เฟิ่งจิ่วดึงหมัดกลับ แล้วมองไปทางสาวน้อยคนงามที่ยืนอยู่บนพื้นต่างระดับ ยิ่งมอง ก็ยิ่งรู้สึกเบิกบานหัวใจ
เหลิ่งซวงได้สติกลับมา จึงเดินไปหานาง ก้มหัวลงน้อยๆ และเอ่ยอย่างนอบน้อม “นายท่าน คุณชายยังไม่กลับมาเจ้าค่ะ”
“เขาออกไปตั้งแต่รุ่งสาง จนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมารึ?” เธอพูดด้วยความแปลกใจ กล่าวถามอีกว่า “งานแต่งของตระกูลกวนกับตระกูลเคอไม่ใช่อีกสามวันจากนี้รึ?”
“อีกสามวันจากนี้เจ้าค่ะ”
เหลิ่งซวงตอบ น้ำเสียงชะงักลง ก่อนจะกล่าวอีกว่า “แต่ตอนที่ออกไปคุณชายบอกไว้ ว่าท่านอยากกลับไปก่อนล่วงหน้า ไม่อยากให้นายท่านตามไป ท่านว่าเรื่องนี้จะจัดการเองเจ้าค่ะ”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็ยิ้มๆ คิดว่าเขากังวล ว่าหากเธอไปอยู่ในเหตุการณ์จะจัดการอะไรได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก หนำซ้ำ ในใจคงยังไม่เชื่อว่าตระกูลกวนจะโหดร้ายกับเขาขนาดนี้ และยิ่งไม่เชื่อว่าพี่น้องร่วมสกุลจะละเลยเขาในยามที่ผลประโยชน์อยู่เบื้องหน้า
แบบนี้ก็ดี ให้ไปจัดการเสียเอง เขาถึงจะรู้ ว่าบางคนเมื่อผลประโยชน์มากองอยู่ตรงหน้า แม้จะเป็นพี่น้องร่วมสกุลก็ยังใจจืดใจดำกันได้ลงคอ
เรื่องวงศ์ตระกูลของเขานั้น เธอไม่ได้รู้สึกดีกับพวกเขาเลยสักนิดเดียว
แต่กับตระกูลเฟิ่ง…
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ได้รู้เกี่ยวกับตระกูลเฟิ่งหลังจากกลับมาถึงเมืองอวิ๋นเยวี่ย ความสับสนก็แวบเข้ามาในหัวใจเธอ
คนตระกูลเฟิ่งช่างรักใคร่เอ็นดูเฟิ่งชิงเกอจริงๆ ทว่าพวกเขาไม่รู้เลย ว่าตอนนี้เฟิ่งชิงเกอที่พวกเขาโอบอุ้มไว้ในมือกลับทำให้ลูกสาวพวกเขาต้องตาย
เหลิ่งซวงที่อยู่ข้างๆ มองรอยแผลที่ยุ่งเหยิงอยู่เล็กน้อยบนใบหน้าเฟิ่งจิ่ว แววตาเป็นประกายน้อยๆ อย่างอดไม่ได้
รอยมีดแต่ละรอยปาดแนวขวางอยู่บนใบหน้านายท่านอย่างสะเปะสะปะ รอยแผลนับไม่ถ้วนบดบังรูปโฉมดั้งเดิม พอมองดูแล้ว มันช่างเป็นรอยแผลที่ทำให้คนหวั่นใจอยู่บ้าง
นางไม่อาจจิตนาการได้เลยจริงๆ ว่าใครกันแน่ที่ทำลายใบหน้าของสาวน้อยคนหนึ่งได้หนักหนาถึงเพียงนี้? และต้องเกลียดชังกันขนาดไหนถึงลงมือกันได้ขนาดนี้?
เมื่อนึกถึงเจ้านายที่ยังไม่มีพลังปกป้องตัวเอง นางจึงแอบๆ ตั้งมั่นในใจ ว่าจากนี้ไปจะต้องปกป้องนางอย่างใกล้ชิดให้จงได้
เหลิ่งซวงในตอนนี้ ยังไม่รู้ถึงฝีมือและพละกำลังของเฟิ่งจิ่ว เพราะตั้งแต่ที่ติดตามนางมา ก็เห็นเพียงวิชาหมัดอันพลิ้วไหวไร้พลังทำลายที่นางร่ายรำในลานบ้านอยู่ทุกเช้าตรู่
ประกอบกับที่ตัวนางเป็นนักปรุงยา ด้วยเหตุนี้ความคิดแรกเริ่มที่เชื่อก็ทำให้เข้าใจว่านางชำนาญเพียงด้านยา แต่กลับอ่อนด้อยด้านวรยุทธ์
เฟิ่งจิ่วที่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่สังเหตเห็นสายตาเหลิ่งซวง จึงหันหน้าไปมองนาง เอ่ยถามว่า “เป็นอะไรรึ?”
เหลิ่งซวงส่ายหน้า แล้วก้มหัวลงเล็กน้อย
เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ ก็จับใบหน้าตัวเอง พลางยิ้มเบาๆ “สงสัยว่าทำไมใบหน้าข้าเสียโฉมเช่นนี้รึ?”
น้ำเสียงเธอชะงักน้อยๆ ก่อนจะกล่าวต่ออย่างไม่สนใจอะไรนัก “อันที่จริง ตอนนี้ที่เห็นก็ดีขึ้นมากแล้ว ตอนช่วงเริ่มแรก ขนาดตัวข้าเองยังทนมองตรงๆ ไม่ได้เลย”
เธอกลับไม่กังวลใจกับบาดแผลบนใบหน้าเท่าไหร่ ถึงอย่างไร ขอแค่รวบรวมยาทิพย์จิตวิญญาณครบ ไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนก็สามารถทำให้ใบหน้ากลับมาเหมือนเดิมได้ ตอนนี้ที่น่ากังวลมากกว่า คือแขนของพี่ชายคนข้างกายผู้นั้น
มีข่าวคราวมาจากด้านตลาดมืด บอกว่ายาทิพย์ที่เธอต้องการช่างหาได้ยากยิ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่ครบ
หนึ่งวันที่ยายังไม่ครบ เท่ากับหนึ่งวันที่แขนเขายังไม่มีทางหาย และเป็นอีกหนึ่งวันที่เธอเองก็ไม่อาจโล่งใจ หากหายาทิพย์จิตวิญญาณไม่ครบจริงๆ ก็ทำได้เพียงใช้วิธีการแลกเปลี่ยนมาทำการค้าขายกับคนพวกนั้นที่ถือครองยาทิพย์จิตวิญญาณ
ในตอนนี้เอง ที่บ้านตระกูลเคอ
ใบหน้าหล่อเหลาของกวนสีหลิ่นในชุดคลุมสีน้ำเงินมืดลงเล็กน้อย กำลังมองหญิงสาวที่รูปโฉมพริ้งพรายตรงหน้า เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง “เจ้าจะแต่งงานกับพี่ชายข้าจริงรึ? เจ้ายอมรับด้วยตัวเอง? หรือคนที่บ้านบีบบังคับ?”
“สีหลิ่นเอ๋ย! การหมั้นหมายของพวกเจ้า หลังจากตระกูลกวนกับตระกูลเคอหารือกันถึงได้ยกเลิก ส่วนงานแต่งของเสียวหย่ากับพี่ชายเจ้าก็เป็นผู้ใหญ่ตระกูลกวนที่ล้วนเห็นชอบ” นายท่านเคอมองกวนสีหลิ่น พลางถอนใจเล็กน้อย
กล้าอ่อนถือเป็นต้นกล้าดี แต่น่าเสียดายที่เขาไร้พ่อขาดแม่ ในตระกูลกวน อย่างไรก็ไม่อาจทัดเทียมกับฐานะของพี่ชายเขาได้
“เจ้าเองก็เห็นด้วยใช่หรือไม่?” เขามองไปที่เคอซินหย่า ตั้งมั่นอยากจะถามให้ชัดเจน
ทว่าเมื่อเห็นเขาไต่ถามลูกสาวนางอีกครั้ง ฮูหยินเคอก็โกรธกริ้ว
“เสียวหย่าเห็นด้วยแล้วยังไง? แต่งงานกับกวนสีหร่วนจะย่ำแย่ไม่เท่าแต่งกับเจ้าหรือ? เจ้าไม่ลองดูตัวเองเล่าว่ามีอะไรบ้าง? ทั้งพ่อแม่ล้วนไม่มี ฐานะในตระกูลกวนไหนเลยจะเทียบกับสีหร่วนได้?”
คำพูดนางกลับกลอกปลิ้นปล้อน มีความเยาะเย้ยถากถาง ยังกล่าวต่ออีกว่า “บอกเจ้าไปก็ไม่เป็นไร ทำเจ้าถอดใจได้ยิ่งดี ผู้ใหญ่ตระกูลกวนพูดไว้แล้ว อีกสามเดือนให้หลังจะมีการชิงตำแหน่งนายน้อยของเหล่าลูกหลานตระกูลกวน ถึงเวลานั้นกวนสีหร่วนจะชนะและกลายเป็นนายน้อยอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนี้ เสียวหย่าของข้าก็จะเป็นฮูหยินของนายน้อย ภายหน้าพอสีหร่วนเป็นเจ้าบ้าน นางก็เป็นฮูหยินของเจ้าบ้านตระกูลกวน หากแต่งกับเจ้าจะมีอะไรได้บ้างเล่า?”
ได้ฟังคำพูดนาง กวนสีหลิ่นก็ไม่ปริปาก เพียงแต่จ้องมองเคอซินหย่าที่ถูกนางกันไว้ข้างกายด้วยแววตาลึกล้ำอยู่นานนัก ก่อนจะสาวเท้าก้าวจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก
นายท่านเคอเห็นแขนเขาแนบอยู่ข้างกายอย่างไร้เรี่ยวแรง ก็ประหลาดใจเล็กน้อย “ไยแขนขวาเขาถึงคล้ายว่าพิการไปเสียแล้ว?”
ฮูหยินเคอเอ่ยอย่างไม่สนใจใยดี “จะสนใจเขาขนาดนั้นไปทำไม อย่างไรซะ อีกหน่อยเขากับเสียวหย่าของเราก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”
“ข้ากลับห้องก่อนนะเจ้าคะ”
เคอซินหย่ากล่าว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตูและเดินไปนั่งที่ด้านหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองๆ ดูปิ่นไม้ชิ้นหนึ่งในกล่องเครื่องประดับ หลังจากหยิบมันขึ้นมา ก็โยนทิ้งลงในตะกร้ามุมกำแพง
“ทางเลือกของข้าหาไม่ผิดพลาด ข้าจะไม่เสียใจ จะไม่เสียใจแน่!”
นางละทิ้งความอึดอัดในจิตใจ แววตาหนักแน่น เพราะรู้ดีว่าถึงแม้กวนสีหลิ่นจะดีกับนาง แต่ยังไม่อาจให้สิ่งที่นางต้องการได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
ไม่ลงต่อแล้วเหรอ🥲...
ยัยน้องของเรามีผู้มาตมหาอีกคนแล้ว ท่านยมมม ว่าที่ภรรยาจะมีคนแย่งละนะ สนุกมากกกกก ช่วยมาลงตอนต่อไปนะคะ รอคอยๆๆ 😍😍😍...
เอ็นดูท่านยม จะสมหวังไหมเนี่ย 5555...
ถ้าคนต้องการฆ่าแม่ทัพใหญ่คือไอ่ผู้ครองแคว้นนะ มันก็เนรคุณเกิ้นนน...
ท่นเจ่าตำกนักพนายามหายไปไหยน๊อออิ ยัยหนูมีเรื่องแล่วว ใดใดคือทุกคนรู้ชื่อน้องหมด ยกเว้นเจ้าตำหนักขี่งอน 5555...
หมายปแงนางถามท่านอสหรือยังจ๊ะ 😁...
อิ่งอี 55555...
เรื่องนี้สนุกมาก อยากให้อัพเดตตอนทุกวันเลยค่ะ...
เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ สนุก น่าติดตามมากเลยค่าาาา...