เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1955

สรุปบท บทที่ 1955 อริยบุคคลน้อยแห่งจักรวาล (1): เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า

ตอน บทที่ 1955 อริยบุคคลน้อยแห่งจักรวาล (1) จาก เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1955 อริยบุคคลน้อยแห่งจักรวาล (1) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า ที่เขียนโดย โอหยางวิ่น เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ทั้งสิบคนยืนกันเป็นวงล้อม เงาแสงทั้งสิบร่างอยู่บนอากาศ

ม่านแสงปรับเปลี่ยนไม่หยุด ค่ายกลใต้ฝ่าเท้าก็หมุนเวียนขับเคลื่อน

สายลมเย็น พัดเสื้อผ้าปลิวไสว

สายตาดุจดั่งมีด จ้องมองไปโดยรอบ

ลู่ฝานมองไปยังเก้าคนที่อยู่ด้านข้าง และรู้สึกฮึกเหิม

ทั้งสิบคนมีสีหน้าที่แตกต่างกัน พลังอำนาจก็ไม่มั่นคง และมองไปที่คนอื่นก็ไม่เหมือนกัน

อย่างเช่นซูตง ตั้งแต่ต้นจนจบก็เอาแต่จ้องไปที่ลู่ฝาน โดยที่ไม่มองไปยังคนอื่นเลย

อย่างเช่นเจี่ยหมิง มองไปยังคนอื่นด้วยแววตาที่เป็นประกายโดยตลอด

สำหรับเขาแล้ว ทุกคนในที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเขามากทั้งนั้น

ใจกลางฝ่ามือของเจี่ยหมิง เริ่มที่จะมีเหงื่อออกบ้างแล้ว

ในขณะนั้นเอง ด้านบนของเกาะลอยหลวง ก็เริ่มสั่นคลอนขึ้นแล้ว

ฝุ่นละอองบนพื้นตลบอบอวล จากนั้นเต่าอสูรขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้น

บนกระดองเต่า มีกระบี่ยาวสีทองปักอยู่

ขณะที่ลู่ฝานมองเห็นกระบี่เล่มนี้ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย

กระบี่เล่มนี้ เขารู้จัก

นี่คือกระบี่ปีศาจที่เขาเข้าร่วมคัดเลือกผู้ฝึกชั่วร้าย แล้วก็ได้รับในรอบแรกไม่ใช่เหรอ

นึกว่าเปลี่ยนสีแล้ว เขาจะมองไม่ออกอย่างนั้นเหรอ? เต่ามังกรที่อยู่ด้านล่างนี้ไม่เห็นจะเปลี่ยนเลย!

เต่ามังกรเคลื่อนไหวเล็กน้อย กระบี่สีทองบนลำตัวของมันก็เริ่มที่จะขยับเขยื้อนด้วย

เวลานี้ ประมุขของประเทศฉิงเทียนพูดขึ้นว่า “การจับฉลากในวันนี้ จะได้มาจากการเสี่ยงทายของเต่ามังกร โดยคนโบราณกล่าวไว้ว่า การต่อสู้กับความตายนั้นขึ้นอยู่กับชะตาชีวิต คู่ต่อสู้ของพวกนายในรอบสิบอันดับแรก มอบให้กับฟ้าดินเป็นคนตัดสิน! ”

คนนับไม่ถ้วนต่างก็จับจ้องไปยังกระบี่บนหลังกระดองเต่ามังกรนั้น

เวลานี้ ข่งหลินยิ้มและพูดขึ้นว่า “การจับฉลากแบบนี้ มันทำแบบลวก ๆ เกินไปไหม คิดไม่ถึงว่า คู่ต่อสู้ของฉัน จะต้องให้เต่ามาเป็นผู้คัดเลือก”

โฉวล่วนพูดตามขึ้นว่า “ฉันเองไม่เป็นไร ไม่ว่าจะพบกับใคร ก็เหมือนกัน! ”

หวงฝู่อู่ร้อนลุ่มจนทนไม่ไหวและพูดว่า“ทำไมเต่าตัวนี้ถึงได้อัปลักษณ์ขนาดนี้ล่ะ! ”

จั่วหยุนตงตะโกนเสียงดังว่า “เงามืด ฉันต้องการสู้กับเงามืด ไอ้ชาติชั่วเงามืด นายอย่าลืมนะว่า พวกเรายังต้องต่อสู้กันอีกหนึ่งยก! ”

ลู่ฝานหัวเราะไม่หยุด

เริ่นหยู่เองก็พลันมองไปที่ลู่ฝานและพูดขึ้นว่า “สหายเงามืด ฉันเองก็อยากที่จะต่อสู้กับนาย! ”

ลู่ฝานได้ยินดังนั้นก็หันหน้ามองไปที่เริ่นหยู่ เขาสามารถมองออกได้ถึงความเยาะเย้ยภายในสายตาของเริ่นหยู่ได้

ลู่ฝาน จึงค่อย ๆ พูดขึ้นว่า “ได้เลย เตรียมพร้อมทุกเมื่ออยู่แล้ว! ”

เย่หนานเทียน เจี่ยหมิง ซูตง เฟิงเสี่ยวชี่ ไม่พูดไม่จาอะไร เอาแต่จับจ้องไปยังกระบี่สีทองที่อยู่บนกระดองเต่า

ทันใดนั้น กระบี่สีทองก็ค่อย ๆ หยุดลง ปลายกระบี่ชี้ไปยังข่งหลิน ส่วนด้ามกระบี่ชี้ไปยังเย่หนานเทียน

ครั้นแล้ว ประมุขของประเทศฉิงเทียนก็ตะโกนพูดว่า “ตัวแทนในการต่อสู้รอบแรกปรากฏขึ้นแล้ว นั่นก็คือ ข่งหลินจากประเทศหวนหยู่ และเย่หนานเทียนจากประเทศเฟิงหยู่! ”

ข่งหลินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็หันมองไปยังเย่หนานเทียน และพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่า การต่อสู้ในวันนี้ คงจะสบายอย่างมากเลย! ”

เย่หนานเทียนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่กระบี่สีทอง แล้วทำสีหน้าท่าทางครุ่นคิด แต่ก็กลับยิ้มขึ้นมาโดยพลัน

“การต่อสู้ที่ฟ้าลิขิต! ฉันเชื่อแล้ว”

ค่ายกลใต้ฝ่าเท้าของลู่ฝานและคนอื่น ๆ เวลานี้ได้เกิดพลังแรงดึงขึ้น ทันใดนั้น ลู่ฝานและคนอื่น ๆ ก็ถูกค่ายกลดึงตัวออกไปจากเกาะลอยหลวง มายังท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอกของเกาะลอย ที่สามารถมองไปโดยรอบเกาะลอยได้ทั้งหมด

ด้านบนเกาะลอย เหลือเพียงเย่หนานเทียนกับข่งหลินที่ยืนอยู่

ค่ายกลใต้ฝ่าเท้าได้สูญหายไป และค่ายกลของเกาะลอยก็ส่องสว่างขึ้น

เย่หนานเทียนชักกระบี่ยาวออกมา แล้วชี้ไปยังข่งหลิน

ส่วนข่งหลินก็นำขวดน้ำเต้าที่ใส่เหล้าออกมา แล้วตนเองก็ยกดื่มหนึ่งคำ จากนั้นก็ยิ้มและมองไปที่เย่หนานเทียน

ส่วนเต่ามังกรก็เคลื่อนตัวกลับเข้าไปใต้ดิน หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ทั่วทั้งเกาะลอย ก็หลงเหลือให้กับเย่หนานเทียนและข่งหลินสองคนแล้ว

พละกำลังของทั้งสองคนกำลังพลุ่งพล่านขึ้น พลังปราณถูกปล่อยออกมา เงาร่างลอยตัวขึ้น และชายเสื้อผ้าก็พลิ้วไหว

ลู่ฝานมองไปยังสองคนนี้ ก็พลันรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

ลำแสงบนกระบี่ของทั้งสองคนนี้คล้ายคลึงกันมากเลย!

อย่ามองว่าแต่ละกระบี่ของข่งหลินจะดูง่ายดาย ไม่ว่าใครก็สามารถที่จะมองเห็นร่องรอยกระบี่ของเขาได้อย่างชัดเจน

แต่พลังที่แฝงอยู่ภายใน และช่วงจังหวะการลงมือ รวมถึงการสอดประสานกันของการเคลื่อนที่นั้น

มันช่างทำให้นักบู๊ทั่วไปหมดสิ้นความหวังกันเลยทีเดียว!

เพียงแค่กระบี่เดียว ทำให้ท่ามกลางผู้คนที่มุงดูนั้น มีนักบู๊จำนวนมากสีหน้าขาวซีด ซึ่งในจำนวนนี้ก็ยังมียอดฝีมือขั้นเซียนอยู่ไม่น้อยด้วย

เพราะพวกเขามองออกได้ว่า กระบี่นี้ ไม่สามารถหลบหลีกได้ ถ้าหากเป็นพวกเขา ก็จะถูกทิ่มแทงอย่างไม่ต้องสงสัย!

ซึ่งหากถูกกระบี่ของเซียนบู๊ที่อัดแน่นไปด้วยพลังแล้วนั้น จะต้องเสียชีวิตลงหรือบาดเจ็บอย่างหนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าวินาทีต่อมา ข่งหลินยังได้ใช้กระบี่ทิ่มแทงอย่างตรงจุดเข้าไปอีกนับร้อยครั้ง!

ตึ่งง! ตึ่งง! ตึ่งง! ตึ่งง!

เกิดเสียงดังขึ้นติดต่อกัน จากการใช้กระบี่ทิ่มแทงไปนับร้อยครั้ง แต่เย่หนานเทียนก็ยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้

แทบจะเป็นวิชากระบี่เดียวกันเลย เย่หนานเทียนจึงไม่ถูกทิ่มแทงเลยสักครั้ง ตรงกันข้ามยังใช้กระบี่สุดท้ายโจมตีกลับจนข่งหลินต้องถอยร่นลงไปด้วย

ข่งหลินอุทานขึ้นว่า “นายเองก็ใช้วิชากระบี่เก้าอักษรหมุนเวียนเป็นด้วย! ”

เย่หนานเทียนกวักนิ้วมือให้กับข่งหลินและพูดขึ้นว่า “นี่นับเป็นกี่กระบวนท่าแล้ว? ”

ข่งหลินยิ้มและพูดว่า “นี่ถือว่ากระบวนท่าเดียว! เตรียมรับกระบวนท่าของฉันอีกครั้ง! ”

เมื่อพูดจบ เงาร่างของข่งหลินก็หายวับไป ทันใดนั้นลำแสงกระบี่ก็เปล่งประกายและร่วงตกลงมาอย่างกับสายฝน

“กระบี่ดาวตก! ”

กระบี่ยาวของเย่หนานเทียนวางราบอยู่ช่วงหน้าอก พร้อมกับหมุนฝ่าเท้า และตะโกนขึ้นว่า: “ดาวตก! ”

จากนั้น เงาร่างของเย่หนานเทียนก็หายวับตามไปด้วย

ทันใดนั้นในท้องฟ้าก็หลงเหลือเพียงแค่ลำแสงกระบี่ที่แผ่ซ่านไปทั่ว!

ตุบบบ!

เงาร่างของทั้งสองคนปรากฏขึ้นอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เย่หนานเทียนถอยหลังลงไปนับสิบก้าว ส่วนข่งหลินถอยหลังลงไปกว่าห้าก้าว

แต่ข่งหลินถึงกับตกตะลึงอย่างที่สุด ชี้ไปยังเย่หนานเทียนและพูดว่า “นายไปเรียนวิชากระบี่นี้มาจากที่ไหน? ”

เย่หนานเทียนยิ้มและตอบกลับว่า “นายเรียนมาจากที่ไหน ฉันก็เรียนมาจากที่นั่น! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า