เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า นิยาย บท 27

ตอนที่ 27 ศีรษะเจ้ากระทบกระเทือนหรือ? + ตอนที่ 28 วิกฤตที่ซ่อนเร้น!
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 27 ศีรษะเจ้ากระทบกระเทือนหรือ?

แสงแดดยามเช้าตรู่ค่อยๆ สาดส่องลงบนผืนดิน ชายที่หมดสติมาทั้งคืน ในที่สุดก็ฟื้นคืนสติกลับมา

ทว่าขณะเขาลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นกลับเป็นฉากที่น่าประหลาดใจเป็นที่สุด

ขอทานน้อยในเสื้อผ้าซอมซ่อนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ บนร่างเปราะเลือดสีแดงเข้ม แต่ก็แห้งหมดแล้ว เขาเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้ไม่ชัดเจนนัก เพราะมีสิ่งสีเขียวขุ่นที่คล้ายยาบดพอกไว้บนใบหน้า

แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มถือกริช สายตาจ้องไปเบื้องหน้า เขาจึงมองตามสายตานั้นไป เห็นแวบเดียวดวงตาเขาก็หรี่ลงน้อยๆ

นอกจากศพหมาป่าสามตัวที่นอนแข็งทื่ออยู่ต่อหน้าขอทานน้อย ในที่ไกลออกไปเกือบหนึ่งจั้งก็มีหมาป่าสีเทาสิบกว่าตัวนั่งหมอบแยกเขี้ยวน้ำลายสอ กำลังจ้องพวกเขาอย่างดุร้ายเหมือนเสือ

เฟิ่งจิ่วหันหน้าไปมองเล็กน้อย สบเข้ากับสายตาตกตะลึงที่มีความมึนงงอยู่บ้างของชายหนุ่มเข้าพอดิบพอดี

“ระวัง!”

ชายหนุ่มพลันร้องอย่างตื่นตกใจ สายตามองหมาป่าสีเทาที่กระโจนใส่ขอทานน้อยด้วยความหวาดหวั่น เขาร้อนใจอยากจะลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ แต่พอขยับก็เจ็บตรงบาดแผลที่ท้อง ได้ยินเพียงเขาร้องครวญครางก่อนจะล้มลงไปอีกครั้ง บริเวณบาดแผลเองก็มีเลือดซึมออกมาจางๆ

ในตอนที่ชายหนุ่มส่งเสียงร้องตกใจ เฟิ่งจิ่วก็หันตัวกลับ ลุกพรวดขึ้นมาด้วยท่าทางคล่องแคล่ว สายตาคมกริบกวาดมองหมาป่าสีเทาตัวนั้น และเห็นมันกระโจนมาอย่างทันทีทันใด เธอจึงหมอบลงกลิ้งตัวไปใต้ร่างหมาป่า แล้วใช้กริชในมือวาดฟันขึ้นไป

“ฉัวะ!”

“กรร!”

กริชนั้นผ่าเปิดใต้ท้องหมาป่าจนเป็นแผลลึกด้วยแรงที่ไร้ปรานี หมาป่าสีเทาตัวนั้นแผดเสียงร้อง จากนั้นล้มลงตรงหน้าชายหนุ่มอย่างไม่อาจยั้งไว้ได้เพราะแรงที่พุ่งไปด้านหน้า ดวงตาถลึงมองด้วยความดุร้ายของหมาป่าจ้องไปที่เขาไม่วางตา ร่างมันชักกระตุกสักพัก ปากที่อ้ากว้างขยับเบาๆ สุดท้ายหมดลมหายใจไปทั้งแบบนั้น

“บรู้ว!”

หมาป่าสีเทาที่เหลือแหงนหน้าหอนเสียงยาวอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย กรงเล็บกำลังขุดดิน ปากก็ส่งเสียงหอนกันเบาๆ ดวงตาหมาป่าอันเหี้ยมโหดมองเฟิ่งจิ่วอย่างกระหายเลือดไม่ลดละ แต่กลับไม่กล้าผลีผลามเข้ามาอีก

หลังจากเฟิ่งจิ่วฆ่าหมาป่าสีเทาตัวนั้นก็ผลุงตัวขึ้นยืน พลางมองเหล่าหมาป่าสีเทาด้วยแววตาดุร้าย แล้วยกมุมปากขึ้นราวกับอสุรกายกระหายเลือด “ถ้ายังไม่ไปอีก ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทีละตัวซะเลย” สายตาเธอกวาดมอง ก่อนจะจับจ้องร่างหมาป่าเทาตัวหัวหน้าที่ยืนอยู่บนเนินเขาไม่ไกล

ดูเหมือนมันรู้สึกถึงการขู่เข็ญจากสายตาเธอ ดวงตาเหี้ยมเกรียมคู่นั้นจ้องมองเฟิ่งจิ่วอยู่สักพัก ก็เงยหน้าส่งเสียงเห่าหอน ไม่นานนัก หมาป่าสิบกว่าตัวที่หมอบเฝ้าอยู่ก็ลุกขึ้นวิ่งออกไป

ชายหนุ่มคนนั้นประคองร่างครึ่งหนึ่งขึ้นมามองอย่างตะลึงงัน ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าก็มีความเหลือเชื่อ

เฟิ่งจิ่วใช้ขนหมาป่าเช็ดเลือดบนกริชจนสะอาดแล้วเก็บกลับไป พอหันกลับมาเห็นท่าทางของชายหนุ่ม เธอยิ้มอย่างไม่สนใจใยดี “เจ้าตื่นก็ดี หากไม่ตื่นข้าก็จะไปแล้ว”

เธอเดินไปนั่งลงข้างๆ หยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมาดื่มน้ำอึกหนึ่ง จ้องตากับหมาป่าสิบกว่าตัวมาทั้งคืน จิตใจตึงเครียด แต่ไม่อาจผ่อนคลายได้เลยสักนิด ควรรู้ไว้ว่าในสถานการณ์แบบนั้น หากปล่อยใจไม่ระแวดระวัง ก็อาจถูกหมาป่าพวกนั้นฉีกเป็นชิ้นๆ เมื่อไหร่ก็ได้

“เจ้า เจ้าเป็นใครกัน?” อาจเพราะตกใจกับความป่าเถื่อนก่อนหน้านี้ของเฟิ่งจิ่ว ตอนนี้จึงพูดตะกุกตะกักนิดหน่อย

“ข้าเป็นใคร เจ้าสนใจด้วยเรอะ”

“ชะ เช่นนั้นข้าเป็นใครล่ะ?” พอชายหนุ่มพูดเช่นนั้น ก็กลับกลายเป็นเฟิ่งจิ่วแปลกใจบ้าง

“หรือศีรษะเจ้ากระทบกระเทือนเสียแล้ว? ขนาดตัวเองก็จำไม่ได้ว่าเป็นใคร?”

เธอพูด จากนั้นเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงยื่นมือไปจับศีรษะของชายหนุ่ม เป็นตามที่คาด มันยังบวมอยู่เป็นก้อนเลย

…………………………………………………….

ตอนที่ 28 วิกฤตที่ซ่อนเร้น!

เขามองมาอย่างน้อยใจ “ข้าไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหน และก็ไม่รู้ว่าต้องกลับไปอย่างไร เจ้ายังไม่ให้ข้าตามไปด้วยอีก…”

เฟิ่งจิ่วเอามือก่ายหน้าผากพลางมองท้องฟ้าอย่างหมดคำพูด เป็นปัญหาที่พบแล้วไม่อาจสลัดได้อย่างที่คิดเลย…

นี่ถือว่ากรรมตามสนองสินะ? เธอตามติดคนอื่น คนอื่นจึงมาตามติดเธอ

ขณะที่เธอเตรียมจะก้าวเท้าจากไป กลับพบว่าคนด้านหลังยังคงยืนบื้ออยู่ เขามองเธอด้วยท่าทางอยากตามมาแต่ไม่กล้าตาม เธอจึงร้องไปว่า “ยังยืนทำอะไรอยู่? เดินมาสิ!”

“หา…โอ้!” ชายหนุ่มตะลึงอยู่สักครู่ ก่อนจะพยักหน้าอย่างปลื้มปริ่ม แล้วเดินมาด้วยย่างก้าวอันรวดเร็ว เพียงแต่มือข้างหนึ่งยังคงกุมแผลที่ท้องและทนความเจ็บไว้

ทั้งสองเดินขึ้นเนินเขาเข้าไปในป่า ตอนนี้ดวงตาเฟิ่งจิ่วที่เดินอยู่ช้าๆ เป็นประกายรางๆ เธอกวาดมองรอบๆ อย่างสงบเยือกเย็น แล้วจึงเดินต่อไป

“คือว่า ขะ ข้าควรเรียกเจ้าอย่างไรดี?” ชายหนุ่มถามขณะที่ตามอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่ว

“แล้วแต่เจ้าเถอะ” เธอตอบรับแบบส่งเดช ไม่ได้สนใจการพูดคุยนี้

พอได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มคิดแล้วคิดอีก จึงค่อยถามพร้อมเสียงหัวเราะร่า “เจ้าเด็กกว่าข้า เช่นนั้นข้าเรียกเจ้าน้องชายดีหรือไม่?”

“อืม”

เฟิ่งจิ่วตอบรับอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ และก็ไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไรอยู่กันแน่ แต่หันหน้าเล็กน้อยไปจ้องมองพุ่มไม้ด้านหลัง

เมื่อได้ยินเสียงตอบรับของเฟิ่งจิ่ว สุดท้ายใบหน้าเขาก็เผยความยินดี เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเห็นหนุ่มน้อยขอทานมองไปทางด้านซ้าย ชายหนุ่มมองตามสายตาเขาไป พอได้เห็นก็เปลี่ยนสีหน้า

…………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า