขาย 20,000 หยวน?

“หมื่นนึงขายไหมครับ?”

ซูเย่พยายามต่อรอง

หลี่เคอหมิงทำตาโตมองหน้าลูกศิษย์ของตัวเองด้วยความเหลือเชื่อ ราคา 20,000 หยวนแพงเกินไปก็จริง แต่ 10,000 หยวนก็ใช่ว่าจะเป็นราคาที่ถูก ถึงต้นเบญจมาศต้นนี้จะดูสวยงามและมีลักษณะสมบูรณ์แบบในทุก ๆ ด้าน แต่ถ้าเดินเข้าไปซื้อในตลาดดอกไม้ มันคงมีราคาไม่เกิน 50 หยวนแน่นอน

“หุหุ…”

ชายชราปรายตามองซูเย่ด้วยความไม่แยแส “ถ้าคุณรู้คุณค่าที่แท้จริงของมัน คุณก็ต้องรู้ว่าแค่ 20,000 นี่ถือว่าถูกมากแล้ว”

ซูเย่ยิ้มฝืด

“ก็ได้ครับ ผมจะซื้อเบญจมาศกระถางนี้”

ซูเย่มองหน้าชายชราและกล่าวต่อ “แต่ผมอยากรู้ด้วยว่าเถ้าแก่ไปหามันมาจากไหน”

“หืม?”

เมื่อได้ยินคำถามของชายหนุ่ม แววตาที่ขุ่นมัวของชายชราก็เป็นประกายแจ่มใสขึ้นมาทันที เขาสำรวจมองซูเย่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง ก่อนตอบว่า

“ได้สิ ไม่มีปัญหา”

หลังจากนั้น ชายชราก็หยิบโทรศัพท์หัวเหว่ยรุ่นล่าสุดออกมาพูดว่า “แอดมาเป็นเพื่อนฉันในวีแชทก่อน แล้วฉันจะส่งโลเคชั่นไปให้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]