เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] นิยาย บท 57

บทที่ 57 เล่นเกมเพิ่มพลังเสริมการฝึกตน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

จางกงหมิงก็กลับมาออนไลน์อีกครั้ง และแจ้งว่า

“ฉันบริจาคเงิน 1,000,000 หยวนเรียบร้อยแล้วนะ”

เน็ตไอดอลหนุ่มมองหน้าซูเย่ด้วยความสงสัย และอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทราบหรือไม่ว่าเขาบริจาคแล้วจริง ๆ

ซูเย่รอคอยอยู่ในความเงียบ

แล้วเสียงติ้งก็ดังขึ้นในหัวของเขา

แต้มศีลธรรม +20

ขณะนี้ซูเย่มีคะแนนศีลธรรม 27 แต้ม ขาดอีก 73 แต้ม ก็จะมีครบ 100 แต้มพอดี

“เรียบร้อย”

ซูเย่โยนดาบเวหา และอาวุธอีกสองชิ้นไปกองไว้ตรงหน้าจางกงหมิงก่อนจะถอยหลังกลับมา

“เดี๋ยวนะ…เฮ้ย?”

จางกงหมิงมองหน้าซูเย่ด้วยความเหลือเชื่อ “นายรู้ได้ยังไง?”

ซูเย่ไม่ตอบรับคำใด เพียงผายมือไปยังอาวุธที่วางกองอยู่เบื้องหน้าเน็ตไอดอลหนุ่ม เป็นสัญญาณให้จางกงหมิงเก็บอาวุธเหล่านั้นไปซะ

จางกงหมิงรีบเก็บอาวุธเข้าสู่กระเป๋าเวทมนตร์ทันทีแม้หัวใจจะเต็มไปด้วยความสงสัยก็ตาม

เมื่อเห็นว่าการซื้อขายเสร็จสิ้นเรียบร้อย ซูเย่ก็เตรียมตัวจะไปสำรวจบริเวณเขตชายแดนของแผนที่ระดับ 20 อีกครั้ง เพราะก่อนที่จะหมดเวลาเล่นเกมประจำวัน ยังพอมีเวลาให้ได้ออกเดินสำรวจอะไรอีกบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ

“เดี๋ยวก่อนสิ ท่านเทพ”

เมื่อเห็นว่าซูเย่ทำท่าจะเดินจากไปแล้ว จางกงหมิงก็รีบวิ่งมายืนขวางหน้าและกล่าวอย่างมีความหวัง “ในเมื่อการซื้อขายของเราผ่านไปอย่างราบรื่น ไม่ทราบว่านายพอจะช่วยทำให้ความฝันของฉันเป็นจริงได้ไหม?”

“นายต้องการอะไร?”

ซูเย่ถามด้วยความมึนงง

“ทุกคนต่างก็บอกว่านายมีฝีมือเก่งกาจ และแข็งแกร่งมาก ถ้างั้นช่วยประลองเพลงดาบกับฉันสักกระบวนท่าได้ไหม!”

จางกงหมิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“หา?”

ซูเย่ไม่คิดจริง ๆ ว่าจะได้ยินคำขอเช่นนี้

แต่บัดนี้ จางกงหมิงชักดาบออกมาตั้งท่ารอรับการโจมตีแล้ว

“ได้สิ เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก”

ซูเย่ยิ้มแย้ม และพยักหน้า

เมื่อเขายื่นมือขึ้นไปในอากาศ

ดาบเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของซูเย่

คมดาบสาดประกายเจิดจ้า

“เคล้ง”

จางกงหมิงได้ยินเพียงเสียงโลหะปะทะกัน จากนั้นดวงตาของเขาก็พร่ามัวมองไม่เห็นอะไรอีกทั้งสิ้น

ในใจได้แต่คิดด้วยความตกตะลึงว่า X ช่างมีเพลงดาบที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสมความปรารถนาแล้ว

ซูเย่ก็ถอยหลังเดินหายไปยังเขตชายแดนของแผนที่ระดับ 20 อยากจะไล่ฆ่าสัตว์ประหลาดแถวนั้นดูอีกสักหน่อย เผื่อเขาจะได้อาวุธพิเศษเพิ่มเติมมาบ้างอีกสักชิ้นสองชิ้นก็ยังดี

ในเวลาเดียวกันนี้

นอกจากมีคนมากมายระดมโพสต์กระทู้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการอัพเลเวลได้อย่างรวดเร็วผิดปกติของ X แล้ว ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยคอยเฝ้าสังเกตการณ์กระดานคะแนนผู้เล่นอยู่ตลอดเวลา

บนกระดานคะแนนในตอนนี้ X ยังคงเป็นผู้เล่นอันดับ 1

และบนกระดานคะแนนก็ยังแสดงลำดับผู้ที่ได้ครอบครองอาวุธวิเศษภายในเกมอีกด้วย

ตอนนี้มีผู้เล่นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ครอบครองดาบเวหา แต่ผู้เล่นคนนั้นไม่ประสงค์จะเปิดเผย ID ของตนเอง

ทว่า ทุกคนก็รู้ดีว่าจะต้องเป็น X อย่างแน่นอน

แต่ทันใดนั้นเองจู่ ๆ ชื่อ ID เจ้าของดาบเวหากลับปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคนเสียอย่างนั้น

ปรากฏว่าไม่ใช่ผู้เล่น X แต่เป็นผู้เล่นที่ชื่อว่าบัณฑิตหลู่ช่วงจากที่ไหนก็ไม่รู้

ที่สำคัญก็คือหมอนี่ยังได้ครอบครองอาวุธวิเศษอีกสองชนิด

ดาบคมพยัคฆ์ และธนูปลิดวิญญาณ

อาวุธวิเศษทั้งหมดนี้ล้วนตกเป็นของบัณฑิตหลู่ช่วงแต่เพียงผู้เดียว!

บัณฑิตหลู่ช่วงเป็นใครมาจากไหนกันนะ?

ทุกคนรีบตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของบัณฑิตหลู่ช่วง และก็พบว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะอยู่ในเลเวล 9 เท่านั้นเอง

มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว

X จะต้องขายอาวุธเหล่านี้มาให้แก่บัณฑิตหลู่ช่วงแน่นอน!

หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีผู้เล่นบางคนนำเรื่องนี้ไปโพสต์ลงบนเว็บบอร์ดส่วนกลาง

“คิดไม่ถึงเลยนะว่า X จะเห็นแก่เงินจนถึงกับยอมขายดาบเวหา!”

เมื่อข้อความถูกโพสต์ออกไป

กระทู้นี้ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมหาศาล

ทุกคนรีบเปิดกระดานคะแนนเพื่อตรวจสอบผู้ครอบครองอาวุธวิเศษ จึงได้พบว่าชื่อเจ้าของดาบเวหาได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

แม้ว่าบัณฑิตหลู่ช่วงจะมีชื่อเป็นเจ้าของอาวุธวิเศษอีก 2 ชนิดที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าในเกมนี้มีเพียง X คนเดียวเท่านั้น ที่มีความสามารถมากพอจะเก็บอาวุธเหล่านั้นได้สำเร็จ

หลังจากนั้น

บอร์ดข้อความก็กลับมาอยู่ในบรรยากาศอันร้อนระอุอีกครั้ง

“นี่มันปฏิบัติการเปิดกล่องดำหรือไง?”

“สรุปว่าดาบเวหาอยู่ในมือของ X จริง ๆ ใช่ไหม”

“แต่เขาเอามันมาขายทำไมล่ะ? หรือ X เป็นพวกร้อนเงิน ตั้งใจเข้ามาเล่นเกมเพื่อเอาไอเท็มไปขายโดยเฉพาะงี้เหรอ?”

“แล้วใครคือบัณฑิตหลู่ช่วง? เขามีตัวตนจริงหรือเปล่า?”

“หมอนั่นออกจากเกมไปแล้วหรือยัง?”

“ฉันว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในแน่นอน!”

“นั่นสิ ผ่านมาจนถึงตอนนี้แล้วทีมงานยังไม่ออกมาอธิบายอะไรเลย ถ้าวันพรุ่งนี้เรายังไม่ได้รับคำอธิบายที่น่าพอใจ ก็อย่าเล่นมันอีกเลยว่ะเกมห่วยแตกแบบนี้!”

“เลิกเล่นโว้ย! เลิกเล่น!”

พวกเขาไม่สนใจเลยว่าการซื้อขายอาวุธวิเศษเหล่านั้นมีมูลค่าเท่าไหร่

ทุกคนเพียงอยากรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เล่นเกมทุกคนรู้สึกรำคาญใจก็คือ X ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเลเวลไม่สุงสิงกับใคร แต่สุดท้ายก็นำดาบเวหาไปขายให้แก่คนอื่นหน้าตาเฉย

นี่มันเท่ากับเป็นการตบหน้าผู้เล่นส่วนใหญ่เลยไม่ใช่หรือไง?

แค้นนี้ต้องชำระ

เริ่มเกิดกระแสไม่พอใจเกม Fantasy Dream ขึ้นมาอีกครั้งจากการขายดาบเวหา

ผู้เล่นเกือบทุกคนหยุดเล่นเกมโดยทันที พวกเขาไปรวมตัวกันอยู่ในบอร์ดข้อความ เพื่อถกเถียงถึงประเด็นนี้อย่างเผ็ดร้อน

ในไม่ช้า บอร์ดข้อความก็เต็มไปด้วยความคิดเห็นในแง่ลบ

สุดท้ายความคิดเห็นในแง่ลบเหล่านั้นก็สามารถรวมออกมาได้เป็นประโยคเดียวว่า

ถ้าทีมงานไม่ยอมออกมาชี้แจงเรื่องนี้ พวกเราจะเลิกเล่น!

เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจจากทีมงานผู้ผลิตเกมตั้งแต่แรก มีการจัดประชุมเร่งด่วนเพื่อตั้งทีมสืบสวนการเลื่อนเลเวลที่รวดเร็วผิดปกติของผู้เล่น X

กระแสต่อต้านการเล่นเกม Fantasy Dream เกิดขึ้นได้ประมาณครึ่งชั่วโมง

ทางทีมงานก็โพสต์ข้อความชี้แจงว่า

“ประกาศเรื่องการเลื่อนเลเวลอย่างรวดเร็วผิดปกติและการขายดาบเวหาของผู้เล่น X”

“หลังจากที่ทีมงานได้ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ไม่พบว่าเกมของเรามีบั๊กหรือมีการเล่นที่ละเมิดกฎแต่อย่างใด ผู้เล่น X สามารถอัพเลเวลได้รวดเร็วมากเกินไปก็จริง แต่เขาก็อัพเลเวลจากค่าประสบการณ์ในการฆ่าสัตว์ประหลาดเช่นเดียวกับผู้เล่นคนอื่น ๆ”

“ทั้งนี้ เราได้แนบคลิปวิดีโอหลักฐานของผู้เล่น X มายืนยันให้ทุกคนได้ทราบว่า ผู้เล่น X สามารถอัพเลเวลขึ้นมาได้อย่างถูกต้องทุกประการ ทุกท่านสามารถรับชมคลิปวิดีโอนี้ได้โดยการปรับมุมมองของหมวก VR ให้เป็นมุมมองบุคคลที่สาม”

ด้านล่างข้อความเป็นคลิปวิดีโอคลิปหนึ่ง

ทุกคนเห็นข้อความประกาศนี้ด้วยตาของตนเอง

ในที่สุดทีมงานก็ออกมาชี้แจงสักที!

พวกเขากดเข้าไปดูคลิปวิดีโอเพื่อขจัดข้อสงสัย

เมื่อเข้าสู่โหมดการรับชมวิดีโอ บรรดากลุ่มผู้เล่นก็เปลี่ยนมุมมองจากบุคคลที่หนึ่ง เป็นมุมมองจากบุคคลที่สาม

หลังจากได้ดูคลิปวิดีโอตั้งแต่ต้นจนจบ

ทุกคนก็ถึงกับตกตะลึง

“บ้าที่สุด!”

นั่นคือคำอุทานที่ผุดขึ้นมาในหัวของใครหลายคน

พวกเขารู้สึกว่าตนเองหยุดดูคลิปวิดีโอนี้ไม่ได้

ให้ตายสิ! ลิงดำพวกนั้นถูกฆ่าตายไม่เหลือสักตัวเดียว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]