ตอนที่ 259 ผมไม่รักลูกชาย
เป่หมิงโม่ตื่นขึ้นมาในร่างกายที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัว......
เขาค่อย ๆ ลืมตาแล้วเอามือบังแสงแดดจ้ายามเช้าที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง และในขณะนั้นเขาถึงสังเกตว่ามือของเขาทั้งสองข้างถูกห่อด้วยผ้ากอซ
ไม่ว่าใบหน้า ริมฝีปาก มือ ไหล่ และทั้งร่างกายของเขา......ราวกับว่าเจ็บปวดอยู่ทุกที่ จะส่งเสียงความเจ็บปวดออกมาก “.…..”
ในสมองมีความทรงจำมัว ๆ ของเมื่อคืนก่อนภาพตัดไป และเขาจำเรื่องที่ต่อสู้กับป่ายมู่ซีได้ลาง ๆ ......
“โม่ ตื่นแล้วเหรอ......”
เสียงที่นุ่มนวลทำให้สติของเป่หมิงโม่กลับยังปัจจุบัน
เขาค่อย ๆ ลืมตาแล้วหันมองเจียงฮุ่ยซินที่นั่งอยู่ข้างเตียง แล้วพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ป้าซิน”
ขณะที่พูดเสร็จเขาดึงผ้าห่มออกแล้วพยายามจะลุกขึ้นนั่ง
“โม่ อย่าขยับ ๆ เธอกำลังบาดเจ็บนะ” เจียงฮุ่ยซินรีบให้คนใช้เอาหมอนมาหนุนหลังให้เป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่คิ้วขนคิ้ว สายตาที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า
เจียงฮุ่ยซินถอนหายใจ “โม่ ช่วงนี้เป็นอะไรเหรอเนี่ย เห็นดื่มจนเมากลับบ้านทุกวัน มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่า เล่าให้ป้าซินฟังได้นะ”
เป่หมิงโม่กุมขมับตัวเอง “ไม่มีอะไรหรอกครับ ป้าซินเป็นห่วงผมมาไปแล้ว”
“น่ะ…... เด็กคนนี้ ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ชอบเก็บความในใจไว้ไม่ยอมเล่าให้ใครฟังตลอด......” เจียงฮุ่ยซินส่ายหัวแล้วถอนหายใจ “เรื่องงานแต่งเป่ยใต้เอ๋อนั้น ป้าซินรู้ว่าเธอรู้สึกแย่มาพอแล้ว ส่วนเรื่องเธอกับคุณสุนั้น พ่อของเธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากอีกแล้ว......ทุกวันนี้เราก็เริ่มแก่กันแล้ว เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องคิดแทนลูก ๆ เสมอไป...... แต่ทุกวันนี้เห็นเธอในสภาพแบบนี้ แล้วตอนนี้ยังบาดเจ็บขนาดนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องแล้วนะ...... ถ้าเธอต้องการแต่งงานกับคุณสุคนนั้น เราหาเวลาชวนเธอมาทานข้าวที่บ้านดีไหม”
ตั้งแต่นายกเทศมนตรีเป่ยถูกไล่ออกจากตำแหน่งแล้วถูกศาลตัดสินจำคุก ตระกูลเป่ยก็เหมือนดิ่งลงเหว
ท่านปู่เป่หมิงก็ไม่เคยคาดคิดเหมือนกันว่าเป่หมิงโม่จะลงมือได้รวดเร็วและแม่นยำขนาดนี้ มันทำให้ตระกูลเป่ยนั้นแทบจะไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวเลย เป่ยใต้เอ๋อตอนนี้ก็ถูกโจมตีหลายด้าน ไม่รู้ว่าสภาพตอนนี้ย่ำแย่ไปถึงไหนแล้ว......
ยี่เฟิงก็ถูกบังคับให้ออกจากบ้านเกิด พ่อแม่ตระกูลเป่หมิงก็ล้างหน้าด้วยน้ำตาแทบทุกวัน......แต่ ผู้ที่เป็นคนริเริ่มเป่หมิงโม่คนนี้ แม้ปกติมักจะเห็นเขาในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์และสื่อต่าง ๆ แสดงถึงภายนอกที่ดูเหมือนมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี แต่ความจริงแล้ว แทบทุก ๆ คืน เขาจะดื่มจนมึนเมาและหมดสติอยู่เสมอ และแค่ในเวลาสั้น ๆ เขาก็กลายเย็นชายิ่งกว่าเดิม
เมื่อเห็นสภาพนี้ ท่านปู่เป่หมิงก็คิดว่าเป่หมิงโม่ทรุดโทรมได้ขนาดนี้ก็เพราะคนที่ชื่อซูยิ่งหวั่น อีกอย่างผู้หญิงที่ชื่อซูคนนี้ได้อยู่กับโม่มานานหลายปีแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าก่อนหน้านี้ท่านปู่จะต่อต้านให้เขาสองคนได้อยู่ด้วยกันยังไง วันนี้ก็คง ได้แต่ยอมรับให้เขาได้อยู่ด้วยกันแล้ว
“ไม่จำเป็นหรอกครับ” เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วแล้วตอบกลับอย่างเย็นชา เขาลุกขึ้นนั่ง เพื่อเตรียมตัวลุกจากเตียง “ถ้าป้าซินไม่มีธุระอื่นแล้วล่ะก็ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
เจียงฮุ่ยซินไม่นึกเลยว่าโม่จะเย็นชาต่อซูยิ่งหวั่นขนาดนี้ เธอจึงรีบพูดต่อ......
“เดี๋ยวก่อน โม่ เธอฟังป้าซินพูดจบก่อน ดีไหม......” เจียงฮุ่ยซินหยุดชะงักชั่วคราว แล้วในใจนึกถึงเฉิงเฉิงที่อยู่ออสเตรเลีย เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดต่อ “ป้าซินรู้ เรื่องของแม่เธอมันเคยทำร้ายจิตใจเธอไม่น้อย แต่มันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว......โม่ ตอนนี้เธอก็มีลูกแล้วเหมือนกัน ไม่ว่าที่ผ่านมาเธอเคยเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน แต่เธอคงไม่อยากให้เฉิงเฉิงได้เดินตามชีวิตเธอ คงไม่อยากให้ลูกของเธอเองต้องทนทุกข์เหมือนที่เธอเคยเจอมาหรอกมั้ง”
สายตาของเป่หมิงโม่ขรึมลง “ป้าซินอยากพูดอะไรเหรอ”
เจียงฮุ่ยซินได้แค่ส่ายหัว “.….. ที่จริงป้าซินก็ไม่ได้มีอะไรหรอก เพียงแค่ทนเห็นสภาพเธอที่มึนเมากลับบ้านทุกวันไม่ได้ แล้วยิ่งตอนนี้ยังบาดเจ็บแบบนี้ เหมือนในใจลึก ๆ เธอมีเรื่องอะไรซ่อนอยู่ ป้าซินก็อดใจไม่ได้......”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” เขาเก็บอาการแล้วแสดงสีหน้าถึงความเข้มแข็งเหมือนปกติ รอยช้ำที่ริมฝีปากของเขาไม่ได้ทำให้เขาดูเหมือนอ่อนแอและกระทบต่อใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา แต่ยิ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของลูกผู้ชาย
“จะไม่เป็นห่วงได้ยังไงล่ะ เธอกับเฉิงเฉิง มันก็ช่างเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ เลยนะ ปากแข็งกันทั้งคู่ เฉิงเฉิงย้ายไปอยู่ออสเตรเลียก็สามเดือนแล้ว เด็กน้อยคนนั้นจากบ้านเกิดไปไกลก็คงจะเหงาบ้างแหละ แต่ทุกครั้งที่โทรคุยกันก็มักจะบอกป้า ‘คุณย่าครับ ผมสบายดีครับ พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ’ เธอฟังดูสิ คำพูดของเด็กคนนี้มันไม่ต่างกับคำพูดเธอเลยสักนิดว่าไหม”
สีหน้าของเป่หมิงโม่แสดงถึงความซับซ้อนทางอารมณ์ เขาพูดต่อ “เขาไปสามเดือนกว่าแล้วเหรอ”
เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ เขานึกว่าผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วัน เพราะทุก ๆ วันของเขาตอนนี้ มันไม่ต่างอะไรกับศพที่เดินได้......
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่สิ โม่ หรือว่า…...เธอหาเวลาไปเยี่ยมเฉิงเฉิงหน่อยไหม ความจริงเด็กคนนั้นใส่ใจเธอผู้ที่เป็นพ่อของเขามากเลยนะ ถ้าเธอไปหา เขาคงดีใจแย่เลย......ถือว่าออกไปผ่อนคลายหน่อยก็ได้......ว่าไง”
เป่หมิงโม่เงียบลง
เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียงฮุ่ยซินแล้ว ต่อมจิตใต้สำนึกเขาก็เริ่มทำงาน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่า ทุกวันที่ผ่านมานี้เขาไม่ได้ใส่ใจลูกของเขาเลย
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงชีวิตในวัยเด็กของตัวเอง ก็รู้สึกบั่นทอนจิตใจขึ้นมา……
“ค่อยว่ากันครับ......” เขาตอบกลับพอเป็นพิธี สายตาที่เย็นชาของเขายากที่จะเดาออกว่าความรู้สึกข้างใจนั้นเป็นอย่างไร
เจียงฮุ่ยซินได้แต่พยักหน้าแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ก็ได้ ถ้างั้นฉันจะไม่รบกวนเธอแล้วล่ะ เธอพักผ่อนมาก ๆ ก็แล้วกันนะ......”
เมื่อพูดจบ เจียงฮุ่ยซินก็เดินออกจากห้องไป......
ฉิงฮัวเฝ้าอยู่หน้าประตูห้อง พอเจียงฮุ่ยซินออกไปแล้ว เขาจึงรีบเข้ามาในห้องอย่างสุภาพ
“เจ้านายตื่นแล้วเหรอครับ ให้ผมสั่งคนเตรียมอาหารเช้าเข้ามาให้ไหมครับ”
“ฉิงฮัว สรุปแล้วเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไร” เป่หมิงโม่กุมขมับไว้ เขาสงบสติอารมณ์เป็นปกติ
ฉิงฮัวมองไปที่เจ้านายเขา “เมื่อคืนตอนผมไปรับเจ้านาย คุณป่ายมู่ซีบอกว่ามีเรื่องชกต่อยกับนายท่านเพราะเรื่องของคุณสุครับ แล้วเขาก็จากไปครับ...... ตอนผมเจอนายท่านก็อยู่ในสภาพที่สลบนอนอยู่บนพื้นแล้วครับ นายท่านได้รับบาดเจ็บ แล้วโทรศัพท์นายท่านตกอยู่ข้าง ๆ ครับ”
“ไม่เห็นคนที่น่าสงสัยเหรอ” เขาลูบหน้าผากที่มีรอยช้ำเบา ๆ
“ไม่เห็นครับ” ฉิงฮัวพูดต่อ “นายท่านอยากให้ผมลองไปเช็คดูอีกทีไหมครับ”
เป่หมิงโม่ชะงักไปครู่นึง สุดท้ายเขาก็ส่ายหัว “ช่างมันเถอะ ข้าอาจจะคิดไปเองก็ได้......”
อีกอย่างเมื่อคืนเขาก็ดื่มเมาจนหมดสติเลยไม่ใช่เหรอ
เหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นได้อีก แล้วเขาก็ถามต่อ “เฉิงทางนู้นเขาเป็นยังไงบ้างแล้ว เผลอแป๊ปเดียวเวลาก็ผ่านไปสามเดือนกว่าแล้วเหรอ”
ช่วงเวลาวุ่นวายที่ผ่านมานี้ ทำไมเขารู้สึกเวลานั้นผ่านไปช้า แต่อีกใจรู้สึกเวลานั้นผ่านไปเร็วเหลือเกิน
ฉิงฮัวก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน ตั้งแต่เจ้านายเขาส่งเฉิงเฉิงออกไป เวลามันก็ผ่านไปสามเดือนกว่า ๆ แล้ว และนี่คือครั้งแรกที่เจ้านายถามถึงคุณชายน้อยเฉิงเฉิง ฉิงฮัวรีบพยักหน้า “ชีวิตของคุณชายเฉิงเฉิงทุกอย่างปกติเขาสบายดีครับ ลูกน้องทางนู้นก็ได้แจ้งสถานการณ์มาตลอดเลยครับ ว่าการใช้ชีวิตของคุณชายเฉิงเฉิงอยู่ทางนู้นไม่ต่างอะไรกับการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเป่หมิงครับนายท่าน อีกอย่างการเรียนของเขาก็ดีเยี่ยมมากเลยครับ ก็เหมือนเดิม ไม่ค่อยเห็นแกคบหากับเพื่อน ๆ การใช้ชีวิตก็......ฉิงฮัวคิดว่า ชีวิตของคุณชายน้อยเฉิงเฉิงในตอนนี้คงไม่ต่างอะไรกับชีวิตของนายท่านในวัยเด็กครับ......”
เหมือนว่าประโยคสุดท้ายของคำพูดฉิงฮัวนั้นกระทบความรู้สึกในใจลึก ๆ ของเป่หมิงโม่
เขาขมวดคิ้วแล้วค่อย ๆ หลับตาลง คล้ายกับว่าเขากำลังรู้สึกเจ็บที่แผลเล็กน้อย
มองหน้าฉิงฮัวแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง “เองรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ เหรอ ว่าชีวิตของลูกในตอนนี้มันเหมือนชีวิตในวัยเด็กของข้า”
ฉิงฮัวนึกคิดอยู่พักนึง “.…..นายท่านครับ คำพูดบางคำผมก็ไม่แน่ใจว่าควรพูดหรือไม่ครับ แต่ผมคิดว่านิสัยของคุณชายเฉิงเฉิงมันคล้ายกับนายท่านมาก ๆ เลยนะครับ บางทีอาจจะคล้ายเกินไป จึงทำให้บางเวลาอาจเกิดความขัดแย้งขึ้นเล็กน้อยครับ แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้หมายถึงว่านายท่านไม่ได้รักคุณชาย และก็ไม่ได้หมายถึงคุณชายไม่รักนายท่านเลยนะครับ......”
“รักเหรอ” เหมือนเขาได้ยินคำพูดที่ทิ่มแทงจิตใจอีกครั้ง นิ้วของเป่หมิงโม่กระตุกขึ้นมา เขาพยายามลงจากเตียง แล้วสวมชุดนอนเดินไปที่ริมหน้าต่าง เขามองออกไปนอกหน้าต่างนั้น มองเห็นสนามหญ้าเขียวขจีที่กว้างใหญ่ของบ้านเป่หมิง ในความทรงจำของเขา จำได้ว่ากู้ฮอนก็เคยพูดคำว่า ‘รัก’ คำนี้
“ฉิงฮัว มีบุหรี่ไหม”
ฉิงฮัวรีบหยิบซิการ์ออกมาแล้วยื่นไปให้เขา “นายครับ อาการบาดเจ็บของนายท่านยังไม่หายดี ยิ่งถ้าสูบบุหรี่เข้าไปมันอาจส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ”
แต่ฉิงฮัวก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้
เขารับซิการ์จากมือของฉิงฮัว แล้วคาบไว้ที่ปาก ไม่ทันระวังแตะโดนบาดแผลที่ถูกป่ายมู่ซีชกเข้า บ่นด้วยความเจ็บและอารมณ์เสีย “ขอไฟแช็คด้วย”
ฉิงฮัวถอนหายใจ แล้วจุดไฟให้เขา
ควันบุหรี่ลอยขึ้นมา ด้วยกลิ่นหอมของนิโคตินมันชวนให้คนน่าเสพติด
เป่หมิงโม่ค่อย ๆ สูบเข้าไปอย่างเต็มปอดแล้วเป่าควันออกมาลอยทั่วห้อง จนผ่านไประยะนึง เขาถึงจะพูดต่อ......
“ฉิงฮัว เองคิดว่า ข้ารักลูกชายข้าไหม”
“เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว” ฉิงฮัวพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่ลังเลใจ “ถึงแม้วิธีของนายท่านอาจจะดูเย็นชาไปหน่อยก็เถอะ อีกทั้งนายท่านอาจจะไม่ถนัดในการแสดงออก แต่ฉิงฮัวคิดว่า นายท่านรักคุณชายน้อยแน่นอนครับ ไม่งั้นคงไม่ให้คุณชายน้อยได้พัฒนาความสามารถและพรสวรรค์ได้ดีขนาดนี้หรอกครับ......”
“ไม่” เป่หมิงโม่รู้สึกขำขึ้นมา ปากยังคาบซิการ์นั้นไว้ สายตาที่จริงจังผ่านหมอกควันนั้น “ไม่หรอก ฉิงฮัว เองเข้าใจผิดไปแล้ว ข้าไม่รักลูกชายหรอก ไม่เคยรักเลยด้วยซ้ำ”
ฉิงฮัวรู้สึกตกใจไม่น้อย มันเหลือความคาดหมายของเขา “.…..”
“เข้าใจไหม ห้าปีที่ผ่านมานี้ และทุกครั้งที่เจอหน้าเป่หมิงซิเฉิง ข้าเองก็เหมือนว่าได้เห็นอดีตของตัวเองอีก เนื่องจากเป่หมิงซิเฉิงไม่ได้เกิดจากความรักของพ่อแม่จริง ๆ เขาแค่เกิดจากความบังเอิญของชายหญิงคู่หนึ่งที่ไม่มีความรู้สึกต่อกันในคืนเดียว......ไม่ต่างอะไรกับข้าหรอก ถึงแม้ข้าเกลียดในตัวข้าเอง แต่ก็กลับสร้างคนอีกคนที่เหมือนกับข้าขึ้นมา......เพราะฉะนั้น เป็นไปไม่ได้หรอกที่ข้าจะรักเขา ฉิงฮัว เองเข้าใจไหม”
น้ำเสียงที่แหบแห้งของเป่หมิงโม่ มันแฝงด้วยความรู้สึกที่ทนทุกข์อ้างว้าง บ้างก็เหมือนกำลังประชดตัวเองบ้างก็เหมือนกำลังโทษโชคชะตา
“นายท่านครับ…...” จนตอนนี้ ฉิงฮัวถึงเข้าใจ ที่ผ่านมาทำไมนายท่านถึงเย็นชากับนายน้อยมาตลอด แม้กระทั่งบางทีถึงขั้นต้องใช้ความรุนแรงต่อกัน
สาเหตุทุกอย่างนั้นก็เพราะ นายท่านได้เกิดมาจากครอบครัวที่ปราศจากพื้นฐานความรักของพ่อและแม่ มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นคนแบบนี้......
แล้วนายท่านก็เกลียดตัวเองเหมือนกันที่สร้างนายน้อยเฉิงเฉิงขึ้นมีอีกคน ที่ต้องทำให้ชีวิตนายน้อยนั้นได้เดินตามรอยของนายท่าน......ซึ่งเป็นที่ขาดความอบอุ่นและไร้ซึ่งความรักของผู้ให้กำเนิด......
ความจริงแล้ว เบื้องลึกในจิตใจของนายท่านก็ต้องทนทุกข์เช่นกัน ฉิงฮัวถอนหายใจ
“ฉิงฮัวเข้าใจครับว่า......แต่ว่านายท่านครับ ถึงยังไงนายน้อยก็ยังเป็นลูกของท่านอยู่ดี นายท่านคงไม่อยากให้นายน้อยต้องเดินตามรอยของนายท่านจริง ๆ หรอกครับ แม้ฉิงฮัวอาจจะไม่เข้าใจความตั้งใจของนายท่านจริง ๆ แต่เรื่องที่ฉิงฮัวมั่นใจก็คือนายน้อยนั้นเป็นเด็กที่กตัญญูอย่างแน่นอนครับ นายท่านจะส่งแกไปฝึกฝนเล่าเรียนวิชาที่แสนจะยากลำบาก แต่นายน้อยแกก็ทำตามไม่เคยบ่นแม้แต่สักคำ แล้วเรื่องที่นายท่านวางแผนให้เขาไปใช้ชีวิตต่อที่ออสเตรเลีย นายน้อยก็ไม่เคยคัดค้านแม้แต่เล็กน้อย คงเพราะนายน้อยไม่มีแม่ และเขาเหลือนายท่านผู้ที่เป็นพ่อของเขาเพียงคนเดียว เขาจึงต้องรักนายท่านอย่างสุดใจ และเป็นเด็กที่เชื่อฟังคำสั่งอย่างมากครับ”
ตึกตัก.....
เหมือนว่าหัวใจแตกสลาย
กำปั้นของป่ายมู่ซี คำพูดของเจียงฮุ่ยซิน และคำพูดโน้มน้าวของฉิงฮัวตอนนี้
เหมือนถูกลูกตะกั่วค่อย ๆ เจาะลึกเข้าไปข้างในจิตใจ
ตามด้วยความอ้างว้างในห้องนั้น......
แสงแดดไออุ่นจากนอกประตูหน้าต่างนั้น มันช่างน่าชักชวนให้ออกไปสัมผัส
แต่เป่หมิงโม่ยังคงสูบซิการ์ในห้องนั้นด้วยความเย็นชาและไร้ความรู้สึก......
ฉิงฮัวยืนนิ่ง ๆ อยู่ข้างกายเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดิมพันรักยัยตัวแสบ