บทที่ 31 ศึกหมากล้อม
ระหว่างทางกลับมหาวิทยาลัย ซูเย่ใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท AI ที่ท้าทายผู้เล่นหมากล้อมจากทั่วทุกมุมโลกผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ไม่นานเขาก็หาโฮมเพจของบริษัท AI นี้เจอ ซึ่งตอนนี้ก็ได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนกันแล้ว
“แบ่งระดับด้วย?”
ซูเย่ตรวจสอบกฎการแข่งขันอย่างรอบคอบ พบว่าบริษัท AI ประกาศอย่างเป็นทางการว่า อัลฟ่า แบ่งออกเป็นห้าระดับ: ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ระดับสูง ระดับปรมาจารย์ ระดับโลก
หลังจากลงทะเบียนบนเว็บไซต์ทางการของบริษัท AI แล้ว คุณสามารถเข้าร่วมการแข่งคัดเลือกจากทั่วประเทศได้ กฎคือผู้เข้าร่วมที่ลงทะเบียนทุกคนสามารถเลือกระดับอัลฟ่า ที่จะท้าทายได้ และหากแพ้เพียงครั้งเดียวในระหว่างการแข่งจะตกรอบทันที
ผู้ชนะการแข่งขันสามารถมีส่วนร่วมในการแข่งขันระดับต่อไป
นี่เป็นเพียงการคัดเลือกขั้นต้นเท่านั้น มีเพียงผู้ที่สามารถเอาชนะไปถึงระดับโลกเท่านั้น ที่จะสามารถได้ดวลศึกหมากล้อมกับ อัลฟ่าขั้นสูง
“ทั้งประเทศ?”
ซูเย่ส่ายหัว การเล่นหมากรุกจีนยังพอว่า แต่การเล่นหมากล้อมนั้นล้าหลังเกินไป ทว่า ภายใต้การหลอกล่อด้วยเงินรางวัลมหาศาลและความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ คงมีคนสมัครเยอะแน่ ๆ
และนี่คงเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อทำให้บริษัทมีชื่อเสียงเสียมากกว่า
เขาอ่านต่อไปเรื่อย ๆ และพบว่าระดับสูงสุดที่เปิดในวันนี้คือระดับสูง ระดับปรมาจารย์จะเปิดในวันพรุ่งนี้ และระดับโลกจะเปิดในวันมะรืนนี้
ในวันนี้สามารถเข้าร่วมในระดับสูงได้โดยตรง หรือจะเริ่มจากระดับเริ่มต้น หรือระดับกลางก่อนแล้วแข่งมาจนถึงระดับสูงทีละระดับก็ได้ แต่จะมีเฉพาะผู้ที่ผ่านระดับสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันระดับปรมาจารย์ในวันถัดไปได้และผู้ชนะระดับปรมาจารย์ ถึงสามารถไปต่อในระดับโลกและผู้ชนะจะได้รับรางวัลสิบล้านหยวน
ซูเย่พยักหน้าเบา ๆ ด้วยวิธีการคัดเลือกเช่นนี้ หลังจากผ่านการคัดเลือกเป็นระดับขั้น ผู้ที่สามารถต่อสู้อัลฟ่าขั้นสูงได้ในที่สุดจะต้องเป็นผู้เล่นหมากล้อมที่แข็งแกร่งที่สุด
ต้องยอมรับในจุดนี้ว่าบริษัท AI มีการคัดเลือกอย่างเคร่งครัด บางทีวิธีการคัดกรองแบบทีละขั้นนี้อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด
เมื่อกลับไปที่หอพัก ซูเย่เปิดคอมพิวเตอร์ทันที และเข้าสู่ระบบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัท AI เพื่อเริ่มลงทะเบียน
“นี่ เสี่ยวเย่”
เมื่อซูชือและจินฟานเห็นว่าซูเย่กลับมาแล้ว พวกเขาจึงลุกออกจากเตียงเดินเข้ามาหาพลางเอ่ยถามอย่างเร่งรีบ “เทพธิดาสองคนของเราเป็นไงบ้าง แล้วนายไปอยู่ที่ไหนมาตั้งหลายวัน?”
“ไม่มีอะไร”
ซูเย่กดพิมพ์แป้นพิมพ์พลางเอ่ยตอบ “ทั้งสองคนถูกส่งไปเข้าสำนักโบราณเพื่อฝึกฝน”
“บ้าไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูชือก็ถามด้วยความประหลาดใจทันที “มีสำนักด้วย สำนักอะไร ฉันก็อยากไปด้วย!”
“เขารับแต่ศิษย์หญิง”
ซูเย่เอ่ยตอบสีหน้าราบเรียบ
“รับแต่ศิษย์หญิง? งั้นฉันก็ยิ่งอยากไปมากกว่าเดิมอีก!”
จู่ ๆ จินฟานและซูชือก็ชำเลืองมองกันและกัน ดวงตาส่องประกายกว่าปกติ ทันใดนั้นก็กระโจนมาคว้าไหล่ของซูเย่ “ลูกพี่ซู นายเก่งรอบด้านขนาดนี้ พาฉันไปที่นั่นได้ไหม”
“หยุดความคิดซะ ประตูสำนักปิดแล้วเพราะฉัน พวกนายอยากไปส่องสาวก็ไปแถว ๆ มหาวิทยาลัยเถอะ”
ซูเย่เอ่ยตอบ
“ฮ่า ๆ ล้อเล่นน่า”
ซูชือหัวเราะกลบเกลื่อนพลางกล่าวต่อ “ตราบใดที่เทพธิดาของเรายังสบายดี ฉันก็ไม่อยากไปไหนหรอก ท้ายที่สุด อนาคตของเราก็อยู่บนเส้นทางแพทย์แผนจีนนี่น่า”
“ใช่แล้ว”
จินฟานพยักหน้าเห็นด้วยทันที
“เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ นายบอกว่าประตูสำนักปิดเพราะนายเหรอ”
ซูชือรู้สึกว่าในบทสนทนาเมื่อกี้เขาพลาดอะไรบางอย่างไป
“ก็ใช่น่ะสิ”
ซูเย่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “เป็นไง เจ๋งละสิ”
“โม้เถอะ เจ๋งขนาดนี้ไม่สอนเองเลยล่ะ ตอนนี้ก็กลายเป็นรักทางไกลแล้ว”
ซูเย่ “……”
การฝึกของผู้ชายกับผู้หญิงมันเหมือนกันซะที่ไหนละ!
ซูชือเอ่ยเตือน “ยังไงก็เถอะ ส่งข้อความบอกในกลุ่มเพื่อให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เถอะ ตอนนี้ทุกคนกังวลเกี่ยวกับสองพี่น้องไป๋มาก”
“อืม”
ซูเย่พยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อส่งข้อความไปยังกลุ่มแชทของพวกเขา
“สองพี่น้องไป๋สบายดี ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ทั้งสองคนปลอดภัยแล้ว และทั้งคู่ได้เข้าร่วมสำนักฝึกยุทธ์ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน อวยพรให้พวกเธอ ทุกคนเองก็ฝึกฝนเข้าล่ะ!”
เมื่อส่งข้อความไปคนแรกที่ตอบทันทีก็คือซูชือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา…
“ขอให้เทพธิดาทั้งสองฝึกฝนโดยเร็วที่สุด แผ่ขยายชื่อเสียงแก๊งถู่โช่วจย้าเทียนของพวกเรา!”
ทุกคนในกลุ่มก็ทยอยเข้ามาแสดงความยินดี
เมื่อเห็นคำอวยพรจากเพื่อน ๆ คนอื่น ซูเย่ยิ้มเล็กน้อย และหัวใจของเขาพลันรู้สึกอบอุ่นไปด้วย
ถ้าไป๋จือหรานกับไป๋จือเหยียนพกโทรศัพท์มือถือไปด้วย พวกเธอคงจะมีความสุขมากที่ได้อ่านคำอวยพรของทุกคนที่มีต่อพวกเธอใช่ไหม?
น่าเสียดายที่โทรศัพท์มือถือของพวกเธอถูกยึดไปตอนกลับถึงบ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]