วันต่อมา
ตั้งแต่ทะเลาะกันเมื่อคืนจนกระทั่งช่วงบ่ายของอีกวันฉันก็ยังไม่เจอคาแลน เขาคงกำลังสงบสติอารมณ์อยู่ เพราะต่อให้มาคุยตอนนี้ถ้าความคิดไม่ตรงกันก็คุยไม่รู้เรื่อง
“จะไปไหนครับ” พี่เจตเดินมาถาม
“จะเดินไปที่โรงบ่มไวน์ค่ะ พี่เจตมีอะไรหรือเปล่า”
“นายสั่งห้ามไม่ให้ใครไปที่นั่น”
ฉันนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติได้แล้วถามกลับ “รวมมิลาด้วยเหรอคะ”
“ครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินเลี่ยงไม่ไปทางนั้น ยอมรับว่าอึดอัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อฉันมองภาพในอนาคตไม่เห็นเลย มันมืดไปหมด
เหม่อเดินตามทางไปเรื่อย รู้ตัวอีกทีก็ออกห่างจากตัวบ้านมาไกลแล้ว ตรงนี้เงียบสงบดีก็เลยนั่งพักและคิดเรื่องที่มันกำลังหนักอึ้งอยู่ในหัว
คำพูดของคาแลนที่บอกว่ามินร่วมมือกับมาลิคมันตามหลอกหลอนฉันตั้งแต่เมื่อคืน ในใจยังคงคัดค้านว่าไม่มีทางเป็นไปได้
ส่วนเรื่องที่เขาขอให้มาทบทวนดูว่าฉันรู้สึกยังไง ไม่ว่าจะห้าปีที่แล้วหรือตอนนี้คำตอบก็ยังเหมือนเดิม
สุดท้ายฉันก็ถูกมองเป็นคนที่แย่ที่สุด ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนแต่ทางเดินของเราในตอนนี้มันเต็มไปด้วยหนามทำให้เจ็บกันทั้งคู่
อยากจะพยายามเชื่อในสิ่งที่คาแลนบอกแต่นั่นเท่ากับว่าฉันลังเลในตัวมิน ทั้งที่เรามีกันแค่สองคน
ฉันถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปหาน้องสาว พยายามไม่โทรไปเลยตั้งแต่วันนั้นแต่ตอนนี้ฉันอยากมั่นใจ
รอสายไม่นานมินก็กดรับ น้ำเสียงของน้องฟังดูสดใสมากกว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกัน
(พี่มิลาโทรมาหามินได้แล้วเหรอคะ เงียบไปเลยคิดว่าจะไม่ได้คุยแล้วซะอีก)
“มินเป็นยังไงบ้าง”
(โอเคค่ะ มาลิคเอายามาให้แล้ว พี่มิลาไปคุยอะไรกับเขาหรอถึงยอมเอายาให้)
โล่งใจที่ได้ยินแบบนั้นแต่ก็เป็นห่วง เพราะหากเจอมาลิคมินจะอาการไม่ค่อยดีนัก
“มินโอเคใช่ไหม ได้เจอกับมาลิคหรือเปล่า แล้วเขาไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม”
(ไม่ค่ะ ว่าแต่พี่มิลาบอกมินได้ไหมว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน)
“…” ไม่ใช่อยากจะปิดบังน้องแต่ฉันรู้ว่าไม่ควรพูด ครั้งก่อนที่โทรหามินก็ถาม
(พี่มิลาไม่ไว้ใจมินเหรอคะ)
“มะ... ไม่ ๆ ไม่ใช่แบบนั้นนะมิน”
(แล้วทำไมไม่ชอบบอกสักที)
รู้สึกว่าน้ำเสียงของมินดูเหมือนไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรเลย ปกติน้องไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนอะไร ใจเย็นมากด้วยซ้ำ
“พี่บอกไม่ได้”
(มินไม่บอกใครอยู่แล้ว บอกมินหน่อยนะคะ)
“…”
(พี่มิลาสัญญาว่าเราจะหนีไปด้วยกัน มินดีใจนะที่ตอนนี้พี่ออกไปได้แล้ว ต่อให้มาลิคจะทำอะไรมินก็อย่ากลับมานะคะ มินจะเป็นคนแบกรับทุกอย่างเอาไว้เอง)
คำพูดของน้องสาวทำให้ฉันจุกในอก นี่เหรอความคิดของคนที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ข้างมาลิค มินคิดจะเสียสละขนาดนี้อยากให้คาแลนมาได้ยินประโยคเมื่อครู่จัง บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้
“มะ... ไม่สิมินทำไมพูดแบบนั้น พี่จะกลับไปนะ กลับไปแน่ ๆ”
(พี่มิลาเชื่อใจมินนะ ฟังที่มินพูดอย่าไปเชื่อคนอื่นได้ไหมคะ)
“เชื่อสิพี่เชื่อมินอยู่แล้ว”
จู่ ๆ ก็มีเสียงแว่วเข้ามาในสายแถมมินยังกดวาง เกิดอะไรขึ้น!! โทรไปอีกครั้งน้องก็ไม่ยอมรับ ตอนนี้ฉันเริ่มกระวนกระวายจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
“ออกมาไกลขนาดนี้ทำไม รู้ไหมว่าทุกคนกำลังตามหา”
เสียงทุ้มเอ่ยบอก ฉันที่กำลังก้มหน้ากดโทรศัพท์เงยขึ้นมองก่อนจะเจอกับคาแลนที่กำลังยืนอยู่
“เราอย่าเพิ่งคุยกันตอนนี้เลยนะ ปล่อยมิลาค่ะ” พยายามแกะมือหนาออกแต่ว่าอีกคนไม่ยอมปล่อยเลย แถมยังจ้องฉันเขม็ง
กำลังโกรธอยู่อย่างนั้นเหรอ โกรธกันมากเลยใช่ไหม
จู่ ๆ คาแลนก็ช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้น ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลแล้ววางตัวของฉันลงบนโต๊ะ จากนั้นก็แทรกมาอยู่ตรงกลางเรียวขา
ท่าในตอนนี้มันล่อแหลมแถมยังอยู่ในสถานที่โจ่งแจ้งด้วย
“เฮียจะทำอะไร”
“ตอบมาว่าจะไม่ทิ้งเฮียไปหามัน” เขาเมาแน่ ๆ เพราะได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจ
“เราคุยกันไม่เข้าใจแล้ว เรื่องมาลิคไม่ควรหยิบมาเป็นประเด็น” ฉันถอนหายใจเบา ๆ เหนื่อยเหลือเกินกับสิ่งที่มันถาโถมเข้ามา
“แต่งงานกับเฮีย”
“คะ…?” ฉันขมวดคิ้วถามย้ำเพราะคิดว่าเมื่อกี้ได้ยินผิดไปแน่ ๆ คงไม่ใช่คำนั้น
“หนูแต่งงานกับเฮียได้ไหมมิลา”
ชัดเจนแล้ว ฉันนิ่งไปมองใบหน้าคมคายของคนรักไม่คิดว่าจะถูกขอแต่งงานในเวลาแบบนี้ ทำตัวไม่ถูก ปรับอารมณ์ไม่ทัน
แต่… ทุกอย่างมันยังวุ่นวายอยู่แบบนี้เราจะแต่งงานกันได้ยังไง
“แต่ตอนนี้มิลาเป็นคู่หมั้นของมาลิค ถ้ามีข่าวแต่งงานออกไปคนต้อง…”
“สนใจมันทำไมถ้าไม่ได้คิดอะไร”
“ขอโทษ… ตอนนี้มิลายังตอบตกลงไม่ได้”
“…”
“เฮียเข้าใจใช่ไหม”
คนหนึ่งก็เป็นน้องสาวอีกคนก็เป็นคนรัก… ฉันที่ยืนอยู่ตรงกลางต้องเลือกทางไหนดี มันยากมากเลย ตอนนี้เหมือนกำลังถูกกดดันทั้งสองทาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เด็กดื้อคนโปรด (ของมาเฟีย) BAD