เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า นิยาย บท 395

ตอนที่ 395 ผู้หญิงของข้า!

เนี่ยเถิงในชุดแพรหรูหรายืนเอามือไพล่หลัง ชำเลืองมองมู่หรงป๋อตรงหน้า เสียงทุ้มต่ำที่แฝงด้วยท่าทีเช่นผู้เหนือกว่าเปล่งออกมาจากปาก “ท่านคือมู่หรงป๋อ ผู้ครองแคว้นแสงสุริยัน?”

“เป็นกระหม่อมเอง”

มู่หรงป๋อรีบขานรับ ต่อหน้าอีกฝ่ายเขาไม่กล้าแทนตัวเองว่าข้า ทำได้เพียงเรียกขานตนอย่างลดตัว ถึงอย่างไรรัชทายาทจากแคว้นระดับหกย่อมสูงส่งกว่าเขามากนัก อยู่ต่อหน้าเนี่ยถิง ต่อให้ตนเป็นผู้ครองแคว้นก็ยังเทียบอะไรไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น…

เขาแอบเหลือบมองอีกแปดคนที่ตามหลังเนี่ยถิงมา หัวใจสั่นสะท้านเล็กน้อย แปดคนนั้นล้วนเป็นผู้ฝึกเซียน พละกำลังไม่อาจคาดเดา แค่มองแวบหนึ่งเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่ถาโถมมา ทำให้หน้าผากมีเหงื่อไหลซึม เป็นดังคาดว่าผู้ฝึกเซียนกับผู้ฝึกพลังเร้นลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

นึกถึงตรงนี้ เขาก็รีบเก็บอาการ บอกว่า “องค์รัชทายาทเดินทางมาไกล เชิญเข้าไปพักผ่อนในวังก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวตอนค่ำกระหม่อมมู่หรงป๋อจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับรัชทายาทผู้มาจากแดนไกล”

“อืม” เนี่ยเถิงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะสาวก้าวเดินเข้าประตูวังหลวงตามการนำทางของมู่หรงป๋อ

ทว่าเรือเหาะลำโอ่อ่าด้านหลังกลับไม่ได้เก็บไป จึงจอดอยู่ตรงประตูวังอย่างโจ่งแจ้งเช่นนั้น ปล่อยให้คนพินิจมองชื่นชม

หลังเข้าไปยังเขตที่พักด้านในพระราชวัง มู่หรงป๋อพาเขามาถึงตำหนักที่เตรียมการไว้เรียบร้อย ให้เขาพักอยู่ที่นี่และบอกว่า “พอรู้ว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาเร็วๆ นี้ กระหม่อมจึงสั่งคนเตรียมตำหนักไว้ให้แต่เนิ่นๆ เพื่อให้พระองค์ได้พำนักอย่างสะดวกสบาย”

เนี่ยเถิงเหลือบมองตำหนักที่เข้าพักตามอำเภอใจ ไม่พูดอะไรมาก แต่มองมู่หรงป๋อพลางถาม “เรื่องที่ข้าส่งคนมาสู่ขอคุณหนูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่ง เจ้าจัดการเป็นอย่างไรบ้าง?”

ได้ยินเช่นนี้ มู่หรงป๋อลนลานเอ่ย “เรื่องนี้ตอนที่พระองค์ส่งคนมา กระหม่อมบอกกับจวนตระกูลเฟิ่งแล้ว ยามนั้นเฟิ่งเซียวกับคุณหนูใหญ่เฟิ่งไม่ยินยอม ทว่าช่วงนี้ตระกูลเฟิ่งเกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย เฟิ่งเซียวถูกลอบสังหารจนหมดสติ ผู้เฒ่าเฟิ่งก็หายตัวไป ยามนี้เหลือเพียงคุณหนูใหญ่เฟิ่งคอยดูแลคนเดียว จวนตระกูลเฟิ่งจึงสั่นคลอนใกล้ล้ม เวลานี้นางยังได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ นางควรจะสำนึกบุญคุณเข้าไว้ รอให้ถึงงานเลี้ยงคืนนี้ กระหม่อมจะสั่งคนไปเชิญนางเข้าวังมาอยู่เป็นเพื่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?”

เมื่อคิดว่าสาวน้อยผู้ทรงเสน่ห์และงามเลิศคนนั้นกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องเช่นนี้ ซ้ำยังต้องแบกรับวงศ์ตระกูลด้วยไหล่บอบบางของตน ใจก็สั่นไหวเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมองมู่หรงป๋อ ถามเสียงเข้มว่า “ตรวจสอบได้หรือไม่ว่าเป็นฝีมือใคร?”

มู่หรงป๋อปาดเหงื่อ ตอบว่า “ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่กระหม่อมเดาว่าน่าจะเป็นคนต่างแคว้น เฟิ่งเซียวเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้นแสงสุริยัน เดิมทีก็มีศัตรูอยู่ไม่น้อย”

“เฟิ่งชิงเกอคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งจะมาเป็นผู้หญิงของข้า เรื่องในตระกูลนางเจ้าจะต้องสืบหาความจริงให้ปรากฏ”

“พ่ะย่ะค่ะๆ แน่นอนอยู่แล้วๆ” เขารีบร้อนขานรับ ในใจนึกร้อนตัว

“ไปเตรียมการเรื่องงานเลี้ยงเถอะ! คนอื่นไม่ต้องมาเยอะเกินไป เรียกนางมาหาข้าก็พอ” เขาโบกๆ มือ ส่งสัญญาณให้ถอยไป

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา” เขาโค้งกายคารวะ จากนั้นหมุนตัวออกไป

รอจนมู่หรงป๋อออกไปแล้ว ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีดำถึงจะก้าวเข้ามา ถามว่า “นายท่าน จะให้ข้าน้อยไปตรวจสอบจวนตระกูลเฟิ่งหรือไม่?” ครั้งนั้นเป็นเพราะความเลินเล่อ เขากับนายท่านจึงหลงกลสตรีคนนั้นโดยไม่ทันได้แม้แต่จะลงมือ สำหรับเรื่องนี้ เขาพะวงในใจมาตลอด

สาวน้อยเช่นนั้น ทั้งหยิ่งยโสและเฉลียวฉลาด จะแต่งเข้าวังหลังของนายท่านได้ง่ายดายจริงหรือ?

เรียกชิงเกอเข้าไป? อยู่เป็นเพื่อนองค์รัชทายาทแคว้นเหินเวหา? เสด็จพ่อเขานับวันยิ่งถดถอยโดยแท้! นี่เห็นชิงเกอเป็นอะไรกัน

“เตรียมเกี้ยว! ข้าจะเข้าวัง!” เขาสะบัดแขนเสื้อ เดินก้าวยาวออกไป

อีกด้านหนึ่ง เมื่อกวนสีหลิ่นในตลาดมืดได้ยินข่าวก็ตกใจไปครู่หนึ่ง มองผู้ดูแลเหยียนพลางถาม “ท่านว่าอะไรนะ รัชทายาทแคว้นเหินเวหามาถึงแล้วรึขอรับ?”

ผู้ดูแลเหยียนพยักหน้า บอกว่า “ถูกต้อง เรือเหาะยังจอดอยู่หน้าประตูวังเลย! ว่ากันว่ามารับคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่ง” พูดจบเสียงก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามอย่างค่อนข้างสงสัยว่า “คุณหนูใหญ่เฟิ่งคงไม่เคยไปแคว้นเหินเวหากระมัง? ทำไมถึงไปต้องตาองค์รัชทายาทแคว้นเหินเวหาเข้าได้ ซ้ำยังจะแต่งเป็นชายารองอีก?”

“ชายารอง? ฮ่าๆๆ!”

กวนสีหลิ่นหัวเราะร่า เพียงแต่เสียงหัวเราะกลับเจือความประชดประชันไว้ “ไม่ต้องพูดถึงชายารองเลย ต่อให้เป็นชายาเอก น้องสาวข้าก็ไม่ชอบเขา! แค่รัชทายาทแคว้นเหินเวหา เขาไม่คู่ควรกับนางด้วยซ้ำ! จะให้นางไปเป็นชายารอง? ช่างน่าขันเสียจริง!”

ได้ยินคำพูดนี้ ผู้ดูแลเหยียนก็ผงะไป ไม่รู้ว่ากวนสีหลิ่นเอาความกล้ามาจากไหน? สำหรับเขาคุณหนูใหญ่เฟิ่งก็แค่มีรูปโฉมงามล่มเมือง ด้านวรยุทธ์ไม่น่าเอ่ยถึง แต่ทำไมเมื่อกวนสีหลิ่นพูดมา กลับเหมือนนางทั้งสง่างามไม่ธรรมดา สูงส่งเกินเอื้อม แม้แต่รัชทายาทของแคว้นระดับหกยังไม่คู่ควร?

เพราะอะไรกัน?

ทันใดนั้น ในความคิดเขามีร่างสีแดงที่เปิดเผยและเอาแต่ใจฉายชัดขึ้นมา ม่านตาหดลง อุทานว่า “คุณหนูใหญ่เฟิ่งคนนั้นคงไม่ใช่ผู้หญิงของภูตหมอกระมัง?”

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า