เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 2051

สรุปบท บทที่ 2051 ห้ามฆ่าเธอ(3): เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า

สรุปตอน บทที่ 2051 ห้ามฆ่าเธอ(3) – จากเรื่อง เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดย โอหยางวิ่น

ตอน บทที่ 2051 ห้ามฆ่าเธอ(3) ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดยนักเขียน โอหยางวิ่น เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้พลังสีทองจะมีสภาวะพลังฤทธิ์เดชอำนาจรุ่งโรจน์ของฟ้าดิน  แต่ก็มิอาจต้านทานหนึ่งการโจมตีจากการร่วมมือของยอดฝีมือจำนวนมากเช่นนี้ได้เช่นกัน

สิ่งเดียวที่“หลิงเหยา”สามารถทำได้  ก็คือเค้นพลังบนร่างทั้งหมดออกมาอยู่นอกร่างกายแล้ว  อาศัยทัศนคติอันเพ้อเจ้อเช่นนี้  ลองดูว่าจะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ภายใต้การโจมตีอันรุนแรงหนักหน่วงเช่นนี้ได้หรือไม่

แต่ครู่เดียวต่อมา  พลัน“หลิงเหยา”พบว่าเบื้องหน้าตนเพิ่มเงาร่างขึ้นมาสายหนึ่งกะทันหัน

มือถือกระบี่หนัก  เสื้อผ้าอาภรณ์กำลังพลิ้วไสวปลิวสะบัดอยู่ไปมา

ผ้าคลุมห่อหุ้มร่างกายของเธอเอาไว้แล้ว  กระบี่ที่เหมือนเช่นเดียวกับประตูบานหนึ่งนั้น  ต้านทานเอาไว้อยู่เบื้องหน้าเธอแล้ว

พลังโจมตีกระหน่ำลงมา  “หลิงเหยา”เพียงแค่รู้สึกว่ากระดูกตลอดทั้งทั่วร่างกายของตนล้วนกำลังส่งเสียงคร่ำครวญออกมาเบาๆ  แต่กลับไม่ได้เจ็บปวดมากมายเหลือทนขนาดนั้นเช่นกัน

บนพื้นดินพินาศย่อยยับทลายลง  บริเวณพื้นที่มิติกำลังแตกสลายพังทลาย

สรรพสิ่งในสายตาล้วนกำลังพังทลายพินาศสลายหมดสิ้น!

ข้างหูสูญเสียเสียงของทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว  ในเวลานี้ห้วงคำนึงก็ยังคล้ายดั่งล้วนเปลี่ยนแปลงเป็นสีขาวโพลนเวิ้งว้างว่างเปล่า

พลังน่าสะพรึงกลัวนี้ระเบิดต่อเนื่องเป็นเวลานานร่วมสิบลมหายใจเข้าออกเต็มๆ

รอจวบจนทุกอย่างหวนกลับคืนสู่ความเงียบสงบ  ต้นไม้บริเวณโดยรอบก็ราพณาสูรหายไปจนหมดสิ้นมองไม่เห็นแล้ว

ต้นไม้เขียวชอุ่มและใบไม้แดงอันใด  ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสูญสลายเป็นความว่างเปล่า

มีเพียงหลุมขนาดใหญ่มหึมาบนพื้นดินเท่านั้นที่อธิบายทุกอย่าง

นี่คือผลลัพธ์สืบเนื่องมาจากยอดฝีมือทั้งหมดต่างล้วนรวมพลังกัน  วันใดวิทยายุทธบรรลุถึงระดับหนึ่งแน่นอนแล้ว  ก็จะไม่เกิดสถานการณ์พลังเล็ดลอดออกไปแต่อย่างใดอีก  พลังความแข็งแกร่งแท้จริงสามารถรวมศูนย์ระเบิดตูมสังหารได้อย่างแม่นยำ!

พูดว่าทุบตีเธอเพียงคนเดียว  ก็จะไม่ทำร้ายถูกดอกไม้ต้นไม้ใบหญ้าใดๆ ในบริเวณโดยรอบแม้แต่ใบเดียว

หากไม่บรรลุถึงระดับนี้ก็ถือว่าการฝึกวิทยายุทธทั้งหมดล้มเหลวแล้ว

ทว่ายามนี้พลังที่เล็ดลอดออกไป  ก็ยังคงช่างดุร้ายรุนแรงหนักหน่วงมากถึงเพียงนี้  ได้แต่แสดงให้เห็นพลังที่เพิ่งจะระเบิดออกสังหารตูมในชั่วพริบตาเมื่อครู่นั้น  สามารถใช้การแผดเผาภูเขาบรรพตทลายลงเผาผลาญทะเลสายธารแห้งเหือด  และสังหารทำลายล้างเมืองพินาศดับสูญสลายสิ้นมาอธิบาย

รอจวบจนทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบสงบแล้ว  ทัศนียภาพที่สายตามองเห็น  กลับทำให้ทั้งหมดต่างล้วนคาดคิดไม่ถึง

“หลิงเหยา”หาได้ถูกสังหารไปโดยตรงแต่อย่างไร  ตามที่เทพเงินแปดทิศและอริยบุคคลแห่งจักรวาลคาดการณ์ไม่

ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  เนื่องเพราะในช่วงเวลาสุดท้ายมีคนผู้หนึ่งมายืนขวางตรงหน้าเธอไว้แล้ว

ลู่ฝานนั่นเอง!

ลู่ฝานกำลังหายใจเหนื่อยหอบจนตัวโยน  ตลอดทั่วทั้งร่างกายกำลังหลั่งโลหิตสดๆ

เสื้อผ้าอาภรณ์ฉีกขาดย่อยยับจนรุ่งริ่ง  มีเพียงผ้าคลุมหยุนหลานที่อยู่ข้างหลังเท่านั้นที่ดูดีอยู่บ้างเล็กน้อย  แต่ก็ปรากฏลายเส้นละเอียดขึ้นอย่างถี่ยิบแล้วเช่นกัน

พิจารณามองดูอย่างละเอียดก็จะสามารถพบว่า  ความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรอยแตกร้าวทั้งสิ้น

ในช่วงเวลาสุดท้ายคับขันที่สุดนั้น  ลู่ฝานได้ใช้กระบี่หนักไร้คมและร่างกายที่เป็นเลือดเนื้อของตนต้านทานเอาไว้เบื้องหน้าร่าง“หลิงเหยา”แล้ว  เขาได้ช่วยหลิงเหยาต้านทานรับเอาพลังเอาไว้อย่างน้อยเจ็ดส่วนขึ้นไป

พลังที่เหลือสามส่วนก็ถูกผ้าคลุมหยุนหลานต้านทานเอาไว้แล้วไม่น้อยเช่นกัน

กระบี่หนักของลู่ฝานปักอยู่บนพื้น  ตลอดทั่วทั้งร่างกายไม่มีส่วนใดที่ยังสมบูรณ์ดีอยู่สักแห่ง

เขาแหงนหน้าขึ้นมองไปทางเทพเงินแปดทิศและอริยบุคคลแห่งจักรวาล  พูดจาสะดุดทีละคำขึ้นว่า  “พวกท่านห้ามฆ่าเธอ!”

เทพเงินแปดทิศแค่นเสียงเย็นชาคำหนึ่งว่า  “ลู่ฝาน  หรือว่านายยังต้องการที่จะปกป้องเทวทูตแห่งเทพผู้หนึ่ง?  นายน่าจะทราบว่าพฤติการณ์เช่นนี้  ไม่แตกต่างอะไรกับกลายเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายแล้วนั่นเอง!”

อริยบุคคลแห่งจักรวาลผู้เงียบขรึมมิค่อยพูดจาตลอดมาก็เอ่ยปากแล้วเช่นกัน  “ลู่ฝาน  หากนายยังขัดขวางอยู่ในที่นี้อีก  พวกเราจะสังหารนายไปด้วยพร้อมกันแล้ว  ตอนนี้หลีกออกไปยังสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้!”

ลู่ฝานค่อยๆ เงยหน้าขึ้นทีละน้อย  กลืนน้ำโลหิตลงไปคำหนึ่ง  แล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า  “เธอเป็นคนของฉัน  ฉันไม่หลีก!”

สายตาของเทพเงินแปดทิศและอริยบุคคลแห่งจักรวาลเย็นเยียบลงแล้วทันใด

ในดวงตาของทั้งสองเปล่งประกายจิตสังหารขึ้น

พวกเขาต้องการสังหารลู่ฝานมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว  ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นโอกาสที่สุดแสนประเสริฐเลยทีเดียว!

“ทำอะไร?  พวกคุณคิดจะทำอะไร?  อริยบุคคลแข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าผู้สง่างาม  พวกท่านกำลังจะปั้นน้ำเป็นตัวใส่ร้ายป้ายสีใครบางคนอย่างรวบรัดง่ายดายเช่นนี้  แล้วก็สังหารคนหรือ?”

ศิษย์พี่หานเฟิงกระโดดออกมาแล้วโดยตรง  มาอยู่ถึงข้างกายลู่ฝานแล้ว  ชี้นิ้วใส่เทพเงินแปดทิศและอริยบุคคลแห่งจักรวาลแล้วก็พูดจาตำหนิต่อว่าเสียงดังลั่นขึ้น

เขาไม่สนใจว่ามีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผลอันใด  เขาก็ดูออกเช่นกันแล้วว่า“หลิงเหยา”มีความผิดปกติอยู่บ้าง  แต่เขาไม่สามารถนิ่งดูดายปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับลู่ฝาน

แทบจะไม่ต้องดูด้วยซ้ำ  ผู้ที่สามารถกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น  นั่นก็คือเจ้าสำนักหลีซี

ในที่สุดเขาก็รุดมาแล้ว  ถึงแม้จะเชื่องช้าอยู่บ้างเล็กน้อย  แต่ก็ประเสริฐอยู่ที่ปรากฏตัวได้ทันเวลาอย่างยิ่ง

เจ้าสำนักหลีซีถูกหลีเหรินหลงผลักเบาๆ มาอยู่เบื้องหน้าฝูงชนแล้ว

สีหน้าเจ้าสำนักหลีซีโกรธเคืองอยู่บ้าง  เขาชี้นิ้วใส่เทพเงินแปดทิศพูดว่า  “ถ้านายไม่พูดเหตุผลละก็  เช่นนั้นนายก็ลงมือเถอะ  จะได้ทำให้ผู้คนทั่วใต้หล้าเห็นว่า  สามอริยบุคคลที่เรียกขานกันนั้น  ไร้สัจจะวาจาขาดคุณธรรมและตอบแทนพระคุณด้วยความแค้นอย่างใด  นายยังจะสามารถสังหารคนในที่นี้ให้หมดสิ้นไปเช่นนั้นหรือ?  หากว่าฉันเข้าข้างทางลู่ฝานด้านนั้น  นายก็จะต้องสังหารฉันด้วยหรือไม่?”

ฝ่ามือของเทพเงินแปดทิศลดลงอย่างอับจนปัญญาแล้ว  ต่อให้เขาโง่เขลามากแค่ไหน  ก็ไม่สามารถลงมือต่อเจ้าสำนักหลีซีเช่นกัน  และเวลานี้เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่งว่า  เจ้าสำนักหลีซีกำลังปกป้องลู่ฝานอย่างไร้เงื่อนไขนั่นเอง

เจ้าสำนักหลีซีส่งสัญญาณสายตาต่อลู่ฝานอย่างรีบเร่ง  บอกให้ลู่ฝานนำ“หลิงเหยา”จากไปโดยด่วน

ลู่ฝานเข้าใจการแสดงออกของเจ้าสำนักหลีซีแล้ว  เขากัดฟันกรอดหันร่างกลับมา

“หลิงเหยา  พวกเราไปกันเถอะ!”

มือของลู่ฝานเพิ่งวางลงบนแขนของหลิงเหยา

ทันใดนั้นกระบี่เล่มหนึ่งก็แทงทะลุหัวใจของลู่ฝาน

“หลิงเหยา”มองดูลู่ฝานด้วยสีหน้าเฉยชา  ประกายภายในดวงตาวุ่นวายสับสนอยู่บ้าง

ลู่ฝานจ้องมองดูกระบี่บนทรวงอก  เขากลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

“เธอ......”

ฟุ่บ!

กระบี่อ่อนถูกถอนออก  ลู่ฝานหงายหน้าล้มตัวลงไปทางด้านหลัง

หลิงเหยาคว้าหมับหยิบเอาผ้าคลุมหยุนหลานของลู่ฝานไปแล้ว  เงาร่างพร้อมแสงสีทองนั้นหายลับไปจนไร้ร่องรอย

ศิษย์พี่ใหญ่ที่ตั้งสติได้รวดเร็วที่สุดก็ได้แต่กระหน่ำออกไปหนึ่งหมัดเช่นกัน  แต่กลับหาได้ชกถูกสิ่งใดๆ ไม่

ลู่ฝานล้มลงบนพื้นเสียงดังโครมคราหนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า