เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1938

สรุปบท บทที่ 1938 ซิงยวน (1): เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า

สรุปตอน บทที่ 1938 ซิงยวน (1) – จากเรื่อง เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดย โอหยางวิ่น

ตอน บทที่ 1938 ซิงยวน (1) ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดยนักเขียน โอหยางวิ่น เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

โทนเสียงและน้ำเสียงนี้ รวมถึงเสียงแหบพร่าแบบนี้ ทำให้คนนึกถึงหุ่นเชิด

ลู่ฝานเคยเจอหุ่นเชิดมาเยอะ โดยส่วนใหญ่หน้าตาเป็นแบบนี้ทั้งนั้น

อีกทั้งคำว่า สู้ ฆ่า ตาย ที่ซิงกุยพูด

เป็นมนตร์สามคำของหุ่นเชิดผู้ฝึกชั่วร้าย เป็นคำสั่งสามอย่างที่ใช้ควบคุมหุ่นเชิด

สีหน้าลู่ฝานเปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าคนที่ยืนอยู่หน้าเขาคือหุ่นเชิด

ทำไมหุ่นเชิดถึงเข้าร่วมการแข่งนานาประเทศได้ล่ะ

อย่าบอกนะว่าพวกคนที่ตรวจเช็ค เป็นคนโง่ทั้งนั้น

ลู่ฝานไม่เข้าใจจริงๆ ตอนนี้ประมุขประเทศฉิงเทียนประกาศเริ่มการประลองแล้ว

เสาแสง 12 อัน รวมตัวเป็นตำหนักแสง 12 แห่งบนเกาะลอยฟ้า เงาสว่างไสวสะท้อนอยู่บนท้องฟ้า

ท้องฟ้าสีครามสดใสมีแสงดาวปรากฏออกมาทันที

ตำหนัก 12 แห่ง ตรงกับดาวฤกษ์ 12 ดวงบนท้องฟ้า

พลังรอบตัวเริ่มพลุ่งพล่าน เงาของลู่ฝานและคนอื่นปรากฏบนม่านแสงในประเทศฉิงเทียน

คนที่ตะโกนชื่อเงามืด เรียกได้ว่าเป็นหลักหมื่น

ลู่ฝานดึงกระบี่หนักไร้คมออกมา เอากระบี่ขวางไว้ข้างหน้าซิงกุย

ซิงกุยค่อยๆ เอาอาวุธตัวเองออกมาเช่นกัน

มันเป็นกระบี่หิน ด้านบนเต็มไปด้วยรอยร้าวเล็กๆ กับตะไคร่

แสดงว่ากระบี่เล่มนี้ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานแล้ว ปล่อยแสงออกมาเบาๆ ความรู้สึกเก่าแก่โถมเข้ามาใส่หน้า

ซิงกุยไม่ได้ปล่อยพลังปราณออกมา ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแบบนั้น เหมือนรอการโจมตีของลู่ฝาน

ลู่ฝานขมวดคิ้วมองซิงกุย มีประกายแวบขึ้นนัยน์ตา

ปล่อยพลังวิญญาณออกมา ลู่ฝานขี้เกียจซ่อนไว้แล้วเหมือนกัน

ถ้าเป็นหุ่นเชิดจริง กระบวนท่านี้น่าจะทำให้อีกฝ่ายสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทันที

เพราะวิญญาณของหุ่นเชิดอ่อนแอมาก

แต่เมื่อพลังวิญญาณของลู่ฝานโจมตีโดนอีกฝ่าย

ลู่ฝานรู้สึกทันทีว่าพลังวิญญาณของตัวเองถูกพลังพิเศษต้านทานไว้หนึ่งชั้น

เหมือนพลังออกมาจากชุดคลุมของอีกฝ่าย ต้านทานการโจมตีวิญญาณของเขาได้อยู่หมัด

ตั้งแต่ลู่ฝานเรียนวิชาชิงวิญญาณมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้พลังวิญญาณแล้วโดนคนอื่นต้านทานได้อย่างสบายๆ

ความเย็นชานัยน์ตาซิงกุยเพิ่มขึ้น การโจมตีวิญญาณที่ล้มเหลวของลู่ฝาน เหมือนจะทำให้เขาโกรธแล้ว!

ก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างแรง ซิงกุยมาถึงด้านหน้าลู่ฝานเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ

ด้านหลังเขายังมีรอยอากาศเวิ้งว้างฉีกขาดเป็นสีดำ

กระบี่หินพุ่งไปที่หัวลู่ฝาน ลู่ฝานรีบยกแขนขึ้นทันที

กระบี่หนักไร้คมพุ่งเข้าไปหา

เคร้ง!

เสียงดังชัดเจน ลู่ฝานรู้สึกว่าพลังแข็งแกร่งกดตัวซีกหนึ่งของเขาลงไปบนพื้นดิน

กระบี่หนักไร้คมเริ่มสั่นอย่างแรง

แรงสั่นสะเทือนกระเพื่อมออกไป ทั้งเกาะลอยฟ้าเริ่มร้าว ส่งเสียงดังกรอบแกรบออกมา

ลู่ฝานกัดฟันกรอด แค่กระบี่เดียว เขารู้สึกว่าง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ฉีกออก

กระบี่ของซิงกุยไม่มีพลังปราณเลยสักนิด มันคือพลังร่างกายล้วนๆ!

ลู่ฝานได้เห็นเป็นครั้งแรกว่าพลังของร่างกายมนุษย์ทำได้ถึงขั้นนี้

เหมือนมีพลังพลุ่งพล่านของสรรพสัตว์ซ่อนอยู่ในตัวซิงกุย

กระบวนท่าแบบนี้ ถ้าโจมตีใส่นักบู๊แดนปราณฟ้าทั่วไป การโจมตีนี้สามารถตัดสินแพ้ชนะได้เลย!

ลู่ฝานหรี่ตาลง มองซิงกุยพุ่งเข้ามาหาอีกครั้ง

เหวี่ยงกระบี่เพลิงยักษ์ในมือ ฝ่าเท้ากระทืบพื้นจนแตก จมลึกลงไปในเกาะลอยฟ้า

พลังระเบิดที่เหนือกว่านักบู๊แดนปราณฟ้าร้อยเท่าพุ่งออกมา

กระบี่ยาวของทั้งสองคนปะทะกันอีกครั้ง

ประกายไฟกระจายไปทั่ว เสียงฟ้าร้องดังขึ้น

ชิ้งๆๆๆ!

ทันใดนั้น ทั้งสองคนโจมตีกระบี่ออกมาพร้อมกันอีกหลายสิบครั้ง

เร็วจนมองด้วยตาเปล่าไม่ทัน ถ้าคนที่วิทยายุทธไม่ถึงมาตรฐาน ไม่มีทางเห็นการเคลื่อนตัวของแสงกระบี่

คราวนี้ลู่ฝานไม่ได้ถอยอีก

กลายร่างฟ้าดินบวกกับพลังระเบิดของปราณชี่ ด้านการต่อสู้ระยะประชิด ลู่ฝานยังไม่เคยแพ้ให้ผู้แข็งแกร่งที่วิทยายุทธระดับเดียวกัน!

แสงกระบี่มากมาย ต่อสู้ด้วยหมัดและเท้า

ความเร็วในการต่อสู้ของลู่ฝานกับซิงกุยเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายมองไม่เห็นเงาทั้งสองคนแล้ว เห็นเพียงเกาะลอยฟ้าที่ระเบิดไม่หยุด กับพลังที่กระเพื่อมออกไปรอบๆ ฝุ่นควันลอยคละคลุ้ง

ในกลุ่มคน ผู้อาวุโสรูปร่างหน้าตาแปลกๆ พูดอย่างตกใจ “ใต้หล้านี้ยังมีคนสู้ระยะประชิดกับซิงกุยที่เราสร้างออกมาได้อีกเหรอ! ร่างกายของคนคนนี้แข็งแกร่งจนน่ากลัวเช่นกัน!”

“พื้นฐานหุ่นเชิดชั้นยอด ถ้าเขาตาย ฉันจะเอาร่างกายของเขา!”

“แน่นอนอยู่แล้ว มีร่างแบบนี้ เราจะได้ทำหุ่นเชิดไร้เทียมทานในใต้หล้าสำเร็จสักที ซิงกุยยังแย่กว่าหน่อย เพราะร่างกายเขามาจากนักบู๊แดนปราณฟ้าธรรมดาๆ เท่านั้น”

“วิถีหุ่นเชิดที่เราฝึกฝน ก็เปลี่ยนแปลงได้แค่นี้ ฉันว่าหลังจากกระบวนท่านี้ ซิงกุยคงสู้ต่อไม่ได้แล้ว”

“งั้นก็ฝังซะสิ ยังไงพวกเราก็ทำตามเป้าหมายแล้ว ถ้าเขาแพ้ ก็พาเขากลับประเทศอู่อานบ้านเกิด หาภูเขาสักลูก ปักป้ายหน้าหลุมศพแล้วเขียนชื่อเขา ให้เขากลับบ้านเกิดตัวเอง ถือว่าพวกเราเมตตาแล้ว!”

พวกผู้อาวุโสคุยกันแล้วหัวเราะออกมา เสียงประหลาดและไม่น่าฟัง

ผู้อาวุโสคนหนึ่งลูบคางพูดว่า “พวกนายยังจำชื่อเดิมเขาได้ไหม”

ผู้อาวุโสสองคนข้างๆ ส่ายหน้า มีเพียงผู้อาวุโสตาเดียวคนสุดท้าย เขายิ้มแล้วพูดว่า “ฉันจำได้ เขาชื่อซิงยวน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า