เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1951

สรุปบท บทที่ 1951 พูดคุยกันไหม?: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า

สรุปเนื้อหา บทที่ 1951 พูดคุยกันไหม? – เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดย โอหยางวิ่น

บท บทที่ 1951 พูดคุยกันไหม? ของ เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย โอหยางวิ่น อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ลู่ฝานส่ายศีรษะและยิ้มอย่างขมขื่น เขาอยากที่จะวิ่งตามไปเพื่อบอกกับอาจารย์ว่า ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้

แต่ลู่ฝานเองก็รู้ว่า อาจารย์ไม่มีทางที่จะฟังเขาเด็ดขาด เมื่อคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ในความเป็นจริงอารมณ์และนิสัยของอาจารย์และศิษย์คู่นี้ ก็เหมือนกัน

เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว ก็จะไม่ปรับเปลี่ยนแก้ไขโดยง่าย

ลู่ฝานนั่งรออยู่ในห้องสักครู่หนึ่ง และได้กินผลไม้ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวของเขาหลายเท่าไปเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกมาจากห้อง

พรุ่งนี้ เขายังมีการประลองยุทธ โดยในรอบสิบคนของศึกการแข่งนานาประเทศ ยังมีชื่อของเขาอยู่

ลู่ฝานไม่อยากที่จะพลาดการประลองของตนเอง แม้ว่าการประลองยุทธในแต่ละครั้งนั้น จะใกล้กับการถูกทำลายลงในครั้งสุดท้ายก็ตาม

“สิบสาม ไปกันเถอะ! ”

ลู่ฝานรีบเดินลงไปด้านล่าง คิดที่จะกลับไปพักผ่อนให้เพียงพอสักหน่อย

ขณะที่เดินลงไปตามบันไดที่เรืองแสงระยิบระยับนั้น ลู่ฝานก็เห็นศีรษะของผู้คนด้านล่างกำลังโยกส่ายกันไปมา สนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยง สายตาก็เต็มไปด้วยความสงสาร

คนพวกนี้ ยังไม่รู้เลยว่านี่อาจจะเป็นความสนุกครื้นเครงอีกไม่กี่วันสุดท้ายในชีวิตของพวกเขาแล้วก็เป็นได้

เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาแล้ว ในหัวสมองของลู่ฝาน กลับเป็นอารมณ์ที่สิ้นหวังในตอนที่พวกเขาถูกสัตว์อสูรอากาศธาตุกลืนกิน

ลู่ฝานส่ายศีรษะไปมา เพื่อสลัดทิ้งภาพและสิ่งเหล่านี้ ออกไปจากหัวสมองของเขาให้จงได้

มีบางเรื่อง ที่เขาเปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้ จึงต้องเลือกที่จะยอมรับมัน

เดินลงไปด้านล้างต่อ แล้วก็ค่อย ๆ มีคนที่จดจำลู่ฝานได้

ทันใดนั้น ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มุ่งตรงเข้ามาหาลู่ฝานอย่างตื่นเต้น ขณะเดียวกันก็โบกสิ่งของไปมา เพื่อต้องการให้ลู่ฝานเซ็นลายเซ็นต์ ซึ่งสิบสามก็ได้ขัดขวางพวกเขาเอาไว้ด้านข้างอย่างสุดกำลัง

ยังดีที่จุดนี้เป็นบริเวณที่หรูหรามีระดับที่สุด พวกคนเหล่านี้ แม้จะตื่นเต้นแต่ก็ยังไม่ถึงกับหลงลืมสถานะของตน

พวกเขาไม่ได้ตะโกนกรีดร้อง และก็ไม่ได้ขวางทางเดินของลู่ฝาน

ลู่ฝานเซ็นชื่อให้กับพวกเขากี่คน และยิ้มให้กับคนอื่น ๆ โดยรอบ เพื่อส่งสัญญาณบอกว่าตนเองยังมีธุระต้องทำอีก จึงไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อแล้ว

แวบเดียว ลู่ฝานก็ใกล้จะเดินออกจากหอแล้ว

แต่ในขณะนั้นเอง บานประตูฝนหมอกที่โปร่งใสของหอนั้นก็พลันเปิดออก

จากนั้น ก็มีผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงหนึ่งคนเดินเข้ามา

“โอ้ว คนสวย คุณอยากทานอะไรเหรอ อยากทานอะไรก็บอกกับฉันมาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ! ”

คนที่เดินเข้ามานั้นสวมใส่เกราะพระจันทร์เงิน เมื่อเข้ามาแล้วก็โบกมือพร้อมกับพูดขึ้นเสียงดัง

ทันใดนั้น คนอื่นที่อยู่ภายในหอ ก็ส่งเสียงกระซิบกันขึ้น

“ลู่ฝาน นี่ไม่ใช่ลู่ฝานเหรอ! ”

“ใช่เขางั้นเหรอ ลู่ฝานที่ฝึกทั้งบู๊และชี่! ”

“ฉันจะไปขอลายเซ็นต์กับเขา ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมอกเขานั้นเซ็กซี่จริง ๆ เลย! ”

ถูกต้อง คนที่เดินเข้ามานั้นก็คือเจี่ยหมิงที่ปลอมตัวเป็นลู่ฝาน โดยในอ้อมอกของเขากำลังโอบกอดผู้หญิงที่เซ็กซี่คนหนึ่งอยู่ หญิงสาวคนนี้สวมใส่ชุดกระโปรงสีแดงเข้ม ที่เปิดตรงช่วงหน้าอก และเปิดช่วงชายกระโปรง ซึ่งเธอกำลังยิ้มอย่างเหม่ยลอย และซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของเจี่ยหมิง

ลู่ฝานรีบหยุดฝีเท้าลงทันที พร้อมกับมองไปยังเจี่ยหมิงด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว และมีรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก

เขาพลันพบว่า ผู้หญิงข้างกายของเจี่ยหมิงนั้น เขาเองก็รู้จัก

นี่ไม่ใช่ ธิดาเทพแห่งไฟ เจ้าสำนักของสำนักที่13 หรอกเหรอ

ทำไมเธอถึงได้มาคบหากับเจี่ยหมิงแล้วล่ะ?

ลู่ฝานหลบไปยืนอยู่ที่ด้านข้าง แอบซ่อนเงาร่างเข้าไปในกลุ่มคน

ธิดาเทพแห่งไฟที่อยู่ในอ้อมอกของเจี่ยหมิงนั้นได้พูดขึ้นอย่างออดอ้อนว่า “อย่ามาอยู่ตรงนี้เลย พวกเราไปที่อื่นกันเถอะดีไหม”

“คุณนี่ร้ายจริงเชียว......”

ภายในรถม้า ชัดเจนว่าเจี่ยหมิงกับธิดาเทพแห่งไฟยังคงกำลังหยอกเย้ากันอยู่

ลู่ฝานไม่รู้จริง ๆ ว่าถ้าหากเจี่ยหมิงรู้ว่าธิดาเทพแห่งไฟชอบควักล้วงหัวใจของคนเป็นประจำนั้น เขาจะโอบกอดหล่อนอย่างมีความสุขแบบนี้อยู่อีกไหม

ทันใดนั้น ลู่ฝานก็พูดขึ้นว่า “สหายเจี่ยหมิง รบกวนออกมาพูดคุยกันหน่อยจะได้ไหม! ”

ลู่ฝานพูดเสียงไม่ดัง แต่กระชับรวบรัด ราวกับเสียงตะโกน ซึ่งต้องทำให้เจี่ยหมิงหนวกหูหนักเป็นแน่

ทันใดนั้น เจี่ยหมิงก็ตะโกนขึ้นด้วยความโมโหว่า “หยุด! ”

รถม้าหยุดลงโดยพลัน แล้วเจี่ยหมิงก็เดินออกมาด้วยท่าทางที่ดุดัน และตะโกนขึ้นว่า“ไอ้ชาติชั่วคนไหนที่อยากจะพูดคุยกับฉัน! ”

สิบสามเองก็หยุดรถม้าลง ลู่ฝานจึงค่อย ๆ เดินออกมา รูปลักษณ์กลับคืนสู่สภาพเดิมและมองไปยังเจี่ยหมิงอย่างยิ้มแย้ม

ขณะนั้น เจี่ยหมิงก็พูดขึ้นอย่างตกใจว่า “เงามืด? นายมาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ”

ลู่ฝานมองไปยังธิดาเทพแห่งไฟที่เดินออกมาจากด้านหลังของเจี่ยหมิง ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ก็แค่พูดคุยกันเท่านั้น พรุ่งนี้ก็ถึงการต่อสู้รอบสิบคนสุดท้ายแล้ว ไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะเป็นการต่อสู้ระหว่างฉันกับสหายเจี่ยก็ได้ พวกเราเลยมาพูดคุยกันก่อนไม่ดีกว่าเหรอ เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ก็ถือเป็นเรื่องราวที่ดีเช่นกัน! ”

เจี่ยหมิงส่ายมือติดต่อกันให้กับลู่ฝานและพูดว่า “ไม่ว่าง ไม่ว่าง สหายเงามืด ความหวังดีของนายฉันรับเอาไว้แล้ว แต่คืนนี้ฉันไม่ว่างจริง ๆ นายไปหาคนอื่นพูดคุยแทนเถอะนะ ฉันคิดว่าข่งหลิน โฉวล่วนพวกเขาคงจะมีเวลาว่าง นายไปหาพวกเขาเถอะ! อีกทั้ง ฉันชื่อว่าลู่ฝาน อย่าได้เรียกฉันว่าสหายเจี่ยอีก นั่นคือชื่อปลอมของฉันต่างหาก นายเรียกชื่อจริงของฉันดีกว่านะ”

เมื่อเจี่ยหมิงพูดจบก็โอบร่างของธิดาเทพแห่งไฟอีกครั้ง แต่เขากลับไม่ได้พบเห็นว่า เวลานี้สีหน้าของธิดาเทพแห่งไฟผิดแปลกไปอย่างที่สุด

ในสายตายังแฝงไปด้วยความน่ากลัว และจ้องเขม็งไปที่ลู่ฝาน

“เหอะเหอะ ตกลง สหายลู่นะ ในเมื่อนายไม่ยอมที่จะพูดคุยกับฉัน แล้วคนที่อยู่ข้างกายของนายยอมที่จะพูดคุยกับฉันไหมล่ะ? ครั้งก่อนไม่นึกว่าจะฆ่าหล่อนไม่สำเร็จ ช่างทำให้ฉันแปลกใจมากเสียจริง! ”

ขณะที่ลู่ฝานพูดนั้น ในสายตาก็แฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

ร่างกายของธิดาเทพแห่งไฟเริ่มที่จะสั่นเทาขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะเป็นเซียนบู๊ แต่ครั้งก่อนกลับโดนลู่ฝานจัดการจนถึงขั้นหวาดกลัวแล้ว

เจี่ยหมิงเองก็มองออกถึงความไม่ปกติแล้ว จึงพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “นายพูดอะไรนะ? ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า