ท้องฟ้าสีคราม เมฆสีขาว และนกบินผ่านที่บริเวณขอบฟ้า
สายลมที่พัดโชยมาจากระยะไกล ได้แฝงกลิ่นอายความหอมของดอกไม้และใบหญ้าที่อยู่ในป่ามาด้วย
สะบัดแขนเสื้อขึ้น เส้นผมที่ตรงหน้าผากก็ขยับเล็กน้อย
ใบไม้แกว่งไสวไปมา ดวงอาทิตย์ก็สาดแสงส่องสว่างไปเรื่อย ๆ
ลู่ฝานนั่งอยู่ด้านหน้าของกระท่อมไม้ไผ่ และเงยขึ้นมองท้องฟ้า
ขณะที่นิ้วมือขยับเขยื้อนเล็กน้อยนั้น ก็พลันมีลำแสงแปลกประหลาดปล่อยออกมาจากนิ้วมือของเขา ทันใดนั้นก็แผ่กระจายเป็นวงกว้าง โดยสีของลำแสงยากที่จะบรรยาย เหมือนจะโปร่งใส แต่ก็ไม่ใช่
หลังจากที่ปล่อยคลื่นพลังนี้ออกไปแล้ว ลู่ฝานก็ค่อย ๆ หลับตาทั้งสองข้างลง
ภาพเหตุการณ์ปรากฏขึ้นในหัวสมองจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งก็คือทิวทัศน์บริเวณโดยรอบนี้ทั้งหมด
เขามองเห็นแมลงที่อยู่ในดิน และก็มองเห็นสายน้ำไหลท่ามกลางป่าเขา รวมถึงนกน้อยที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า
ทิวทัศน์ยิ่งจะแผ่ขยายกว้างขวางไปเรื่อย ๆ เหมือนอย่างไร้จุดสิ้นสุด
“จิตใจล่องลอยไปโดยที่ร่างกายยังคงอยู่กับที่ ซึ่งสามารถมองเห็นสรรพสิ่งมากมายในโลกได้”
ลู่ฝานขยับริมฝีปาก และพูดขึ้นเบา ๆ
เพียงแต่เสียงนี้ไม่ได้ดังออกมาจากปากของเขา แต่ดังขึ้นมาจากท่ามกลางท้องฟ้า
ที่นั่นปรากฏลำแสงที่รวมตัวกันขึ้นเป็นร่างของลู่ฝาน แต่ชัดเจนว่า นั่นไม่ใช่ร่างกายที่แท้จริงของเขา แต่เป็นจิตวิญญาณของเขา
ถูกต้อง นี่ก็คือผลลัพธ์ความสำเร็จในช่วงสามเดือนมานี้ ที่ลู่ฝานได้ทำการฝึกฝนวิถีวิญญาณ
จิตวิญญาณแยกออกจากร่างกาย เพื่อมองดูสรรพสิ่งต่าง ๆ
ความรู้สึกนี้ ไม่ว่าเต๋าอื่นใด ก็หาที่เปรียบมิได้เลย
ลู่ฝานขยับเคลื่อนไหวจิตใจ จิตวิญญาญก็กลับคืนเข้ามาสู่ร่างกาย
เมื่อเปรียบเทียบกับความเร็วในการเคลื่อนไหวร่างกายของเขาเองแล้ว ความเร็วของจิตวิญญาณช่างรวดเร็วกว่าเป็นอย่างมากทีเดียว ใช้ได้แต่เพียงคำว่าพริบตาเดียวมาอธิบายได้เท่านั้น ลู่ฝานรู้สึกว่า ความเร็วนี้ ยังจะรวดเร็วกว่าการทะลุข้ามมิติเสียอีกด้วย
ถ้าในวันหนึ่ง เขาสามารถฝึกฝนให้ร่างกายของเขานั้น มีความเร็วเหมือนกับจิตวิญญาณที่แยกออกไปจากร่างกายนี้ได้แล้ว คาดว่าเขาคงจะไม่ต้องนั่งเรืออากาศธาตุเดินทางไปไหนมาไหนอีกแล้ว
จิตวิญญาณมาหยุดลงที่เบื้องหน้าตัวเขา ลู่ฝานมองไปที่โครงร่างของตนเอง
เขามองไปยังร่างกายของตนเองอย่างเงียบสงบ ด้วยความอัศจรรย์อย่างที่สุด
“ที่จริงแล้ว นี่ก็คือตัวฉันเอง”
ลู่ฝานพูดพึมพำขึ้น
น้ำเสียงไม่มีตัวตน ราวกับว่าดังขึ้นมาจากท้องฟ้า
ทันใดนั้น จิตวิญญาณก็กลับคืนสู่ร่าง
ลู่ฝานลืมตาสองข้างขึ้น
เฮ้อ!!!
ลู่ฝานถอนหายใจอย่างช้า ๆ โดยรู้สึกว่าร่างกายของตนเองจะมีอาการแข็งทื่อเล็กน้อย
แม้การที่จิตวิญญาณแยกออกจากร่างจะน่าอัศจรรย์ยิ่ง แต่ก็ไม่สามารถแยกออกไปในระยะเวลาที่นานเกิน เพราะเหมือนว่าหลังจากที่จิตวิญญาณแยกออกจากร่างแล้ว ร่างกายเนื้อหนังก็จะอยู่ในสภาพที่ใกล้จะตาย
หากว่าเกินกว่าสิบลมหายใจแล้วยังไม่กลับเข้าร่าง ร่างกายก็จะเข้าสู่สภาพความตายอย่างแท้จริง
หากจะพิจารณาจากมุมมองของเต๋าแห่งชีวิต นั่นก็คือว่าในช่วงเวลาที่ลู่ฝานได้แยกจิตวิญญาณออกจากร่างไปนั้น ก็ได้นำพาสภาพชีวิตความดำรงอยู่ทั้งหมดไปด้วย
ร่างกายที่ไม่มีชีวิต ก็เป็นเพียงแค่โครงร่าง เป็นร่างศพก็เท่านั้น
ลู่ฝานขยับเคลื่อนไหวร่างกาย แล้วก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น
จิตวิญญาณกลับเข้าสู่ภายในตันเถียนอีกครั้ง เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเมื่อจิตวิญญาณของตนเองแยกออกจากร่างไปแล้วกลับคืนสู่ร่างอีกครั้งนั้น เหมือนกับว่าตนเองจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
นี่ก็คือวิธีการฝึกฝนที่ได้กล่าวถึงในตำรา ซึ่งเดิมทีลู่ฝานก็ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่ในตอนนี้ เขาเชื่อโดยสมบูรณ์แล้ว
ซึ่งในตำราไม่ได้เอ่ยถึง ตกลงเป็นเพราะอะไรกันแน่
แตลู่ฝานได้คาดเดาว่า อาจจะเป็นเพราะ เมื่อจิตวิญญาณแยกออกจากร่าง ก็จะปนเปื้อนวิถีแห่งฟ้าดิน เลยทำให้ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น!
แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาของเขา จะจริงหรือไม่จริงนั้น ก็ยังคงต้องรอให้เขาศึกษาค้นคว้าต่อไป
ความอัศจรรย์ของวิถีเต๋า มันช่างเหนือกว่าที่เขาจินตนาการ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ตอนนี้ก็ถือว่าเขาได้เข้าสู่ขั้นต้นแล้ว
สำหรับวิธีการยกระดับของจิตวิญญาณที่ในตำราได้กล่าวถึงนั้น ลู่ฝานยังไม่คิดที่จะใช้ เพราะนี่คือวิธีฝึกฝนชั่วร้ายดั้งเดิมทั้งหมด
อาทิเช่นกลืนกินจิตญาณ ด้วยการบังคับดึงจิตวิญญาณของคนอื่นออกมา แล้วกลืนกินเข้าไปในร่างกายของตนเอง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณ
หรือว่าจะเป็น การรวบรวมสะสมวิญญาณแค้น อาศัยออร่าปีศาจหลอมขึ้นเป็นสระเลือด การสังหารผู้คนจำนวนมาก เพื่อนำโครงกระดูกมาเติมเต็มสระ การรวบรวมเลือดลมและกลิ่นศพมาจัดวางเป็นค่ายกล แล้วหลอมจนเป็นพลังที่จิตวิญญาณต้องการ จากนั้นก็กลืนกินลงไป
ทั้งหมดล้วนเป็นวิธีการที่ทำร้ายผู้อื่นแต่เป็นประโยชน์กับตนเอง และได้รับผลลัพธ์มาอย่างรวดเร็ว
วิธีการเหล่านี้ สำหรับผู้ฝึกชั่วร้ายแล้ว ก็คือวิธีการฝึกฝนที่ธรรมดาทั่วไป มิเช่นนั้นพวกเขาทุกคนจะต้องการพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้เลี้ยงมนุษย์เพื่ออะไรล่ะ
แต่ลู่ฝานมองว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะกระทำ
นี่ไม่ใช่เพราะว่าดูหมิ่นและเหยียดหยามวิธีการเหล่านี้ ตรงกันข้าม หลังจากที่ได้ทำการศึกษาค้นคว้าวิธีการเพิ่มพลังชั่วร้ายเหล่านี้แล้ว ลู่ฝานกลับรู้สึกตกตะลึงต่อวิธีการที่บ้าคลั่ง รวมถึงความคิดที่แปลกประหลาดเหล่านี้ของผู้ฝึกชั่วร้ายอย่างมากเลยทีเดียว
แน่นอนว่านี่คือวิธีการเพิ่มพลังที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องพูดว่าทำแบบนี้เป็นการฆ่าคนมากเกินไป จะต้องได้รับผลกรรมตามสนอง ทั้งนี้ผู้ฝึกชี่อย่างแท้จริงนั้นการที่จะกลั่นยาอายุยืนหนึ่งเม็ด ก็จะต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตไม่น้อยไปกว่าชีวิตในหลุมหมื่นศพของผู้ฝึกชั่วร้ายเลย
เพียงแต่ แม้ว่าวิธีการแบบนี้จะทำให้เพิ่มพลังขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เสถียรมั่นคง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า
ปู่เชี่ยไรเรียกหลานตัวเองว่านาย นิยายย้อนยุคมึงแปลซะ ทันสมัยเลย ไอ้เวร...
ช่องทางซื้ออ่านก็ไม่มี...
2276จบค้างเลยมาต่อเร็วๆนะ...
รออ่าน2277...
เสียดายมาก อ่านมาถึงหน้า 2276 มา2รอบแล้ว กำลังสนุกเลย ช่วยแปลตาอให้หน่อยนะครับ...
ถ้าไม่แปลต่อเรื่องต่อไปก็คงเหมือนเรื่องนี้หรือเปล่าครับไม่จบสักเรื่อง...
เปลี่ยนชื่อเว็บไซต์อีกครั้งเป็นครั้งที่3นับแต่ได้เข้ามาอ่าน สัญญานของการไปต่อ...
พยายามชำระเงินจากทั่ให้บนprofile จำนวน$4.99 แต่ไม่สำเร็จ ทดลองจ่ายเงินซื้อสินค้าออนไลน์ก็ผ่าน ซึ่งแสดงว่าcardไม่มีปัญหา บอกได้ไหมว่ามีปัญหาที่ไหน หรือว่ายังไม่ได้แปลเพิ่ม จึงยังไม่ต้องจ่าย มีข้อสงสัยมากมาย ชี้แจงสักหน่อยได้ไหม...
รอจนหมดหวัง...
อ่านถึง2276ครบ2รอบแล้วครับ ไม่แปลต่อแล้วเหรอ...