นึกถึงตรงนี้ ฝีเท้าเขาก็เดินตามไปอย่างไม่รู้ตัว
เฟิ่งชิงเกอด้านหลังเห็นท่าทางเขา ก็ขมวดคิ้วน้อยๆ สายตามองไปยังรถม้าธรรมดาๆ คันนั้นแวบหนึ่ง แล้วเคลื่อนก้าวเดินหน้าตามไปด้วย
ด้านนั้น กวนสีหลิ่นมาถึงข้างรถม้า ยื่นชงโหยวปิ่งชิ้นหนึ่งให้เหลิ่งซวง “ข้าให้เจ้า มีซุปถั่วเขียวด้วย เจ้าไม่กินตอนยังร้อนๆ เสียก่อนเล่า แล้วพวกเราค่อยเดินทาง”
เหลิ่งซวงมองเขาแวบหนึ่ง ยื่นมือรับไว้ เอ่ยปากขอบคุณ
ขาข้างหนึ่งก้าวขึ้นรถม้า มือหนึ่งแหวกผ้าม่านออกจะเข้าไป พลางเอ่ยว่า “เสี่ยวจิ่ว ชงโหยวปิ่งยังอุ่นๆ ท่านลุงบอกว่าทานกับซุปถั่วเขียวจะรสชาติดีมาก ดังนั้นข้าเลยเอากลับมาให้พวกเจ้าคนละชุด”
เฟิ่งจิ่วด้านในรถม้ายื่นมือรับชงโหยวปิ่งกับซุปถั่วเขียวมา กล่าวทั้งอมยิ้มกริ่มว่า “ซุปถั่วเขียวนี่! ข้าไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว พอดีเลย ท่านพี่ ขอบคุณนะ”
“เหอะๆ ขอบคุณอะไรกัน เจ้าชอบก็ดีแล้ว ทีหลังพวกเราค่อยซื้อตัวสาวใช้กลับไปสักสองสามคน ให้พวกนางปรนนิบัติเจ้า คอยทำอาหารดีๆ ให้” อยู่ด้วยกันมานานเพียงนี้ จึงรู้ว่านางชอบอาหารอร่อยๆ เป็นที่สุด
“ได้สิ”
เธอยิ้มรับ เห็นเขากลับมานั่งในรถม้า ก็ถอดผ้าคลุมหน้าออก ขณะที่กำลังเตรียมจะกัดชงโหยวปิ่งสักคำ พลันได้ยินเสียงหนึ่งที่ไม่นับว่าไม่คุ้นหูดังมาจากด้านนอกรถม้า
“คุณหนูกวน ข้าน้อยมู่หรงอี้เซวียน”
คุณหนูกวน? เรียกใครน่ะ?
เฟิ่งจิ่วด้านในรถม้างุนงงเล็กน้อย หันมองไปทางพี่ชายคนข้างกายที่ตกตะลึงเช่นกัน ไต่ถามอย่างไร้เสียงว่า ‘เกิดอะไรขึ้น?’
กวนสีหลิ่นกัดชงโหยวปิ่งไปคำหนึ่ง บอกว่า “เจอกันตอนที่เพิ่งซื้อของน่ะ ชื่อมู่หรงอี้เซวียน บอกว่าครั้งก่อนเคยล่วงเกินเจ้าที่หมู่บ้านป่าหินอะไรนี่แหละ จึงอยากพูดขอโทษเจ้า”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็รำคาญนิดหน่อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าบอกเขาแล้วว่าไม่ต้อง เขายังตามมาอีก ไม่รู้จริงๆ ว่าคิดอะไรอยู่!”
“ข้าลองลงไปดูเสียหน่อยดีกว่า!” เขาวางชงโหยวปิ่งในมือลง ขณะที่กำลังเตรียมจะแหวกผ้าม่านเพื่อกระโดดลงรถ ก็หันกลับไปทันควัน บอกกับเฟิ่งจิ่วว่า “เสี่ยวจิ่ว เจ้าผูกผ้าคลุมหน้าไว้นะ”
แผลเป็นบนใบหน้าเสี่ยวจิ่วยังไม่หาย พอออกมาด้านนอก ก็มักจะผูกผ้าคลุมหน้าไว้เสมอ เขาไม่หวังให้คนอื่นมองนางด้วยสายตาที่มีอคติ หลังจากเห็นใบหน้าที่โดนกรีดรอยนั้น
“อืม” เฟิ่งจิ่วยิ้มพลางผูกผ้าคลุมหน้าขึ้น สงสัยนิดหน่อย ว่ามู่หรงอี้เซวียนผู้นี้คิดจะทำอะไร?
เวลานี้มู่หรงอี้เซวียนที่รออยู่นอกรถม้าใจร้อนรนอยู่เล็กน้อย ฝ่ามือล้วนมีเหงื่อผุดไหลออกมาบ้าง ก่อนจะมองไปที่รถม้าอย่างตั้งตารอคอย ‘นางจะเปิดม่านไหมนะ? นางจะจำการพบกันทั้งสองครั้งสองคราได้หรือไม่?’
เมื่อเหลิ่งซวงที่นั่งคุมรถม้าอยู่ด้านนอกเห็นท่าทางบนใบหน้าของมู่หรงอี้เซวียนมีความเฝ้ารอ ก็ยู่คิ้วเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ และมองเขาด้วยความสงสัยอยู่บ้าง
มู่หรงอี้เซวียนผู้นี้คิดจะทำอะไร? ตามที่นางรู้มา เขาหมายหมั้นกับคุณหนูเฟิ่งชิงเกอแห่งจวนตระกูลเฟิ่งแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมองรถม้าด้วยท่าทางร้อนรนและเฝ้ารออยู่อีกเล่า?
ม่านรถม้าถูกเลื่อนเปิดออก กวนสีหลิ่นเดินลงมา ปล่อยมือผ่อนผ้าม่านปิดลง แล้วมองมู่หรงอี้เซวียนที่ยืนอยู่หน้ารถม้า “ข้าบอกท่านว่าไม่ต้องขอโทษอะไรไม่ใช่หรือ? ทำไมยังตามข้ามาอีกเล่า?”
แต่มู่หรงอี้เซวียนตอนนี้กลับมองไปที่รถม้าอย่างลุ่มหลง นึกถึงที่เปิดม่านออกเมื่อครู่ ท่าทางของสาวน้อยบนรถม้าที่สะท้อนสู่สายตา ทำให้หัวใจเต้นตึกตักขึ้นมา
วันนี้นางไม่ได้สวมชุดสีแดง แต่สวมชุดกระโปรงสีขาว บนใบหน้าผูกผ้าคลุมสีเดียวกันไว้ และนั่งพิงอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งเงียบ ทั่วกายมีกลิ่นอายประณีตงดงาม ดูช่างเงียบสงบ สง่างาม
แต่นางที่สวมชุดสีแดง กลับแพรวพราวทรงเสน่ห์ราวแสงอาทิตย์ ขณะที่ยกมือยกเท้าเต็มไปด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อยมีเสน่ห์ เหมือนทุกครั้งที่พบเจอ ล้วนสร้างความตกตะลึงใจที่แตกต่างกัน และทุกๆ ครั้งก็ทำให้เขาหลงใหลนางโดยไม่รู้ตัว…
…………………………………………………….
ตอนที่ 108 ตบหน้ากลางถนน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
ไม่ลงต่อแล้วเหรอ🥲...
ยัยน้องของเรามีผู้มาตมหาอีกคนแล้ว ท่านยมมม ว่าที่ภรรยาจะมีคนแย่งละนะ สนุกมากกกกก ช่วยมาลงตอนต่อไปนะคะ รอคอยๆๆ 😍😍😍...
เอ็นดูท่านยม จะสมหวังไหมเนี่ย 5555...
ถ้าคนต้องการฆ่าแม่ทัพใหญ่คือไอ่ผู้ครองแคว้นนะ มันก็เนรคุณเกิ้นนน...
ท่นเจ่าตำกนักพนายามหายไปไหยน๊อออิ ยัยหนูมีเรื่องแล่วว ใดใดคือทุกคนรู้ชื่อน้องหมด ยกเว้นเจ้าตำหนักขี่งอน 5555...
หมายปแงนางถามท่านอสหรือยังจ๊ะ 😁...
อิ่งอี 55555...
เรื่องนี้สนุกมาก อยากให้อัพเดตตอนทุกวันเลยค่ะ...
เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ สนุก น่าติดตามมากเลยค่าาาา...