“เหลือเวลาอีกหนึ่งก้านธูป!”
เจ้าสำนักหลีซีนิ้วมือสั่นเทา พูดเบา ๆ กับทุกคน
สายตาของเทพเงินแปดทิศ อริยบุคคลแห่งจักรวาลต่างมองลู่ฝานอย่างไม่พอใจ
เพราะคำพูดประโยคนี้ของลู่ฝาน พวกเขาถึงกับหมดทางหนี เพราะกระทั่งเด็กรุ่นหลังยังกล้ายืนหยัดไม่กลัวตายอย่างนี้ พวกเขาด้วยฐานะสามอริยบุคคลแห่งใต้หล้า จะถอยหนีได้ยังไง
ไม่อย่างนั้นหากเรื่องนี้ลือออกไป พวกเขาจะไม่ใช่ต้องชื่อเสียงด่างพร้อยหรอกเหรอ ชีวิตนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มีชื่อเสียง คงได้หายไปหมด
พออายุเท่าพวกเขา ยังมีใครบ้างที่ไม่สนใจชื่อเสียง
เทพเงินแปดทิศและอริยบุคคลแห่งจักรวาลต่างแอบคาดเดา ลู่ฝานใช่หรือไม่ว่าเจตนาทำอย่างนี้
เขาตั้งใจคำรามประโยคนั้นขึ้นในเวลาเช่นนี้ เป้าหมายใช่หรือไม่ว่าเพื่อต้องการเหนี่ยวรั้งทุกคนไว้ที่นี่
ลู่ฝานดูคล้ายสัมผัสได้ถึงสายตาเย็นยะเยียบจากข้างหลัง จึงหันกลับไปมองอริยบุคคลแห่งจักรวาลและเทพเงินแปดทิศแวบหนึ่ง
ความคิดของทั้งสองคน ลู่ฝานใช้ก้นทายก็ทายได้
ไม่ผิด เมื่อครู่เขาตะโกนขึ้น แน่นอนว่าต้องการรั้งพวกเขาไว้ที่นี่
หากแม้กระทั่งเทพเงินแปดทิศและอริยบุคคลแห่งจักรวาลก็หนีแล้ว งั้นค่ายกลที่วางไว้นอกตำหนักหมิงฉี่ จะไม่ใช่พริบตาเดียวก็พังทลายเหรอ!
หากสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างนั้น งั้นแผนที่เจ้าสำนักหลีซีวางไว้ จะไม่ใช่ไม่มีประสิทธิภาพแม้แต่ครึ่งส่วนหรอกเหรอ
ลู่ฝานแน่นอนว่าไม่ต้องการให้เรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้น
ในเมื่อเขาเลือกที่จะเชื่อเจ้าสำนักหลีซี งั้นก็ต้องเชื่อให้ถึงที่สุด ดังนั้นเขาถึงได้พูดด้วยคุณธรรมอันเข้มงวดสักหน่อย เต็มไปด้วยพลังสักหน่อย
ไม่อย่างนั้น จะเพียงพอให้เทพเงินแปดทิศและอริยบุคคลแห่งจักรวาลรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่นได้ยังไง? กระทั่งยอมรั้งอยู่ต่อ
แน่นอน ที่จริงลู่ฝานเองก็อยากหยามหยันเทพเงินแปดทิศและอริยบุคคลแห่งจักรวาลสักหน่อยจริง ๆ
ในฐานะสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าในยุคนี้ พวกเขาถึงกับสู้ไม่ได้ก็วิ่งหนี เรื่องนี้จะให้พูดยังไงดี
ลู่ฝานอยู่ข้างกายพวกเขามองไม่เห็นท่าทางของผู้แข็งแกร่ง และสง่าราศีของผู้แข็งแกร่งแม้แต่น้อยจริง ๆ
หรือว่าจริง ๆ แล้ว เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ต่อกรกับผู้ฝึกชั่วร้ายในปีนั้น ที่จริงตายหมดแล้ว? จึงเหลือเพียงสามคนไร้ประโยชน์นี้ที่ยืนอยู่ในสนามรบ
หากเป็นอย่างนั้น ใต้หล้าถูกผู้ฝึกชั่วร้ายหยอกเล่น ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
“เหอเหอ นายคงอยากทำให้ฉันขำจนตายจริง ๆ!”
เฟิงเทียนได้ยินวิธีพูดของลู่ฝาน หัวเราะจนตัวโก่ง แทบละมือจากโลกมนุษย์แล้ว
ขณะนั้นเอง ใต้เท้าของเขา มีก้อนเนื้อขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมา
ไม่ผิด นั่นก็คือก้อนเนื้อ
แสงสว่างเกลี้ยงเกลา ดวงตาเดี่ยวสีดำคล้ำปลดปล่อยลำแสงแข็งแกร่ง
“แก่นแท้สัตว์อสูรอากาศธาตุ! ”
เจ้าสำนักหลีซีรีบขยับขึ้นมาข้างหน้า มองก้อนเนื้อพลางพูดแผ่วเบา
เขาอยู่ในหอฝึกสัตว์มาหลายปี สัตว์อสูรในใต้หล้าเขาไม่กล้าพูดว่าพบเห็นทั้งหมด อย่างน้อยก็เคยเห็นมากว่าเก้าส่วน แต่แก่นแท้สัตว์อสูรอากาศธาตุที่เห็นวันนี้ นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอ
หรืออาจพูดว่า แก่นแท้สัตว์อสูรอากาศธาตุที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ เขาเพิ่งเคยเห็น
พูดอย่างง่าย ๆ สัตว์อสูรอากาศธาตุส่วนใหญ่ก็ธรรมดาทั่วไปมีเล็กมีใหญ่เหมือนหมาแมว แก่นแท้ก็คือลักษณะคล้ายหัวเห็ดชนิดหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า
ปู่เชี่ยไรเรียกหลานตัวเองว่านาย นิยายย้อนยุคมึงแปลซะ ทันสมัยเลย ไอ้เวร...
ช่องทางซื้ออ่านก็ไม่มี...
2276จบค้างเลยมาต่อเร็วๆนะ...
รออ่าน2277...
เสียดายมาก อ่านมาถึงหน้า 2276 มา2รอบแล้ว กำลังสนุกเลย ช่วยแปลตาอให้หน่อยนะครับ...
ถ้าไม่แปลต่อเรื่องต่อไปก็คงเหมือนเรื่องนี้หรือเปล่าครับไม่จบสักเรื่อง...
เปลี่ยนชื่อเว็บไซต์อีกครั้งเป็นครั้งที่3นับแต่ได้เข้ามาอ่าน สัญญานของการไปต่อ...
พยายามชำระเงินจากทั่ให้บนprofile จำนวน$4.99 แต่ไม่สำเร็จ ทดลองจ่ายเงินซื้อสินค้าออนไลน์ก็ผ่าน ซึ่งแสดงว่าcardไม่มีปัญหา บอกได้ไหมว่ามีปัญหาที่ไหน หรือว่ายังไม่ได้แปลเพิ่ม จึงยังไม่ต้องจ่าย มีข้อสงสัยมากมาย ชี้แจงสักหน่อยได้ไหม...
รอจนหมดหวัง...
อ่านถึง2276ครบ2รอบแล้วครับ ไม่แปลต่อแล้วเหรอ...