ตอนที่ 229 เมืองลิ่วเต้า!
“คุณหนูไม่เพียงน่ารัก ซ้ำยังจิตใจงดงามกว้างขวางไม่ถือสาหาความกับม้าข้าตัวนี้ ข้าน้อยขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้”
เธอยิ้มประสานมือคำนับ มองใบหน้าสาวน้อยสวยงามมากเสน่ห์ที่แดงก่ำดั่งผลผิง รอยยิ้มในดวงตายิ่งลึกขึ้น มือหนึ่งจูงเหล่าไป๋ เอ่ยว่า “เช่นนี้ ข้าน้อยต้องขอลาไปก่อน”
“โอ้ ได้ คุณชายเดินทางดีๆ นะเจ้าคะ” สาวน้อยถูกคำพูดไม่กี่ประโยคของเฟิ่งจิ่วและสายตาที่ราวกับมีกระแสไฟออดอ้อนเสียจนเคลิบเคลิ้มหลงใหล แทบจะตอบรับตามคำพูดเฟิ่งจิ่ว
เห็นเด็กหนุ่มชุดแดงทั้งขอโทษขอโพย ชายคนข้างๆ กันยากจะพูดอะไรอีก สุดท้าย น้องสาวเขาไม่ว่าอะไร เขาก็ไม่ต้องพูด หากยังหาเรื่องหนุ่มน้อยนั่น เท่ากับเขาจงใจหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด
จนกระทั่งเฟิ่งจิ่วพลิกตัวขึ้นม้า ขี่เหล่าไป๋ออกประตูหมู่บ้านไปอย่างเชื่องช้า สาวน้อยถึงจะได้สติกลับมา “อ๊ะ! ข้าลืมถามว่าคุณชายท่านนั้นชื่ออะไรเลย!”
เห็นนางมีสีหน้าเศร้าใจ ชายคนนั้นใบหน้าหม่นหมอง สะบัดแขนเสื้อพูดว่า “กลับไปเถอะ!”
สองวันต่อมา
เฟิ่งจิ่วจูงเหล่าไป๋เข้าประตูเมืองลิ่วเต้า เดินเข้าประตูมาก็เห็นภาพทิวทัศน์คึกคักด้านใน ถอนใจอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้ ‘สมกับเป็นแคว้นระดับหก โรงเรือนร้านค้าใดๆ ในเมืองนี้ล้วนไม่อาจเปรียบเทียบกับเมืองหลวงของแคว้นแสงสุริยันได้เลย’
“ได้ยินหรือไม่? ช่วงนี้ภูตหมอผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาเยือนเมืองลิ่วเต้าเรา ว่ากันว่าท่านเจ้าเมืองเป็นคนต้อนรับด้วยตัวเองเลยนะ”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง! ข้าได้ยินว่าวันนั้นที่งานประลองการยาเกิดอุบัติเหตุขึ้น ภูตหมอท่านนั้นก็ถูกคนของตำหนักยมราชลักพาตัวไป”
“ได้ยินว่าถูกปล่อยตัวออกมานานแล้ว ไม่เช่นนี้ช่วงนี้แต่ละถิ่นจะมียาพวกนั้นโผล่มาได้อย่างไร? ยาที่อยู่ในงานประมูลมีไม่มาก แต่ทุกขวดล้วนเป็นยาที่ล้ำค่าในหมู่ยา ว่ากันว่าเมืองหลวงอย่างเมืองลิ่วเต้าเราโชคดีได้รับยาของภูตหมอมาขวดหนึ่ง หลังดื่มยาไป โรคที่ท่านเจ้าเมืองไม่มีทางรักษามาตลอดในที่สุดก็หาย! เรื่องนี้แพร่หลายในหมู่วงศ์ตระกูลชนชั้นสูง ข้าได้ยินญาติผู้พี่ที่เป็นข้ารับใช้ในจวนท่านเจ้าเมืองพูดขึ้นมาถึงได้รู้”
“จริงหรือเท็จกัน? เก่งกาจเพียงนั้นเลย?”
“แน่นอนสิ ข้าจะบอกเจ้านะ ยาของภูตหมอว่ากันว่ายอดเยี่ยมกว่ายาอายุวัฒนะของนักเล่นแร่แปรธาตุ หนำซ้ำต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ สองวันนี้เมืองลิ่วเต้าเรามีคนต่างถิ่นมาเยือนกันไม่น้อยเลย เจ้าไม่เห็นรึ? คงปรี่มาหาภูตหมอหลังจากได้รับข่าว”
ได้ยินคำพูดพวกคนบนร้านน้ำชาด้านนั้น เฟิ่งจิ่วก็เลิกคิ้วเบาๆ แววตาสดใสฉายประกาย จูงเหล่าไป๋เดินไปด้านหน้า
หลังเดินมาหนึ่งช่วงถนน ก็หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าโรงเตี๊ยมที่ชื่อว่า เหนือเมฆ เสี่ยวเอ้อร์ด้านในรีบร้อนเข้ามารับหน้า
“มีแขกมา!”
เสี่ยวเอ้อร์ตะโกนไปด้านใน พลางรับเชือกจูงม้าที่เฟิ่งจิ่วยื่นให้ บอกว่า “บังเอิญจริงๆ ที่ท่านลูกค้ามา ชั้นสองของโรงเตี๊ยมเรายังมีอีกหนึ่งห้องว่าง แสงสว่างก็ดียิ่งนักขอรับ”
“อืม” เธอโยนทองก้อนชิ้นหนึ่งให้เสี่ยวเอ้อร์ สั่งการว่า “เตรียมปลาเล็กกับกุ้งตัวเล็กห้าจินให้ม้าข้าด้วย ที่เหลือตบรางวัลให้เจ้า”
เสี่ยวเอ้อร์หรี่ตายิ้มทันใด “ขอบคุณท่านลูกค้ามากขอรับ โปรดวางใจได้ ข้าน้อยจะดูแลม้าท่านเป็นอย่างดีแน่นอน”
เสี่ยวเอ้อร์ที่เข้ามารับหน้าด้านหลังนำเธอมายังโต๊ะหน้าร้าน หลังจ่ายเงิน ก็พาเธอขึ้นไปชั้นสอง
หลังสั่งเสี่ยวเอ้อร์ให้เตรียมน้ำร้อน และอาบน้ำแล้ว เธอก็เปลี่ยนชุดสีแดงมาสวมชุดคลุมขาว เส้นผมสีหมึกถูกเกล้าขึ้น เก็บไว้ซึ่งความเปิดเผยและร้ายกาจ กลายเป็นคุณชายผู้สง่างามสูงส่ง
เห็นท้องฟ้ายังเช้าอยู่ จึงนั่งขัดสมาธิปรับลมปราณฝึกฝนวิชาอยู่บนเตียง จนกระทั่งเวลาตอนเย็น เมื่อท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ถึงจะลุกขึ้นเดินออกจากโรงเตี๊ยม คิดจะเดินเล่นชมทิวทัศน์ค่ำคืนของเมืองลิ่วเต้านี้ และลองหาอะไรกิน
กลับไม่รู้ว่า เจ้าตำหนักยมราชเพราะได้ยินข่าว ตอนนี้จึงมาถึงในเมืองลิ่วเต้าแล้ว…
………………………………………………….
พอตกกลางคืน โรงเตี๊ยมร้านค้าโรงเหล้าสองข้างถนนใหญ่ต่างพากันจุดโคมสว่างขึ้น โคมไฟแต่ละโคมสว่างไสวไปทั่วค่ำคืนอันมืดมิด คล้ายดวงดาวระยิบระยับภายใต้ค่ำคืน แพรวพราวน่าหลงใหล
บนถนนใหญ่คนสัญจรไปมา เพื่อนสนิทมิตรสหายเดินมาพร้อมหน้า ชายหนุ่มหญิงสาวแต่ละคู่ รวมถึงเหล่าเด็กน้อยที่วิ่งเล่นกัน บนใบหน้าล้วนเอ่อล้นไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขใจ เสียงพ่อค้าเร่ตะโกนขายของ เสียงเสี่ยวเอ้อร์ร้านรวงคอยต้อนรับแขก ปะปนอยู่ท่ามกลางเสียงมากมาย กลายเป็นภาพที่คึกคักเฟื่องฟู
ทว่าในร้านค้าแผงลอยข้างถนนหนทางที่มีชีวิตชีวา เฟิ่งจิ่วสวมชุดคลุมสีขาวกำลังกินก๋วยเตี๋ยวผัดน้ำมันพริกแดง เผ็ดเสียจนหน้าผากมีเหงื่อไหลออกมาไม่น้อย ริมฝีปากแดงถูกลวกแดงฉานเพราะน้ำมันอันเผ็ดร้อน น่าเย้ายวนยิ่งนัก ทำให้ชายหลายคนข้างๆ ที่กำลังกินก๋วยเตี๋ยวผัดอยู่เหมือนกันและหญิงสองนางอีกโต๊ะหนึ่งอึ้งมองอย่างอดไม่ได้
“เถ้าแก่ เอามาอีกชาม!” เธอตะโกนเสียงดัง คีบเส้นกิน น้ำแกงเผ็ดที่เหลือดันไปไว้ข้างๆ แล้วรินน้ำดื่ม
เดิมทีแค่จะลองก๋วยเตี๋ยวผัดน้ำมันที่ว่ากันว่าเลื่องชื่อในท้องถิ่นนี้สักชาม ใครจะรู้หนึ่งชามผ่านไปก็ถูกน้ำมันพริกแดงกระตุ้นความตะกละ จึงสั่งมาอีกชาม
“มาแล้ว! บะหมี่ผัดน้ำมันร้อนๆ คุณชายระวังร้อนนะขอรับ” ชายวัยกลางคนตะโกนบอก ยกชามเข้ามาอีกครั้ง
เฟิ่งจิ่วขยับตะเกียบ กินขึ้นมาอีกครา คนข้างๆ นึกไม่ถึงว่าจะเห็นเขารับชามมากินต่ออย่างไม่กลัวเผ็ด ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำลายสอ ตะโกนตามว่า “เถ้าแก่ ข้าก็ขออีกชามนะ!”
“ข้าเอาอีกชามด้วย!”
เห็นท่าทาง เถ้าแก่ก็ยิ้มเสียจนมองไม่เห็นสองดวงตา รีบยกไปให้ทุกคน สุดท้าย ค่อยส่งเครื่องเคียงจานหนึ่งไปให้เฟิ่งจิ่ว “นี่เป็นเครื่องเคียงของร้านเราทำเอง ให้คุณชายลองชิมขอรับ”
“ดี ขอบใจมาก…”
เธอเงยหน้ายิ้มเอ่ยขอบคุณ แต่พูดยังไม่ทันจบ หางตาก็เหลือบเห็นเงาร่างอันคุ้นเคย เธอตกใจฟุบลงบนโต๊ะโดยเอาแขนบังไว้ทันที
………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
ไม่ลงต่อแล้วเหรอ🥲...
ยัยน้องของเรามีผู้มาตมหาอีกคนแล้ว ท่านยมมม ว่าที่ภรรยาจะมีคนแย่งละนะ สนุกมากกกกก ช่วยมาลงตอนต่อไปนะคะ รอคอยๆๆ 😍😍😍...
เอ็นดูท่านยม จะสมหวังไหมเนี่ย 5555...
ถ้าคนต้องการฆ่าแม่ทัพใหญ่คือไอ่ผู้ครองแคว้นนะ มันก็เนรคุณเกิ้นนน...
ท่นเจ่าตำกนักพนายามหายไปไหยน๊อออิ ยัยหนูมีเรื่องแล่วว ใดใดคือทุกคนรู้ชื่อน้องหมด ยกเว้นเจ้าตำหนักขี่งอน 5555...
หมายปแงนางถามท่านอสหรือยังจ๊ะ 😁...
อิ่งอี 55555...
เรื่องนี้สนุกมาก อยากให้อัพเดตตอนทุกวันเลยค่ะ...
เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ สนุก น่าติดตามมากเลยค่าาาา...