อาคารหลังเล็กและบ้านไม้ไผ่ ละอองฝนและสายลม
ค่ำคืนอันลึกล้ำ มิอาจซ่อนความกังวลมากมายได้
ร่างคนลงมาจากฟ้า ลอยมาที่หน้าประตู ประตูเปิดออกครึ่งหนึ่ง แสงเทียนริบหรี่ และร่างที่ดูผอมบางเล็กน้อย สะท้อนอยู่ในแสงไฟ
ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้น สิ่งที่เข้าสู่สายตา ก็คือใบหน้าขาวผ่องของซูตง
ผมสีขาวทำให้เธอดูแก่มาก
น้ำตาใสสองสาย ยังคงเอ่อคลออยู่ที่หางตา
“อาจารย์!”
เมื่อซูตงเห็นคนมา รีบเช็ดน้ำตา และลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสซู่มั่นยืนอยู่ที่ประตู มองดูซูตง และพูดว่า “เธอถอนตัวตอนนี้ก็ยังทัน แม้ว่าอาจารย์จะไม่สามารถรักษาผลการฝึกตนของเธอไว้ได้ แต่รักษาชีวิตของเธอไว้ได้!”
ซูตงกัดฟันพูดว่า “ไม่มีพลังแล้ว ฉันยอมตายดีกว่า”
ผู้อาวุโสซู่มั่นถอนหายใจพูดว่า “คนมีชีวิตอยู่ต่างหาก ถึงจะมีความหวัง ตายไปแล้วก็ไม่มีอะไรเลยจริงๆ”
ซูตงส่ายหัวพูดว่า “ฉันไม่มีทางตายหรอก ขอแค่ฉันฆ่าเงามืดตายได้ คุณชายเฟิงเทียนก็จะพาฉันกลับไปที่สำนักเดิม ให้ฉันเข้าไปในสระปีศาจมหายาน ให้ฉันชำระล้างไขกระดูก และปรับเปลี่ยนร่างกายใหม่”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดว่า “ฟังคำเกลี้ยกล่อมของอาจารย์หน่อย พลังที่เธอใช้ตอนนี้ นั่นเป็นพลังที่ตัวของเฟิงเทียนเองก็ไม่กล้าใช้ เขากลั่นพลังจากในสายเลือดของเทพบู๊เสินเซียวมานานขนาดนี้ แต่ไม่กล้าที่จะหล่อหลอมสักที เธอรู้มั้ยว่าทำไม? ก็เป็นเพราะพลังนี้ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรจะมีเลย นี่เป็นพลังของสวรรค์ แม้ว่าในร่างกายของเขาจะก่อการเองกลายโลก ฝ่ามือมีเต๋าสูงสุด ก็ไม่กล้าแตะต้อง แม้แต่เขาก็ไม่กล้าใช้ เธอกลับต้องการครอบครองมันอย่างสุดใจ นี่มันแกว่งเท้าหาเสี้ยนไม่ใช่เหรอ?”
ซูตงพูดว่า “แต่เทพบู๊เสินเซียวควบคุมได้ ในเมื่อมีคนสามารถควบคุมได้ ทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
ผู้อาวุโสซู่มั่นก้าวไปข้างหน้า และพูดกับซูตงอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “เพราะเธอไม่ใช่เทพบู๊เสินเซียว!”
ดวงตาของซูตงสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธ หรือว่าไม่พอใจ
“ฉันทำได้!”
เมื่อซูตงพูดสิ่งนี้จบ ก็ก้าวเดินออกไป
ทันใดนั้นผู้อาวุโสซู่มั่นก็ตะโกนว่า “ซูตง ตอนนี้เธอถูกพลังบังตาทั้งสองข้างไปแล้ว ในการต่อสู้พรุ่งนี้ เธอกำลังจะใช้เวลาทั้งหมดในชีวิตของเธอ เธอจะตายในทันที! ยังต้องให้ฉันพูดชัดเจนกว่านี้อีกไม่?”
ซูตงหันหน้ามาพูดว่า “อาจารย์ ท่านไม่เคยเชื่อฉันเลย ฉันอยู่กับท่านมานานขนาดนี้ ท่านไม่สอนวิชาที่ทรงพลังที่แท้จริงให้กับฉัน ทุกวันนี้ก็ให้ฝึกสิ่งที่ทำให้จิตใจสงบลง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์อะไร ทั้งที่ฉันสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกได้ ท่านก็ละเลยฉันอีก แต่เลือกเงามืดที่เจอกันแค่ครั้งเดียว! ตอนนี้ คุณชายเฟิงเทียนได้ให้โอกาสฉันในการต่อสู้อย่างสุดชีวิตกับฉัน ไม่มีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ก็ตายอย่างเกริกก้อง ในวินาทีสุดท้ายนี้ ทำไมท่านต้องห้ามฉันอีก?”
ซูตงพูดถึงตอนท้าย คนทั้งคนก็กลายเป็นควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ผู้อาวุโสซู่มั่นมองดูเธอ แต่สายตากลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก
เพราะว่า ในขณะนี้ สิ่งที่เธอเห็นในดวงตาของซูตงมีเพียงความหลงใหลในอำนาจเท่านั้น
นั่นเป็นสายตาของผู้ฝึกชั่วร้าย ที่ไม่เลือกวิธี เพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง
สิ่งที่ผู้อาวุโสซู่มั่นไม่ต้องการเห็นมากที่สุด ก็คือซูตงกลายเป็นสภาพแบบนี้
เธอพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้ซูตงถูกรบกวน แม้ว่าจะอยู่ในการฝึกวิชาชั่วร้าย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ซูตงยังคงกลายเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายโดยสมบูรณ์ ทำสิ่งที่บ้าคลั่ง และทำสิ่งที่ไร้มนุษยธรรม
ไม่รู้จะเดินหน้าหรือถอยหลัง ไม่ให้ความสำคัญกับชีวิต
เธอไม่เห็นคุณค่า แม้แต่ชีวิตตัวเองมากๆ แล้วเธอจะเห็นอกเห็นใจชีวิตคนอื่นในอนาคตได้อย่างไร
คนคนนี้ ถ้ามีชีวิตรอดไปได้ จะกลายเป็นจอมมารใหญ่ในอนาคตอีก
ผู้อาวุโสซู่มั่นส่ายหัวพูดว่า “เธอไปเถอะ มือของฉันเปื้อนเลือดมานับไม่ถ้วนแล้ว เดิมทีอยากให้เธอเป็นบัวขาวไร้มลทิน คาดไม่ถึงว่า จะกลายเป็นเช่นนี้ ความคิดของเธอ เหมือนกับฉันในตอนนั้น ฉันไม่รู้จะประเมินยังไง ในฐานะคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ฉันยังต้องการมอบให้เธอประโยคหนึ่ง ธรรมชาติย่อมเคลื่อนโคจรไป!”
เมื่อซูตงได้ยินเช่นนี้ ก็หัวเราะออกมาดังๆในเวลานี้
“อาจารย์ คำพูดของท่านเหมือนไม่ใช่ผู้ฝึกชั่วร้ายเลย แต่เป็นคนธรรมดาหน้าซื่อใจคดเหล่านั้น! ท่านก็เป็นคนของควบคุมต้าเต๋าในมือ ทำไมถึงได้เชื่อสิ่งเหล่านี้ คนเราย่อมสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ ถึงเป็นทุกอย่างต่างหาก”
หรือว่าที่ทุกคนมาช้า เป็นเพราะสภาพอากาศจริงๆเหรอ?
เหตุผลนี้ ดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
แม้แต่นักบู๊ที่เฝ้าดูการต่อสู้ ก็ไม่รู้สึกว่าได้รับผลกระทบจากลมฝนสักเท่าไหร่
ด้วยความสามารถของประมุขประเทศกับสามอริยบุคคลทุกท่าน จะมาสายเพราะลมฝนได้อย่างไร
แต่ความจริงก็เป็นแบบนี้ สามอริยบุคคลยังมาไม่ถึง ประมุขประเทศต่างๆก็ยังไม่เห็นสักที
แม้แต่คนรอบคอบยังค้นพบว่า ประมุขประเทศต่างๆยังมาไม่ถึง
แม้แต่ลูกศิษย์ยอดเยี่ยมของจักรวรรดิต่างๆ ก็ไม่มีใครมาถึงสักคนเดียว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ในขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดา ร่างของประมุขประเทศฉิงเทียนเอ้อระเหยลอยชายมาสาย
ประมุขประเทศฉิงเทียนหันหน้ามองไปรอบๆ สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่นั่งอยู่บนยอดเมฆสีดำด้วยสีหน้าที่ไร้ความปรานี
ท้องฟ้าที่มืดสนิททำให้ร่างของเขามืดครึ้มมาก
“ซูตงมาแล้ว!”
เสียงตะโกนอันดัง ร่างของซูตงก็มาถึงอย่างช้าๆ
ถือกระบี่นิ่มไว้ในมือ ผมสีขาวที่ปลิวไสว ซูตงบินมาบนเกาะ
กวาดสายตามองไปทั่วสนาม ซูตงพูดอย่างราบเรียบว่า “การต่อสู้ครั้งสุดท้าย เงามืด มาเถอะ!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า
อ่านถึง 2276 แล้ว อยากอ่านต่อช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่าอ่านต่อได้ทางช่องทางไหน...
รอนานมากครับเมื่อไรจะแปลต่อครับ...
มีใครรู้วิธีอ่านต่อมั้ยครับ ผมอ่านถึง2276เป็นรอบที่3แล้ว ก็ยังไม่มีต่อเลย จะหาอ่านต่อได้างช่องทางไหนบ้างครับ...
เจ้าของนิยายเนี่ยมันวิปริตหรือเปล่าวะเขียนๆอยู่แล้วก็จบแบบงงหลายเรื่องแล้ว...
ปู่เชี่ยไรเรียกหลานตัวเองว่านาย นิยายย้อนยุคมึงแปลซะ ทันสมัยเลย ไอ้เวร...
ช่องทางซื้ออ่านก็ไม่มี...
2276จบค้างเลยมาต่อเร็วๆนะ...
รออ่าน2277...
เสียดายมาก อ่านมาถึงหน้า 2276 มา2รอบแล้ว กำลังสนุกเลย ช่วยแปลตาอให้หน่อยนะครับ...
ถ้าไม่แปลต่อเรื่องต่อไปก็คงเหมือนเรื่องนี้หรือเปล่าครับไม่จบสักเรื่อง...