เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 2202

สรุปบท บทที่ 2202 ทลายค่ายกล(1): เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า

สรุปตอน บทที่ 2202 ทลายค่ายกล(1) – จากเรื่อง เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดย โอหยางวิ่น

ตอน บทที่ 2202 ทลายค่ายกล(1) ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า โดยนักเขียน โอหยางวิ่น เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เขาหั่วเซียว เขาทรงพลิกคว่ำเหมือนดวงจันทร์ที่สว่างไสว และค่ายกลเหมือนกับมังกรที่ไม่มีที่สิ้นสุด

เริ่มต้นจากตีนเขา ก็เป็นค่ายกลที่มองแล้วไม่สามารถละสายตาได้

ภูเขา หิน และต้นไม้ล้วนเป็นค่ายกลหมด หมอกแผ่ปกคลุมอย่างหนาทึบ และมีแสงจาง ๆ ซ่อนอยู่ภายใน อากาศช่างสวยงามจริงๆ

เขาหั่วเซียวเป็นเขาค่ายกลที่มีชื่อเสียงในสายเลือดเสินหวง

ค่ายกลที่ปกคลุมอยู่ในเขาหั่วเซียวเหล่านี้ ล้วนเป็นค่ายกลการป้องกันของสำนักจิ่วเซียวในยุครุ่งเรือง

เพียงเพราะว่าสำนักจิ่วเซียวถล่มลงในภายหลัง

โครงสร้างอันวิจิตรงดงามเหล่านี้จึงแตกหักและพังทลาย ที่สำคัญกว่านั้นคือสูญเสียการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ จึงไม่มีใครรู้วิธีใช้งานอีกต่อไป

ฉะนั้นทุกสิ่งที่มีทั้งหมดจึงถูกทิ้งไว้บนภูเขาโดยผู้อาวุโสของเขาหั่วเซียว

หนึ่งคือเพื่อให้ลูกหลานที่อยากศึกษา ลูกหลานหลายคนของสายเลือดเสินหวงที่ต้องการเข้ามาที่เขาหั่วเซียวล้วนพุ่งเป้าไปที่ค่ายกลโบราณและทรงพลังของค่ายกลเหล่านี้

ค่ายกลนี้มันแตกต่างจากการฟื้นฟู

มันเป็นของพลังภายนอก ตราบใดที่ทำความเข้าใจได้ ก็สามารถใช้มันได้

นอกจากนี้ กฎของเขาหั่วเซียวก็คือ ตราบใดที่สามารถซ่อมแซมโครงสร้างที่ผุพังและนำติดตัวไปด้วย ก็สามารถใช้มันได้

ฉะนั้น ลูกหลานที่ออกมาจากเขาหัวเซีนว อาจไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนที่แข็งแกร่ง แต่จะได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลอย่างแน่นอน

ลู่ฝานยืนอยู่ที่ด้านล่างของเขาหั่วเซียว เฝ้าดูกลสลับซับซ้อนของค่ายกลจำนวนนับไม่ถ้วนที่ก่อตัววนปกคลุมเขาหัวเซีนวอย่างแน่นหนา

เวลานี้ ศิษย์สาวของเขาหั่วเซียว ยืนอยู่ที่เชิงเขาด้วยท่าทางแสดงความเคารพ

ชุดสีแดง กระโปรงยาวตกถึงพื้น คิ้วไหมหมอบ นัยตาหงส์ยาวเรียวรี มือแดงอ่อนปวกเปียก นิ้วที่เพรียวบางขาวผ่อง

เมื่อเห็นลู่ฝานมาถึง หญิงสาวก็ยิ้มและเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ลู่ฝาน เหรินเฟยเยี่ยนขอคารวะ ฉันมาคอยคุณตามรับสั่งของผู้อาวุโส”

ลู่ฝานหันไปมองข้างหลัง ผู้อาวุโสสี่ที่เข้ามาเกือบสายพอดี

เมื่อเห็นเหรินเฟยเยี่ยน ผู้อาวุโสสี่ก็พยักหน้า

เหรินเฟยเยี่ยนยิ้มและเอ่ย “ศิษย์พี่ลู่ฝาน อยากให้ฉันได้อธิบายว่าด่านนี้ควรทําอย่างไรดีหรือไม่”

ลู่ฝานไพล่มือขวากล่าวว่า “ศิษย์น้องเหริน โปรดอธิบายด้วย”

เหรินเฟยเยี่ยนชี้ไปที่ค่ายกลขนาดใหญ่เหล่านี้และกล่าวว่า “ฉันเชื่อว่าศิษย์พี่ลู่ฝานก็เห็นว่าเขาหั่วเซียวเต็มไปด้วยค่ายกลมากมาย ตั้งแต่จุดนี้ไปจนถึงยอดเขา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นค่ายกลขนาดใหญ่ที่บรรพบุรุษรุ่นก่อนทิ้งไว้ ในหมู่พวกเขา ค่ายกลที่ตีนเขานั้นอ่อนแอและไม่สมบูรณ์ที่สุด ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไรก็ยิ่งแข็งแกร่ง สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทรงพลังมากขึ้น โดยปกติ การบูรณะค่ายกลเหล่านี้จะถูกควบคุมโดยผู้อาวุโส แต่วันนี้ เพื่อที่จะกำหนดด่านสุกยากนี้ให้กับศิษย์พี่ลู่ฝาน ค่ายกลทั้งหมดได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว สิ่งง่าย ๆ ที่ต้องทำคือเริ่มจากที่นี่ ทีละขั้น ไปจนถึงบนยอดเขา โดยเวลาจำกัดที่จำกัดหนึ่งชั่วยาม”

ลู่ฝานพยักหน้ากล่าว “ฟังดูไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่นี่”

เหรินเฟยเยี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ลู่ฝาน อย่าชะล่าใจนักเลย อาจฟังดูไม่ซับซ้อน แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาหั่วเซียวได้ซ่อมแซมค่ายกลที่ทรงพลังมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายกลทลายพลังเทพหลายอันที่ผู้อาวุโสฟื้นฟูด้วยตนเองนั้นมีพลังในการยึดสวรรค์และโลก รวมทั้งโลกวิญญาณและเทพ เมื่อศิษย์พี่ลู่ฝานไปถึงครึ่งทางของภูเขา จะรู้ว่าแม้ว่าค่ายกลนี้ แม้เป็นกระจิดริด แต่ก็มีความกว้างใหญ่และลึกมากเช่นกัน ศิษย์พี่ลู่ฝานควรระวังว่าจะตกลงไปด้วย !”

พูดจบ เหรินเฟยเยี่ยนก็โบกมือ หมอกหนาของเขาหั่วเซียวทั้งหมดก็คลุ้งกระจายออกไป

ด้วยมือนี้เพียงมือเดียวก็เพียงพอที่จะเห็นว่าการฝึกฝนของเหรินเฟยเยี่ยนนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ

ผู้อาวุโสสี่ฟังคําพูดของเหรินเฟยเยี่ยน แต่ไม่ค่อยพอใจ ทั้งยังกล่าวว่า “เฟยเยี่ยน คําพูดของเธอมันมากเกินไปแล้ว”

เหรินเฟยเยี่ยนยิ้มไม่หยุด ทั้งยังส่งสายตาพริ้มพราวที่ขี้เล่นให้ลู่ฝาน

ฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของสาวกของสายเลือดเสินหวงทุกคนที่มาอยู่รอบๆ และสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป

ดูเหมือนว่าในสายเลือดเสินหวง ศิษย์พี่เฟยเยี่ยนที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ที่ถูกปลาบปลื้ม จะถูกใจลู่ฝานที่มาจากต่างถิ่นคนนี้แล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้ ความรู้สึกก็ผุดขึ้นในใจของทุกคน เมื่อพวกเขาเห็นกะหล่ำปลีของตัวเองถูกหมูต่างถิ่นเด็กไป(เทพธิดาถูกคู้ปรับในความรักแย่งชิงไป)

บางคนมองลู่ฝานด้วยความโกรธฉายชัดในดวงตา แต่คงเป็นเพียงความโกรธที่ไม่อาจพูดออกมาได้ ความแข็งแกร่งของลู่ฝานอยู่ที่นั่น หากเพียงเจ้าคนวัยเยาว์เหล่านี้ พวกเขาคงอาจไม่รวมกันเป็นศัตรูตัวฉกาจของลู่ฝานได้

“เชิญเถอะ ศิษย์พี่ลู่ฝาน !”

ทันทีทันใด เหรินฉวนเล่อเกือบจะเผลอหลุดยิ้มออกมาแล้ว แต่เมื่อเห็นผู้อาวุโสสี่ที่กำลังโมโหก็รีบหุบยิ้มแทบทันที

ในเวลานี้ ลู่ฝานที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นที่สนใจกําลังเดินไปยังยอดเขาหั่วเซียว

ทุกย่างก้าวของเขาเร็วมาก ทุกที่ที่เขาย่างผ่านเข้าไป ล้วนเต็มไปด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น

"ดูเอาเถอะ ความเร็วของลู่ฝานนั้นเร็วมาก โถสวรรค์ ไม่มีค่ายกลอันใดที่สามารถหยุดเขาได้แม้เพียงครึ่งก้าว!"

"หรือเขาเป็นปรมาจารย์ค่ายกลอะไรที่ทุกคนไม่รู้?"

“ยังมีอะไรที่เขาทำไม่ได้อีกไหม"

......

ทุกคนอุทานและวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง

ลู่ฝานย่างเท้าต่อไปอย่างมั่นคง แค่ฝ่ามือซ้ายเท่านั้น เงาลวงตาของเจดีย์เสวียนเก้ามังกรค่อย ๆ ปรากฏขึ้น

“ค่ายกลนี้ไม่เลว แต่ก็แตกร้าวไปบ้าง เหมือนจะยังฟื้นฟูได้ นี่ก็ไม่เลว โอ้ พลังแบบใดถึงจะทลายมันได้แบบนี้ อันนี้ฟื้นฟูไม่ได้แล้ว ฉันไม่เอาแล้ว”

พูดจาพร่ำเพรื่อไปพลาง เจดีย์เสวียนเก้ามังกรก็รีบช่วยลู่ฝานพังทลายค่ายกลเป็นหย่อมๆ

การวางค่ายกลที่เชิงเขาเหล่านี้ แม้แต่ลูกหลานของเขาหั่วเซียวก็ไม่อาจต้านทานได้ แล้วจะต้านทานลู่ฝานได้อย่างไร

แหงนมองขึ้นไปเบื้องหน้า ลู่ฝานมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า

ปล่อยให้เปลี่ยนแปลงทุกวิถีทางและรูปแบบค่ายกลนับไม่ถ้วน เขาก็ยังคงมีจิตใจกล้าหาญดังเดิม

ค่ายกลทั้งหลาย จะจัดการฉันได้อย่างไร!

ไหนขอดูว่าค่ายกลที่เรียกว่า ‘ฟ้าดินสั่นสะเทือนและแม้แต่ผีและเทพเจ้าก็ยังหลั่งน้ำตา’ นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า