ก๊อกๆ !!!
"เข้ามา"
ประตูห้องทำงานเปิดออก คนขับรถประจำไร่เดินเข้ามาอย่างนอบน้อม
"รับเด็กๆมาแล้วครับ" รายงานปรเมศ หลังจากที่เป็นคนสั่งให้ไปรับเพียงอ้อยและพ้องเพื่อนมาพักที่ไร่ เพียงจันทร์แม่ของเพียงอ้อยเป็นคนขออนุญาตและเห็นดีเห็นงามด้วย หากปฏิเสธก็จะดูใจร้ายเกินไปอีกทั้งสองแม่ลูกไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก็เป็นคนงานและเป็นเด็กที่ปรเมศเคยซื้อขนมป้อนตั้งแต่เด็ก
บ้านใหญ่กับที่พักคนงานห่างไม่ไกลกันมาก เสียงเด็กดังลอดเข้ามาในบ้านใหญ่ ปรเมศที่นั่งทำงานอยู่ถึงกับเป็นอันทำอะไรไม่ลงเมื่อเสียงเด็กๆที่คุยหยอกล้อกันรบกวนสมาธิการคิดคำนวนตัวเลข กระจกใสมุมระเบียงปรเมศส่องสายตามองหาเสียงต้นทาง มันมาจากที่พักคนงานท้ายไร่จริงๆไม่มีใครบอกเด็กพวกนี้กันเหรอว่าห้ามเสียงดังในช่วงกลางคืนเช่นนี้ ชักเริ่มอารมณ์เสียและคงต้องลงไปเตือนสักหน่อย
"อากาศที่นี่โคตรดีเลยว่ะอ้อย" เจ้าขาชอบอากาศที่นี่มาก มันบริสุทธิ์และเย็นสบายกว่ากรุงเทพเป็นไหนๆ อีกทั้งในตอนกลางคืนก็มองเห็นดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจากดวงจันทร์สาดส่องลงเบื้องล่างเป็นแสงสลัว แม้ไม่มีไฟก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน
"ตรงนู้นมีศาลาด้วยนะเว้ย ไปนั่งเล่นกันไหม"
เด็กๆต่างตกลงย้ายไปนั่งดูดาวในศาลาคั่นเวลานอน เด็กกรุงเทพพอมาเจอบรรยากาศนอกเมือง ผู้คนเข้านอนแต่หัวค่ำกลับไม่ชินและข่มตาให้หลับตามคงไม่ได้
"ไปก่อนเลย ปวดฉี่เดี๋ยวตามไป" เจ้าขาขอตัวเข้าห้องน้ำและจะตามไปทีหลัง คนอื่นๆทยอยเดินเกาะกลุ่มกันไปศาลาห่างจากที่พักในระยะไม่กี่เมตร หลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเจ้าขายังคงนั่งบนแคร่ไม้หน้าที่พักมองดูดาวเพียงลำพัง เธอไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้
"สวยจัง" สาดสายตาขึ้นบนฟ้าพร้อมรอยยิ้มที่ตรึงจากความรู้สึก และยกมือน้อยชี้นับดาวทีละดวง
" 1 2 3 4" จะนับยังไงหมดล่ะเจ้าขา ดาวมีเป็นล้านๆดวงก่อนจะวางมือน้อยๆลงนาบแคร่ไม้เป็นการยันค้ำร่างกายให้นั่งบนนั้น แหงนใบหน้าละมุนมองท้องฟ้าอย่างตั้งใจโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างมองจากแสงน้อยๆของดวงดาวที่กระจายตัวการละลานตาเต็มไปหมด
ในขณะที่ปรเมศเดินลงจากชั้นบนของบ้านและออกมาทางด้านหลังก็ต้องชะงักนิ่ง สายตาคมเข้มเห็นร่างแน่งน้อยนั่งแกว่งขาไปมา เพียงแค่มองเห็นด้านหลังเขากลับยกมือตบหน้าตัวเองไปสองทีเพื่อเรียกสติว่าตอนนี้กำลังฝันเหมือนเมื่อคืนหรือเปล่า แต่เปล่าเลยเมื่อฝ่ามือหยาบกระแทกลงแก้มอย่างรุนแรงมันก็เจ็บแสบทันที เขาไม่ได้ฝัน ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนแคร่คือมินตรา มองด้านหลังเหมือนกันทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า ต่อให้คนตรงหน้าเป็นวิญญาณเขาก็ไม่กลัว ภาวนาทุกวันภาวนาให้หญิงคนรักมาหา ในที่สุดเธอก็มา
ปรเมศกึ่งวิ่งเดินเข้าประชิดทางด้านหลัง จากนั้นก็ใช้แขนโตๆโอบเข้าลำตัวคนตัวบางในทันที คราวนี้เขากอดเธอได้เธอไม่หายไปอย่างครั้งก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เด็กในปกครองพ่อเลี้ยงปรเมศ