เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 2203

สรุปบท บทที่ 2203 ทลายค่ายกล(2): เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า

อ่านสรุป บทที่ 2203 ทลายค่ายกล(2) จาก เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดย โอหยางวิ่น

บทที่ บทที่ 2203 ทลายค่ายกล(2) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย โอหยางวิ่น อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

โดยไม่รู้ตัว ลู่ฝานก็เดินทางมาถึงครึ่งเขาแล้ว

เขาได้ผ่านค่ายกลนับไม่ถ้วนโดยทำลายพังพินาศย่อยยับไปอย่างง่ายดาย

ฝ่าวงล้อมที่แข็งแกร่งและขึ้นไปยังบนเขาแบบนี้ ลูกหลานของสายเลือดเสินหวงจำนวนไม่น้อยที่มองอยู่นั้นถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

ครานี้นั้นสังเกตโดยตรงมากกว่าการเด็ดหมู่ดาวในแม่น้ำดาราของลู่ฝาน

เพราะค่ายกลเหล่านี้ของเขาหวงเซียว ลูกหลานเกือบทั้งหมดของสายเลือดเสินหวงล้วนรู้และเข้าใจกล

ถึงแม้กับคนที่ไม่ใช่คนของเขาหั่วเซียว แต่อย่างน้อยก็ยังเคยไปเหยียบที่เขาหั่วเซียวมาก่อน

ต่างจากตำหนักหยุนหยาบนเขาหลางเซียว เพราะคนที่สามารถเข้าฝึกฝนภายในตำหนักหยุนหยานั้นมีมากเกินไป

ทั้งที่จริง ๆ มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้น อาจจะเป็นผู้อาวุโสของสายเลือดเสินหวง หรือไม่ก็เป็นลูกหลานที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาหลางเซียว

แต่เขาหั่วเซียวนี้ จำนวนสาวกของสายเลือดเสินหวงที่เคยไปนั้น สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่านับไม่ถ้วนเหมือนขนวัวเท่านั้น

มีหลายคนที่หลงทางและสูญเสียความแข็งแกร่งภายใต้ค่ายกลเขาหั่วเซียว

และมีบางทีที่อาจถูกค่ายกลเล่นงานจนหัวหมุนและได้รับบาดเจ็บในที่สุด

แม้แต่ลูกหลานที่ฝึกฝนอยู่บนเขาหั่วเซียวตลอดทั้งปี เวลาเดินขึ้นเขาเองก็ต้องระมัดระวัง เดินตามเส้นทางที่วางแผนไว้ มิเช่นนั้นหากมีปัญหาเพียงเล็กน้อยก็อาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้

ยิ่งขึ้นสูงเท่าไหร่ อันตรายก็ยิ่งมากขึ้น ใครจะเป็นเช่นลู่ฝานได้ เพียงมองก็ยังไม่มอง ทำทีราวกับเขาหั่วเซียวไม่มีอะไรเลย ถึงเดินรุดหน้าไปทั้งอย่างนั้น

ในสายตาของทุกคน มีคนเพียงสองประเภทเท่านั้นที่สามารถทําได้อย่างลู่ฝาน

ประเภทแรกคือคนที่ไม่เข้าใจค่ายกลแม้แต่น้อย แต่มีพลังมาก และไม่ถูกกลหลงเยินยอความแข็งแกร่งในจิตใจ มุทะลุและพุ่งจะทลายจนแตกหัก

แต่การทําเช่นนี้ ไม่ง่ายเหมือนแบบที่ลู่ฝานทำอย่างแน่นอน อย่างน้อยสุดวุ่นวายกันไปหมด และหินภูเขาจะแตก ค่ายกลพังทลายลง

ส่วนคนประเภทที่สองคือผู้ที่เชี่ยวชาญค่ายกลที่ไม่สามารถอธิบายได้ พวกเขาสามารถทลายปราการตั้งรับด้วยวิธีใดก็ได้ที่ต้องการ และยังสามารถออกจากค่ายกลด้วยทุกวิถีทางอย่างที่พวกเขาต้องการ ความเข้าใจในค่ายกลเช่นนั้น ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุด

ไม่ว่าจะก้าวผ่านไปที่ใด ค่ายกลนั้นจะถูกรวบรวมไว้ หรือค่ายกลนั้นยังคงสภาพสมบูรณ์และยังคงอยู่ตรงนั้น

ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว ใบไม้ไม่ร่วงหล่น ก้อนหินไม่แตกทลาย ทุกอย่างคืบคลานไปข้างหน้าราวกับเครื่องเล่น

สถานการณ์ปัจจุบันของลู่ฝานนั้น ดูเหมือนเป็นประเภทที่สอง

เวลานั้น จำนวนลูกหลานของสายเลือดเสินหวงที่ไม่เข้าใจไม่รู้เท่าไร ในตอนนี้ต่างก็ถือว่าลู่ฝานเป็นผู้แข็งแกร่งที่หายากในรอบร้อยปี

เขาอายุเพียงไม่เท่าไหร่ คาดไม่ถึงว่าความเข้าใจของลู่ฝานจะมาถึงขั้นนี้แล้ว

นี่ไม่ใช่การฝึกฝน ไม่มีโอสถให้กิน ไม่มีแรงจะเอื้อนเอ่ย เป็นเพียงการสะสมความรู้และประสบการณ์วิธีการเผชิญหน้ากับค่ายกลเท่านั้น

อายุยี่สิบกว่า ๆ แต่เก่งกาจราวเหล่าปีศาจที่ได้เห็นค่ายกลมานับไม่ถ้วนในโลก

นี่เขาเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า ?

มีอะไรอีกไหมที่เขาทำไม่ได้ ?

ลูกหลานของสายเลือดเสินหวงเองก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรได้อีก

โดยเฉพาะคนเหล่านี้ที่ออกมาจากเขาหั่วเซียว พวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่มีความสนใจในค่ายกลและกระตือรือร้น เมื่อเห็นพฤติกรรมของลู่ฝานในเวลานี้ สายตาก็ลุกเป็นไฟ อีกนิดก็คงแทบจะกราบไหว้ลู่ฝานแล้ว

สามารถจินตนาการได้ว่า หลังจากลู่ฝานผ่านด่านนี้ไปได้ กี่คนกันที่จะแห่แหนไปคารวะลู่ฝาน

วิถีแห่งค่ายกล สิ่งที่เป็นใจความสำคัญมากที่สุดคือมีอาจารย์ชื่อดังมาชี้แนะ ในขณะนี้พวกเขาทั้งหมดเชื่อว่าการฝึกฝนของลู่ฝานในด้านค่ายกลจะแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสสี่อย่างแน่นอน

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่พวกเขาที่คิดแบบนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสสี่เองก็ยังอึ้ง

อ้าปากค้าง รูม่านตารวมไปถึงรูจมูกต่างพากันขยาย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่ฝานก็หยุดก้าวเดินของเขา หากสามารถทำให้เจดีย์เสวียนเก้ามังกรอุทานได้มากเพียงนี้ คงเพียงบ่งบอกว่าจากนี้ไป ค่ายกลเหล่านี้คงจะทำลายได้ไม่ง่ายนัก

เมื่อเห็นลู่ฝานหยุด สีหน้าของผู้อาวุโสสี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดเขาก็หยุดแล้ว ถ้าหากทางนี้ยังทลายลงเรื่อยๆและไม่มีทีท่าจะหยุด เกรงว่าจะหาศักดิ์ศรีของเขาหั่วเซียวไม่พบแล้ว

เขาจะยอมเสียหน้าได้หรือ!

เห็นฉากนี้ เหรินเฟยเยี่ยนก็ยิ้มและเอ่ยว่า “เหมือนว่าศิษย์พี่ลู่ฝานจะสังเกตเห็นค่ายกลที่ผิดปกติที่นี่ด้วย มาดูกันว่าเขาจะทำลายค่ายกลนี้ได้อย่างไร! ฉันคิดว่ามันคงจะทำให้พวกเราประหลาดใจอย่างแน่นอน”

ผู้อาวุโสสี่เอ่ยช้าๆ “เธอคิดว่าเขาเป็นเทพจริงหรือ? ฉันคิดว่าเขาคงจะปวดหัวไปสักพัก!”

ลู่ฝานกุมกระบี่หนักไร้คมแล้วหยิบมันออกมา มองเจดีย์เสวียนเก้ามังกรทางซ้ายมือแล้วเปล่งเสียงถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรตอบผ่านกายของลู่ฝานว่า “ไม่ง่ายเลยที่รับมือ ทลายมันได้ แต่หากมุ่งทลายทีละส่วนก็จะใช้เวลานานเกินไป หนึ่งชั่วโมงคงไม่พอ ก้าวต่อไปค่ายกลคงจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นแน่”

ลู่ฝานขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดในใจว่า “ถ้าอย่างนั้นจงบอกจุดอ่อนของค่ายกลเหล่านี้มา จากนี้ฉันจะได้ใช้กำลังทะลวงเข้าไปเพื่อทลายมัน นี่น่าจะทำให้จัดการได้เร็วขึ้น”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรยิ้มตอบ “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ท่านช่างฉลาดหลักแหลมนัก ในกรณีนี้ ฉันสามารถช่วยท่านได้ เสี่ยวหง ออกมาได้แล้ว!”

สิ้นเสียง ทันใดนั้นร่างที่สูงตระหง่านของมังกรเพลิงก็ปรากฏขึ้นบนร่างของเจดีย์เสวียนเก้ามังกร

แม้ว่าจะไม่มีร่าง แต่ก็ยังดูจะยังไม่มีใครเอาชนะและครอบงำมังกรเพลิงได้

“สามก้าวแรก ปีนขึ้นไปสิบเซนติเมตรเหนือสี่แยกแห่งการบรรจบกันของพลังแห่งเต๋า แล้วทำลายมัน !”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรตะโกนเสียงดังภายในร่างของลู่ฝาน

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลู่ฝานก็พุ่งกระบี่หนักไร้คมออกมาพร้อมกัน

เงาของมังกรเพลิงก็ส่งเสียงคำรามใหญ่พร้อมเดินหน้าสังหาร!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า