เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1954

เช้าวันรุ่งขึ้น

ดวงอาทิตย์ขึ้นมาจากทางทิศตะวันออก เมืองฉิงเทียนที่กว้างใหญ่ก็อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง จนทำให้ทั้งเมืองสะท้อนประกายแสงขึ้นเล็กน้อย

บนท้องฟ้า ของเมืองฉิงเทียน

เกาะลอยในวันนี้มีความแตกต่างอย่างมาก กับในช่วงเวลาอื่น

สิ่งที่สายตามองเห็นนั้น คือเกาะลอยแต่ละเกาะกำลังกลายเป็นลำแสงสีทองแผ่กระจายไปทั่ว

เกาะลอยทั้งสิบสามเกาะที่มีอยู่เดิมนั้น ก็ลดน้อยลงไปทีละเกาะ

เมื่อดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะของทุกคนแล้ว ทั้งสิบสามเกาะลอย ก็ลดน้อยลงเหลืออยู่เพียงเกาะเดียวแล้ว

โดยเกาะที่เหลืออยู่นี้ ก็คือเกาะลอยหลวงที่ไม่เคยถูกนำมาเป็นสนามสู้รบมาก่อน

เกาะลอยแห่งนี้มีตึกอาคารที่งดงามโอ่อา มีค่ายกลที่เรืองแสง เมื่อเกาะลอยหลวงค่อย ๆ ประกายลำแสงออกมานั้น ท้องฟ้าก็ถูกย้อมจนกลายเป็นสีทองในทันที

จากนั้น สายรุ้งก็ปรากฏขึ้น พาดผ่านไปยังปลายขอบฟ้า

ด้านบนสายรุ้ง ก็มีเงาร่างของคนปรากฏขึ้น

นั่นก็คือประมุขประเทศฉิงเทียน สามอริยบุคคล รวมถึงประมุขของประเทศต่าง ๆ ที่ทยอยกันมาถึงสถานที่แห่งนี้

ด้านล่าง ก็คือฝูงชนจำนวนมหาศาล

เดิมทีเมืองฉิงเทียนก็มีประชากรมากมายอยู่แล้ว วันนี้ก็ยิ่งดูว่าจะแออัดยัดเยียดมากขึ้นไปอีก

การแข่งขันกี่รอบก่อนหน้านี้ ต่างก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบดู ดังนั้นผู้คนทั้งหมด ในช่วงกี่วันก่อนก็ยังไม่ได้เดินกันมาบนถนนเพื่อดูชมการแข่งขัน

แต่ในวันนี้ คือการแข่งขันของผู้แข็งแกร่งสิบอันดับแรก

หากว่าพลาดไป นั่นก็หมายความว่ามาประเทศฉิงเทียนโดยเปล่าประโยชน์แล้ว!

ดังนั้น ฝูงชนในวันนี้ต่างก็คึกคักเป็นพิเศษ และก็มีจำนวนมากด้วย

ทั้งถนนและซอยใหญ่ซอยเล็ก ก็กลับมาสู่สภาพในตอนที่การแข่งขันนานาประเทศเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

แทบจะไม่มีถนนเส้นไหน ที่สามารถจะผ่านไปได้ เพราะแออัดยัดเยียดกันไปหมด

ด้านบนตึกอาคารสูงทั้งหมด ต่างก็มีฝูงชน รวมไปถึงหน่วยป้องกันเมืองและองครักษ์เกราะทองที่มาดูแลความสงบเรียบร้อย

ก็เพราะว่าตอนที่กำลังแข่งขันกันอยู่นั้นประเทศฉิงเทียนไม่อนุญาตให้ผู้คนเหาะเหินอยู่ในอากาศ

ไม่อย่างนั้นแล้ว วันนี้คงจะเป็นภาพของการที่มีผู้คนเหาะเหินกันอยู่ในท้องฟ้าเต็มไปหมด

ประมุขประเทศฉิงเทียนมองลงไปยังเงาร่างคนที่มืดฟ้ามัวดินตรงด้านล่าง แล้วก็หันหน้าไปพูดกับสามอริยบุคคลว่า “อริยบุคคลทั้งสาม วันนี้ จะให้พวกท่านเป็นคนประกาศเริ่มต้นการแข่งขัน! ”

สามอริยบุคคลจ้องหน้าสบตากัน จากนั้นเทพเงินแปดทิศก็หัวเราะฮ่าฮ่า และลุกขึ้นพูดว่า “อย่างนั้นฉันจะเป็นคนประกาศเอง”

ขณะที่เทพเงินแปดทิศกำลังลุกขึ้น ก็ได้ยินเสียงโห่ร้องเกรียวกราวดังขึ้นมาจากด้านล่าง ราวกับว่าจะทำให้สิ่งก่อสร้างโดยรอบถล่มพังลงมาเลยทีเดียว

เสียงดังกล่าว มันดังกว่าเสียงการพูดของประมุขประเทศฉิงเทียนเสียอีก

เวลานี้ภายในเมืองฉิงเทียน ไม่ขาดแคลนยอดฝีมือ โดยอย่ามองว่าฝูงชนที่รวมกลุ่มกันมากมายด้านล่างนั้น หากโยนอิฐลงไปก้อนหนึ่ง ก็อาจจะถูกเซียนบู๊กี่คนเลยก็เป็นไปได้

คนที่สามารถทำให้พวกเขาเคารพนับถือนั้น ในใต้หล้านี้ นอกจากสามอริยบุคคลแล้ว ก็คงจะไม่มีคนอื่นอีก

เทพเงินแปดทิศพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ฉันนึกว่าจะมีตอนที่ฉันปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น ฉันถึงจะเป็นที่ยอมรับมากขนาดนี้! ”

เทพเงินแปดทิศไอค็อกแค็กแล้ว ก็อ้าแขนออก แล้วก็ทำท่ามือสองข้างกดลงด้านล่าง

ทันใดนั้นเสียงของทุกคน ก็เงียบลงกันทั้งหมด

เทพเงินแปดทิศพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่องอาจดุดัน ดังกึกก้องไปทั่วทุกสารทิศว่า “วันนี้ คือการแข่งขันนานาประเทศ การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งสิบอันดับแรก และก็เป็นการต่อสู้ของกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ ที่เป็นยอดฝีมือสูงสุด ในปัจจุบันในใต้หล้านี้ นี่คือการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ และการเป็นการต่อสู้ที่เดิมพันกันด้วยชีวิต พวกเรามาเฝ้าติดตามรอชมกันว่า ผู้ใดจะกลายเป็นฮีโร่ผู้เก่งกาจในใต้หล้านี้”

น้ำเสียงของเทพเงินแปดทิศจบลง เสาแสงสิบต้นก็พลันตกลงมาจากท้องฟ้า พุ่งลงไปท่ามกลางฝูงชนทันที

จากนั้น บนท้องฟ้า ก็มีม่านแสงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงดังกึกก้องมาจากท้องฟ้าด้วย

“คนแรก มาจากประเทศหวนหยู่แห่งเขตใต้ เป็นทั้งเซียนกระบี่นักกลอนและนักดื่มเหล้า มีชื่อว่าข่งหลิน! ”

เมื่อแสงสีทองเปล่งประกายขึ้น เสาแสงก็รวมตัวกันเป็นสะพานรุ้ง จากนั้นข่งหลินที่อยู่ในฝูงชนก็ค่อย ๆ ลอยตัวขึ้น

ข่งหลินที่กำลังดื่มเหล้าอยู่นั้นมองไปยังสะพานรุ้งใต้เท้า ก็ยิ้มไม่หุบ ในกลางอากาศ ม่านแสงก็กำลังย้อนฉายฉากการต่อสู้ของข่งหลินในทุกรอบ

วิชากระบี่ที่ห้าวหาญ การเคลื่อนตัวที่พลิ้วไหว และรอยยิ้มอันมั่นใจ ปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า