เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1972

“วิถีลิขิตฟ้า!”

ลู่ฝานพึมพำออกมา

ก่อนหน้านี้เขายังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้เห็นการแสดงออกอันน่าอัศจรรย์ของซูตง รวมถึงแหวนจิ่วเซียวที่จะปลิวออกจากนิ้วเขาแล้ว รวมถึงพลังในตัวที่แอบโดนกระตุ้นเล็กน้อย

สิ่งแรกที่ลู่ฝานคิดได้คือ วิถีลิขิตฟ้าของเทพบู๊เสินเซียว

ในตำนานบอกว่าเทพบู๊เสินเซียวครอบครองเต๋าอันยิ่งใหญ่ลิขิตฟ้าในมือ

หมัดเดียวสามารถตัดสินเป็นตายได้

พลังเต๋าอันยิ่งใหญ่แบบนี้ ไม่สามารถบรรยายด้วยหลักการทั่วไป

จึงดูล่องหน ไม่เห็นร่องรอยอะไรแบบนี้ อีกทั้งยังแข็งแกร่งมาก ไม่รู้ซูตงจะใช้พลานุภาพออกมาได้แค่ไหน

เห็นได้ชัดว่าโฉวล่วนไม่รู้ว่าซูตงมีพลังแบบนี้ เขาโดนซัดจนเสื้อผ้าเละเทะไปหมด

ใบหน้าหล่อเปื้อนเลือดเต็มไปหมด จ้องเขม็งมาที่ซูตง

เทียบกับคนทั่วไป ร่างกายของมนุษย์เผ่ามังกรแข็งแกร่งพอสมควร

พวกเขาร่างกายแข็งแกร่งตั้งแต่เกิด แม้โดนซูตงใช้วิถีลิขิตฟ้าโจมตีขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

ทั้งสองหยุดลงแล้ว มองหน้าอีกฝ่าย ความอาฆาตพลุ่งพล่าน

ตอนนี้ซูตงเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ผมสะบัดปลิวตามลม ใบหน้าเย็นชา นัยน์ตาไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิด

ตาขาวที่เดิมทีเหลืออยู่นิดหน่อย ตอนนี้กลายเป็นสีดำหมดแล้ว

สภาพแบบนี้ทำให้ลู่ฝานนึกถึงธิดาเทพแห่งความมืด

เหมือนออร่าของทั้งสองคนเหมือนกันเล็กน้อย

แต่ออร่าความมืดมิดบนตัวธิดาเทพแห่งความมืดรุนแรงกว่า ส่วนซูตงเต็มไปด้วยความอาฆาต

โฉวล่วนถือกระบี่ไว้ด้านหน้าแล้วพูดเสียงกังวานว่า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด นี่คงเป็นพลังของเต๋าอันยิ่งใหญ่สินะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระดับสูงสุด สามารถครอบครองเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้ ช่างน่าอิจฉาจริงๆ!”

ซูตงตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา “นายไม่มีวันรู้หรอกว่าเพื่อพลังนี้ ฉันต้องยอมทุ่มขนาดไหน!”

โฉวล่วนได้ยินคำพูดของซูตง เขากลับหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ยอมทุ่มเหรอ เธอมาพูดเรื่องนี้กับฉันเนี่ยนะ บนโลกนี้มีอะไรได้มาฟรีๆ บ้างล่ะ เธอรู้ไหมว่าวิทยายุทธของฉันต้องทุ่มมากมายขนาดไหน เพื่อความแข็งแกร่ง แลกด้วยชีวิตแล้วยังไงล่ะ เธอรู้ไหมว่าคนมากมายอยากเป็นผู้แข็งแกร่งแบบเธอ ถึงขั้นที่ยอมแลกด้วยชีวิต คนที่หนักกว่านั้นคือยอมเข้าสู่วิถีปีศาจโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”

กระบี่ของโฉวล่วนชี้หน้าซูตง เสียงสูงขึ้นทันที เขาแผดเสียงออกมาว่า “พูดแบบนี้ออกมาได้ แสดงว่าคนอย่างเธอไม่มีจิตใจของผู้แข็งแกร่ง เธอมันแค่คนกระจอกน่าสงสารที่บังเอิญผงาดขึ้นมาได้ พลังของเธอไม่มีวันทำให้เธอมีเกียรติ มีเพียงแต่จะนำความพังพินาศมาให้เธอ!”

คำพูดของโฉวล่วนเหมือนกระบี่แหลมคมแทงทะลุหัวใจซูตง

ซูตงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าบิดเบี้ยว แม้แต่ประกายนัยน์ตาก็วูบไหวด้วย

เฟิงเสี่ยวชี่เห็นภาพนี้แล้วส่ายหน้าพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะโดนคำพูดโฉวล่วนทำให้จิตใจว้าวุ่น สภาพจิตใจซูตงใช้ไม่ได้เลย เฮ้อ......สหายเงามืดสั่นอะไร ปวดฉี่เหรอ” เฟิงเสี่ยวชี่หันมามองลู่ฝานที่กำลังกดแหวนจิ่วเซียวเอาไว้สุดชีวิต

ลู่ฝานตัดสินใจใช้พลังแห่งโลกปกคลุมบนแหวนจิ่วเซียว จึงสามารถสยบมันได้!

ลู่ฝานถลึงตาใส่เฟิงเสี่ยวชี่ไปหนึ่งที แล้วเงยหน้ามองซูตง “สภาพจิตใจใช้ไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าพลังใช้ไม่ได้นะ โฉวล่วนกำลังเล่นกับไฟ เขาอาจไม่รู้ว่าเขากำลังบีบให้ซูตงแสดงพลังแบบไหนออกมา!”

ความกังวลของลู่ฝานมีเหตุผล

การต่อสู้ของยอดฝีมือ ใช้คำพูดทำลายจิตใจ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว

วิธีนี้ใช้ได้ผลมาก เมื่อทำลายจิตใจของอีกฝ่ายได้ ก็เท่ากับสลายความฮึกเหิมของอีกฝ่าย ต่อไปการต่อสู้ก็จะง่ายขึ้นมาก

แต่สิ่งนี้จำกัดไว้เพียงยอดฝีมือทั้งสองคนต้องมีจิตใจเต๋า ถ้ายอดฝีมือสู้กับผู้อ่อนแอ วิธีนี้ไม่ค่อยมีค่าเท่าไร บางครั้งอาจทำให้อีกฝ่ายโกรธและทำให้การต่อสู้ยากขึ้นอีก

เหมือนผู้ใหญ่สองคนทะเลาะกัน ยังไงก็ต้องคุยด้วยเหตุผลก่อน ใครมีเหตุผลหรือจะพูดว่าใครพูดมีเหตุผลกว่ากัน แน่นอนว่าคนนั้นต้องมีพลานุภาพกว่า

แต่ถ้าผู้ใหญ่ทะเลาะกับเด็กไม่รู้ความ คงไม่ต้องพูดกันด้วยเหตุผลหรอก สู้ด้วยหมัดจริงๆ ไปเลยดีกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า