เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] นิยาย บท 58

บทที่ 58 ผัดกะหล่ำแสนอร่อย

เมื่อถอดหมวก VR ออก

ซูเย่ก็รู้สึกสดชื่นจนต้องตรวจสอบพลังจิตของตนเอง

“พลังของเราเพิ่มขึ้นจริง ๆ ด้วย!”

การคาดเดาของเขาถูกต้อง การเล่นเกม Fantasy Dream ช่วยทำให้พลังจิตของผู้เล่นเพิ่มมากขึ้นจริง ๆ

ชายหนุ่มนึกถึงภาพเหตุการณ์จำลองการเปิดจุดลมปราณที่เขาเห็นก่อนออกมาจากเกม

ซูเย่ถึงกับตกตะลึงในสิ่งที่ค้นพบ

เกม Fantasy Dream สามารถทำให้พลังจิตของผู้เล่นจากเลเวล 0 ถึงเลเวล 20 มีความแข็งแกร่งขึ้นมาได้ แม้ว่าผู้เล่นเหล่านั้นจะไม่เคยฝึกการโคจรพลังลมปราณเลยก็ตาม!

“เกมนี้มัน…”

ซูเย่ได้แต่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

ความยอดเยี่ยมไม่ได้หยุดอยู่แต่เพียงเท่านั้น แต่มันยังทำให้ผู้ที่ฝึกพลังปราณสามารถเปิดจุดลมปราณได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

“ไม่มั้ง ไม่น่าง่ายขนาดนั้น”

พลันซูเย่ปฏิเสธความคิดในหัวของตนเองทันที อย่างน้อยการฝึกตนก็ไม่ควรเป็นเรื่องง่ายดายเช่นนี้

หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ผู้ผลิตเกมก็คงนำเรื่องนี้มาเป็นจุดขายไปแล้ว เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องเก็บงำเป็นความลับ

นั่นเท่ากับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเล่นเกมนี้แล้วจะพบเจอสิ่งที่ซูเย่ได้พบเจอ และนั่นก็หมายความว่ารัฐบาลกำลังคัดเลือกผู้เล่นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านั้น ถึงจะสามารถเห็นเคล็ดลับการเปิดจุดลมปราณได้

กว่าที่ผู้เล่นจะเลื่อนระดับขึ้นมาถึงเลเวลที่ 20 รัฐบาลก็คงคัดกรองคนได้เป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว ว่าใครบ้างคือผู้ที่เหมาะสม

ต่อให้พยายามอย่างหนักสักเท่าไหร่ แต่ถ้าผู้เล่นมีคุณสมบัติไม่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็คงไม่มีทางได้รู้เคล็ดลับการเปิดจุดลมปราณเด็ดขาด

เกมออนไลน์เกมนี้จะต้องปิดบังความลับใหญ่หลวงบางอย่างอยู่แน่นอน!

“หรือว่าปราณธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นมาแล้ว?”

โดยไม่พูดคำใดอีก

ซูเย่กระโดดลงจากเตียง เปิดประตูออกจากห้องพักเดินขึ้นบันไดไปสู่ชั้นดาดฟ้าของหอพักนักศึกษา

ชายหนุ่มยืนอยู่บนดาดฟ้า กวาดสายตามองเมืองที่อยู่เบื้องหน้า

“ไม่ใช่!”

ซูเย่ส่ายศีรษะกับตนเอง

เขาแน่ใจว่าพลังปราณธรรมชาติยังคงมีเหลืออยู่น้อยนิดเช่นเดิม

กว่าที่พลังปราณเหล่านั้นจะสามารถฟื้นฟูกลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนในอดีต ก็คงต้องใช้เวลาอย่างต่ำเป็นร้อยปี หรืออาจจะถึงขั้นพันปีด้วยซ้ำ!

“ตกลงรัฐบาลต้องการอะไรกันแน่?”

ซูเย่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

ไม่ใช่แต่เพียงรัฐบาลจีนประเทศเดียวเท่านั้น แต่เกมนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกือบทั้งโลก

หรือผู้ผลิตเกมมีเจตนาจะสร้างผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นจำนวนมหาศาล?

ไม่น่าเป็นไปได้

“ตอนนี้เราคงต้องทนรอไปก่อน เอาไว้แผนที่ระดับ 20 เปิดให้เข้าเล่นเมื่อไหร่ อาจจะมีเบาะแสให้ตามสืบมากกว่านี้”

ซูเย่หันหลังกลับแล้วเดินลงบันได

เมื่อกลับมาถึงห้องพักของตนเอง

ซูชือกับจินฟานกำลังล้างหน้าล้างตาอยู่พอดี

ซูเย่เดินไปที่ระเบียงห้อง และมองหัวกะหล่ำที่ปลูกเอาไว้ในกระถาง กะหล่ำหัวนั้นมีขนาดใหญ่มากกว่าเดิมหลายเท่า และรากของมันก็ใหญ่โตจนกระถางแทบรองรับไม่ไหวแล้ว

“น่ากินใช้ได้เหมือนกันนี่นา”

ซูเย่เอื้อมมือออกไปสัมผัสกะหล่ำหัวนั้น แล้วเขาก็ยิ้มออกมา “ถ้าเอาไปผัดคงอร่อยใช้ได้ทีเดียว”

พูดจบเขาก็เหลียวหน้ามองไปยังซูชือกับจินฟานที่กำลังแปรงฟันอยู่

ในเมื่อพวกนายเป็นเพื่อนร่วมห้องของฉัน ฉันก็จะช่วยเหลือพวกนายเอง

ไม่ว่ารัฐบาลจะตั้งใจผลิตเกมนี้เพื่อสนับสนุนให้เกิดผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่ขึ้นมาจริง ๆ หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือโลกใบนี้คงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ซูเย่ตั้งใจว่าจะต้องช่วยเหลือเพื่อนทั้งสองคนนี้ให้ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกให้ได้

ซูชือกับจินฟานยังคงแปรงฟันกันไป พร้อมกับพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมเมื่อคืนนี้พวกเขาไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรนี่เลยสักนิด

เมื่อทุกคนแปรงฟัน และล้างหน้าล้างตาเสร็จ

สามหนุ่มก็ออกมาจากหอพัก แวะร้านข้างทางรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน ก่อนจะเดินไปเข้าเรียนตามตารางประจำวัน

ในห้องเรียน

ระหว่างที่นั่งฟังอาจารย์สอน ซูเย่ก็ทบทวนความรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนที่เขาบันทึกเอาไว้ในราชวังแห่งความทรงจำไปพร้อม ๆ กัน

บ่ายวันต่อมา

เมื่อทุกคนรับประทานอาหารกลางวันเสร็จสิ้น พ่อครัวในโรงอาหารก็เริ่มต้นทำความสะอาดโรงครัว

หลังตรวจดูข้อมูลในตำราแพทย์แผนจีนอยู่ถึง 2 วันเต็ม ๆ ซูเย่ก็ตัดสินใจเด็ดหัวกะหล่ำออกมาจากกระถางบนระเบียง เมื่อนำไปล้างน้ำเรียบร้อย เขาก็เดินถือหัวกะหล่ำตรงมาที่โรงอาหารทันที

ชายหนุ่มแวะเข้าไปที่โรงครัว

เขาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าต่าง

พ่อครัวร่างอ้วนในวัย 20 กว่ากำลังทำความสะอาดเตาอบอยู่พอดี

“พี่ชาย ช่วยผัดกะหล่ำให้ผมกินสักหน่อยได้ไหม?”

ซูเย่ยื่นกะหล่ำเข้าไปผ่านทางช่องว่างของหน้าต่าง

“หา?”

พ่อครัวตัวอ้วนมองกะหล่ำที่ถูกยื่นเข้ามาด้วยความแปลกใจ

ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาก็คือ กะหล่ำหัวนี้ช่างสวยน่ารับประทานเหลือเกิน

แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่มีคนนำวัตถุดิบมาให้เขาปรุงอาหารด้วยตัวเองอย่างนี้!

พ่อครัวหนุ่มอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อครุ่นคิดสักพักเขาก็ตอบตกลง เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เวลาอาหารกลางวันก็ผ่านไปแล้ว เขายังมีเวลาว่างอีกเหลือเฟือ

“ค่าแรง 5 หยวนนะน้อง”

“ไม่มีปัญหาเลยพี่ชาย ผมขอแวะไปซื้อของอย่างอื่นก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวกลับมาเอานะครับ”

พูดจบ ชายหนุ่มก็จัดการจ่ายเงินค่าแรงให้กับพ่อครัวร่างอ้วน ก่อนที่เขาจะเดินออกมาเพื่อซื้อข้าวเปล่า และกับข้าวเพิ่มเติมอีกสองสามอย่าง

ในโรงครัว

“ให้ตายสิ ฉันไม่เคยเห็นกะหล่ำที่มีความสวยงามสมบูรณ์ขนาดนี้มานานแล้ว อยากลองกินบ้างจังเลยน้า” พ่อครัวหนุ่มยกหัวกะหล่ำที่รับมาจากช่องหน้าต่างขึ้นดูด้วยความสนใจ แต่สุดท้ายก็ต้องสะกดกลั้นความอยากกินเอาไว้ และเริ่มต้นลงมือทำอาหารตามคำสั่ง

ในไม่ช้า ผัดกะหล่ำจานเด็ดก็พร้อมสำหรับรับประทานอยู่ในกล่องอาหาร

ซูเย่ยังไม่กลับมา

พ่อครัวหนุ่มทนกลิ่นหอมเย้ายวนใจไม่ไหว สุดท้ายเขาก็ต้องหยิบช้อนเหล็กคันหนึ่งมาตักผัดกะหล่ำขึ้นจากกล่องอาหาร ส่งเข้าใส่ปากตนเองหนึ่งคำใหญ่

“กร๊วบ”

สัมผัสของเนื้อกะหล่ำให้ความรู้สึกที่กรุบกรอบอยู่ในปาก

ความอร่อยล้ำแทรกเข้าทุกอณูลิ้น แผ่ซ่านไปยังต่อมรับรส เหมือนรสชาติอาหารที่สวรรค์ประทาน

“ทำไมถึงได้อร่อยแบบนี้เนี่ย?”

พ่อครัวหนุ่มเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ แล้วเขาก็ต้องรีบพูดกับตัวเองด้วยความดีใจ “หรือว่าฝีมือในการทำอาหารของเราจะพัฒนาขึ้นแล้ว?”

เขาอยากจะลองชิมอีกสักคำ

แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ซูเย่เดินกลับมาถึงพอดี

“เสร็จแล้วใช่ไหมครับ?” ซูเย่ถาม เมื่อเห็นกล่องกะหล่ำวางอยู่ตรงหน้า

“เสร็จแล้ว” พ่อครัวหนุ่มร่างอ้วนแอบถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัวขณะที่ส่งกล่องอาหารผ่านช่องว่างทางหน้าต่าง ในตอนนี้เขาคงไม่รู้ว่าสีหน้าของเขาเลื่อนลอยดูไร้สติมาก

“ขอบคุณครับ”

ซูเย่รับกล่องอาหารมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินกลับออกจากโรงอาหาร มุ่งหน้ากลับหอพักของตัวเอง

หลังจากที่ทำได้เพียงจ้องมองกล่องอาหารหายลับไปกับตา ก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่พ่อครัวหนุ่มร่างอ้วนจะกลับมาได้สติอีกครั้ง

“สรุปว่าฝีมือทำอาหารของเราพัฒนาขึ้นจริง ๆ ใช่ไหม?” พ่อครัวหนุ่มคิดหาสาเหตุ นี่เป็นจานแรกที่เขาทำออกมาได้อร่อยเหาะขนาดนี้

“มิน่าล่ะ คุณปู่ถึงได้สอนนักสอนหนาว่าถ้าคนเราตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ก็จะประสบความสำเร็จได้ในท้ายที่สุด”

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมีความสุข

เพื่อทดสอบฝีมือการทำอาหารของตนเองอีกครั้ง พ่อครัวหนุ่มร่างอ้วนก็ไม่เสียเวลาวุ่นวายอยู่ในโรงครัว เขารีบหากะหล่ำหัวใหม่ และวัตถุดิบสำหรับนำมาผัดอีกหนึ่งจาน

ใช้เวลาไม่นาน ขั้นตอนทุกอย่างก็เสร็จสิ้น

เมนูผัดกะหล่ำจานนี้ ทุกขั้นตอนเหมือนที่ทำให้ลูกค้าคนเมื่อครู่ทุกอย่าง

แต่เมื่อลองชิมแล้ว

“เฮ้ย”

สีหน้าของพ่อครัวหนุ่มก็เปลี่ยนไป เขาแทบจะคายอาหารในปากทิ้งออกมาทันที แต่นึกขึ้นได้ว่ามันจะเป็นการทำให้ของกินเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นพ่อครัวหนุ่มจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนกลืนมันลงคอไปในที่สุด

“ทำไมรสชาติมันไม่เหมือนกับจานที่แล้วล่ะ? ในเมื่อวัตถุดิบและเครื่องปรุงทุกอย่างก็เหมือนกันหมดนี่นา?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]