เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า นิยาย บท 277

สรุปบท ตอนที่ 277 เสียงหัวเราะกลางดึก! + ตอนที่ 278 เป็นผีกันหมด?: เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

สรุปตอน ตอนที่ 277 เสียงหัวเราะกลางดึก! + ตอนที่ 278 เป็นผีกันหมด? – จากเรื่อง เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า โดย Internet

ตอน ตอนที่ 277 เสียงหัวเราะกลางดึก! + ตอนที่ 278 เป็นผีกันหมด? ของนิยายRomanticเรื่องดัง เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 277 เสียงหัวเราะกลางดึก!

กล่าวจบ เฟิ่งจิ่วมองไปทางเหลิ่งซวง ถามว่า “ฉิวฉิวล่ะ?”

“อยู่บนหลังม้าด้านนอกเจ้าค่ะ นอนอยู่ไม่ยอมลงมา”

“ปล่อยไปเถอะ มันคงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก เจ้านั่นแหละ กลางคืนอย่าไปวิ่งเพ่นพ่าน” เธอกำชับ เห็นผ้าม่านขยับเล็กน้อย แล้วเด็กชายก็วิ่งออกมา

“พี่ชาย ท่านแม่บอกว่าสิ่งนี้ล้ำค่ายิ่งนัก หยางหยางรับไว้ไม่ได้ขอรับ” เขายื่นไข่มุกราตรีเม็ดนั้นในมือให้เฟิ่งจิ่ว แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เด็กชายก็ไม่เคยเห็นของเล่นเช่นนี้มาก่อน ดวงตาจึงเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

เฟิ่งจิ่วหัวเราะ บอกว่า “ไม่เป็นไร เก็บไว้เถอะ!” พูดจบก็เห็นหญิงสาวยกไข่ไก่สีแดงฉานสองสามใบเดินออกมา

“ในบ้านไม่มีของต้อนรับอะไรดีๆ เลย ทั้งสองท่านทานไข่ไก่แดงกันก่อนเถอะ” น้ำเสียงหญิงสาวช่างอ่อนโยน สายตาที่มองหยางหยางมีแต่ความรักของผู้เป็นแม่และความเอาใจใส่

“พี่ชาย ไข่มุกเม็ดนี้หยางหยางเก็บบไว้ได้จริงๆ รึขอรับ?” เขากะพริบตามองเฟิ่งจิ่ว แล้วมองมารดาข้างกาย

“ไข่มุกราตรีนี้ล้ำค่านัก เด็กน้อยไม่รู้ความ คุณชายเก็บไว้ดีกว่า” หญิงสาวพูดเสียงเบา ส่งสัญญาณให้หยางหยางคืนไข่มุกให้เฟิ่งจิ่ว

“ไม่เป็นไรหรอก แค่ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ให้เด็ก เก็บไว้เถอะ!” เฟิ่งจิ่วเอ่ยยิ้มๆ ให้หยางหยางเก็บไป

เห็นเช่นนี้ หญิงสาวยอบตัวคารวะไปทางเฟิ่งจิ่วเบาๆ “เช่นนี้ ข้าน้อยขอขอบคุณแทนลูกชายสำหรับของขวัญด้วย”

เห็นท่าทางย่อตัวที่งดงามของหญิงสาว แววตาเฟิ่งจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย ยิ้มบางๆ โดยไม่พูดอะไร

ไม่นานนัก หญิงสาวก็ทิ้งหยางหยางไว้ด้านหน้าให้อยู่เป็นเพื่อนเฟิ่งจิ่ว แล้วหมุนตัวเข้าไปด้านหลัง

“หยางหยาง คนที่พักบ้านหลังถัดไปเป็นใครกัน?” เฟิ่งจิ่วมองเด็กชายที่กำลังกินไข่ไก่พลางถาม

“เป็นท่านปู่ท่านย่าขอรับ แต่พวกท่านสุขภาพไม่ดี มักจะอยู่แต่ในเรือนไม่ยอมออกมา”

“อ้อ? งั้นพ่อเจ้าล่ะ เขาอยู่บ้านด้วยหรือไม่?”

“ครั้งก่อนมีคนไม่ดีมา ทำท่านพ่อบาดเจ็บ ตอนนี้จึงรักษาตัวอยู่บนเตียงขอรับ!” เขายื่นไข่ไก่แดงให้เฟิ่งจิ่ว พูดอย่างอ่อนหวานว่า “พี่ชาย ท่านกินด้วยกันสิ! ท่านแม่บอกว่ากินไข่ไก่แดงถึงจะเติบโตได้อย่างอยู่ดีมีสุข”

ได้ยินเช่นนี้ เธอยิ้มเล็กน้อย รับไข่ไก่มาแกะเปลือกกิน ผ่านไปสักพัก หญิงสาวคนนั้นก็ยกพวกผักกับเนื้อและข้าวสองชามเข้ามา บอกกับเฟิ่งจิ่วว่า “ในบ้านไม่มีของอะไรอย่างอื่นแล้ว ผักเป็นพืชป่า ส่วนเนื้อเป็นเนื้อกระต่ายป่าที่จับได้ในป่า คุณชายก็ทานเสียหน่อยเถอะ”

จากนั้นค่อยพาหยางหยางลงไป ปล่อยเฟิ่งจิ่วกับเหลิ่งซวงอยู่ด้านหน้าสองคน

รอจนนางออกไปแล้ว เฟิ่งจิ่วมองผักกับเนื้อสัตว์และข้าวสองชามบนโต๊ะก่อนบอกเหลิ่งซวง “นั่งลงกินกันก่อน แม้คนบ้านนี้จะแปลกไปหน่อย แต่คงไม่เป็นอันตรายกับพวกเรา”

ได้ยินนายท่านพูดถึงเพียงนั้น เหลิ่งซวงก็ขานรับ นั่งลงข้างโต๊ะยกข้าวขึ้นมากิน

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง บริเวณรอบๆ เหมือนจะยิ่งหนาวขึ้น แม้แต่เสียงแมลงด้านนอกยังชัดเจนยิ่งนักเพราะความเงียบยามค่ำคืน ชัดเสียจนประหลาดอยู่บ้าง

เฟิ่งจิ่วกับเหลิ่งซวงถูกจัดให้พักในห้องปีกข้าง อยู่ในสถานที่ที่แปลกไปหมดทุกแห่งเช่นนี้ ทั้งสองอยากจะพักผ่อนดีๆ สักนิดก็ไม่อาจทำได้ ด้วยเหตุนี้เหลิ่งซวงจึงคอยเฝ้ากะกลางคืน ส่วนเฟิ่งจิ่วนั่งขัดสมาธิหลับตาฝึกบำเพ็ญ

ก่อนเที่ยงคืนก็สงบเงียบมาตลอด จนกระทั่งเมื่อพ้นเที่ยงคืนไป เสียงลมพัดกระทบประตูหน้าต่างถี่กระชั้น ส่งเสียงดังปังๆๆ เสียงลมด้านนอกดังหวีดหวิว ฟังแล้วน่าสะพรึงอยู่บ้าง

และในยามนี้เอง เสียงหัวเราะลั่นสะเทือนหูลอยมาจากไหนไม่รู้ ดังกึกก้องอยู่กลางอากาศในยามราตรีราวกับเสียงฟ้าร้อง ทำให้เฟิ่งจิ่วกับเหลิ่งซวงตกใจตื่น

ชายชราแผดเสียงเกรี้ยวกราดด้วยความทุกข์ใจ เหมือนก่อนตายเขาจะเป็นผู้ฝึกตน ยามตายกลายเป็นผี แรงแค้นบนร่างจึงยังกระจายอยู่ไม่จางหาย พลังหยินรุนแรงนัก หลังจากเขาส่งเสียงคำรามร่างกายก็ลอยขึ้นมา เล็บนิ้วสองมือยาวขึ้น ตะปบไปทางนักพรตคนนั้น

ส่วนภายในเรือน เหลิ่งซวงที่ฟังคำพูดนี้อดไม่ได้ที่จะเบิกตาโต มองยังเฟิ่งจิ่วแล้วถามเสียงเบาอย่างตกใจ “นายท่าน คนบ้านนี้เป็น…เป็นผีรึเจ้าคะ?”

เฟิ่งจิ่วเคาะหน้าโต๊ะเบาๆ พูดเสียงค่อยว่า “ไม่ใช่ทั้งหมด”

“ไม่ทั้งหมด?” เหลิ่งซวงตกตะลึง พลันนึกถึงที่นายท่านบอกว่ามีเพียงเด็กคนนั้นที่ปกติ จึงถามไปอย่างอดไม่ได้ “นายท่านหมายความว่ามีเพียงเด็กคนนั้นที่เป็นคน?”

“ใช่” เธอขานรับ บอกว่า “ตอนยังไม่เข้ามาข้าเห็นมีกลิ่นอายของคนคนเดียว ซึ่งคือเด็กชายคนนั้น ส่วนพ่อแม่กับปู่ย่าคงตายไปหมดแล้ว เพราะนอกจากพวกเรากับเด็กน้อยก็ไม่รู้สึกถึงพลังชีวิตเลยสักนิดเดียว”

“เป็นไปได้ยังไงกัน หากเป็นผีจะมีเด็กคนหนึ่งอยู่ด้วยได้อย่างไรเจ้าคะ?” เหลิ่งซวงเพียงรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ โลกนี้มีคน มีเซียน แน่นอนว่าก็มีผีด้วย และเพราะฟ้าดินมีทั้งสามสิ่งนี้อยู่ถึงได้กลายเป็นภพทั้งสาม

“ยังไม่เห็นวิญญาณอีกสามตนที่เหลือ จึงไม่รู้ว่าเป็นเช่นไร แต่ท่านแม่ของหยางหยางคงไม่ใช่วิญญาณร้าย และไม่ได้คิดร้ายกับพวกเราแน่นอน แม้แต่อาหารที่กินไปเมื่อตอนเย็นก็ล้วนเป็นของที่พวกเรากินได้จริง ไม่ใช่ดินทรายที่วิญญาณสร้างภาพลวงตาออกมา”

ได้ยินคำพูดนี้ เหลิ่งซวงถึงจะคิดออก ตอนที่ยกผักกับเนื้อมา หญิงสาวคนนั้นยังบอกอย่างเฉพาะเจาะจงว่าเป็นผักป่ากับเนื้อกระต่าย เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นนางรู้ว่านายท่านมองออกแล้วว่านางไม่ใช่คน?

“นายท่าน งั้นพวกเขาอยู่ที่นี่…”

“คงเพื่อเด็กคนนั้น”

เธอถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า “แต่คนด้านนอกนั้นพูดถูก คนกับผีอยู่คนละโลกกัน พวกเขากับหยางหยางอยู่ด้วยกันนานเกินไป พลังหยางบนร่างเขาก็จะยิ่งอ่อนแอ ถึงเวลานั้นเกรงว่าจะร้ายมากกว่าดี”

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า