เหมยฮวาบัญชาการ บทที่ 59 กบฏที่ยังแอบแฝง

ฝูซิ่นฮวาให้ฝูซิ่นเล่อนำทัพไปยังเมืองหยินเจาตามแผนการรบที่ซินเอ๋อร์ขโมยไป เมื่อฝูซิ่นเล่อนำทัพมาถึงก็พบว่ามีทัพเล็กของต้าเจารออยู่ พลข่าวสืบได้ความมาว่า น่าจะมีไพร่พลราวหนึ่งหมื่น ซึ่งเป็นจำนวนไม่ต่างจากทัพที่ฝูซิ่นเล่อนำมา
ฝูซิ่นเล่อส่งสารท้ารบไปให้รองแม่ทัพในเมืองหยินเจา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมออกมาสู้รบ ได้แต่โจมตีต่อสู้กันอยู่เพียงกำแพงเมือง ผ่านไปสิบวันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ฝ่ายทัพไป๋หู่เริ่มเป็นกังวลเรื่องเสบียงที่เตรียมมา ฝูซิ่นเล่อเองก็ต้องการจะถอนทัพกลับไปยังหลันเจา แต่หากถอยตอนนี้ก็เกรงว่าฝ่ายต้าเจาจะไล่ตามมาต่อตี เป็นเหตุให้เสียเปรียบเอาได้ ฝูซิ่นเล่อจึงขี่ม้าไปท้าทายผู้นำทัพฝ่ายตรงข้ามถึงหน้าประตูเมืองหยินเจาให้ออกมาสู้รบกันให้รู้แพ้รู้ชนะ
“หากยังมีความเป็นนักรบหลงเหลืออยู่ ก็จงเร่งออกมาสู้รบกันให้รู้แพ้รู้ชนะเถิด อย่ามัวขลาดเขลาหลบอยู่หลังกำแพงอีกเลย”
ฝ่ายผู้นำทัพต้าเจารู้ดีว่าพี่น้องสกุลฝูมากเล่ห์เพทุบาย จึงหวั่นเกรงว่านี่อาจเป็นกลลวง ไม่ยอมออกมาสู้รบ เอาแต่ปักหลักอยู่หลังกำแพงเมือง ฝูซิ่นเล่อเอือมระอาเต็มที จึงสั่งให้นายกองนำทหารที่บาดเจ็บส่วนหนึ่งกลับไปยังหลันเจาก่อน
“รองแม่ทัพขอรับ!” พลทหารต้าเจาวิ่งเข้ามาหารองแม่ทัพที่เป็นผู้บัญชาการอยู่ในขณะนี้ “ทัพไป๋หู่มีความเคลื่อนไหว!”
“ว่ามา!”
“ยามนี้ทหารทัพไป๋หู่ส่วนหนึ่งกำลังออกเดินทางลงใต้ คาดว่ากำลังถอนทัพกลับไปยังหลันเจาขอรับ”
“เป็นไปได้” รองแม่ทัพครุ่นคิด “เสบียงหมด ทหารอดอยาก ทั้งยังมีคนบาดเจ็บ ยามนี้เราได้เปรียบแล้ว ถึงคราวติดตามไปโจมตีพวกนั้นให้แตกพ่ายเสียบ้าง!”
ว่าแล้วทหารต้าเจาก็กรูกันออกจากเมืองหยินเจา ไล่ตามทหารทัพไป๋หู่ที่กำลังเคลื่อนย้ายคนเจ็บ หวังต่อตีให้อีกฝ่ายย่อยยับ ฝูซิ่นเล่อเห็นดังนั้นก็ชักม้ากลับเข้าประจันหน้ากับกองทัพที่กำลังวิ่งออกจากประตูเมือง
“คุ้มกันคนเจ็บ!” ฝูซิ่นเล่อตะโกนสั่งการ จากนั้นจึงหันมายิงพลุไฟขึ้นฟ้า
เมื่อเห็นสัญญาณพลุไฟ เหล่าทหารที่ซุ่มอยู่ก็กรูกันออกมาต่อตีกับต้าเจา เสียงลั่นกลองรบดังกระหึ่มดุจพายุโหมกระหน่ำ นักรบในชุดเกราะสีเงินควบม้าพุ่งทะยานออกมาดูราวฝูงพยัคฆ์ที่ตรงจู่โจมตะครุบเหยื่อ ฝ่ายต้าเจารู้ว่าตนต้องกลลวงก็รีบถอยทัพกลับเข้าเมือง หากทหารทัพไป๋หู่ก็ไล่ตามไปไม่หยุดหย่อน กว่าจะปิดประตูเมืองได้ก็ทำเอาทหารต้าเจาบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน มิหนำซ้ำฝูซิ่นเล่อยังส่งหนังสือเยาะเย้ยเข้ามาในเมือง ดูถูกเหยียดหยันว่าฝ่ายต้าเจาทั้งขลาดทั้งเขลา ต่อให้รบอีกร้อยครั้ง ก็ย่อมพ่ายแพ้ทั้งร้อยครั้ง
“ท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ” นายกองคนหนึ่งถามฝูซิ่นเล่อ หลังขับไล่ทหารต้าเจาออกไปจนหมดสิ้น
“ยามนี้เสบียงเราใกล้หมดเต็มที ข้าจะแจ้งไปยังทัพใหญ่เพื่อขอเสบียงเพิ่ม” นายกองอีกคนว่า
“ไม่ต้อง” ฝูซิ่นเล่อปฏิเสธ “เราจะถอนทัพกลับไปรวมกับทัพใหญ่”
เจตนาของฝูซิ่นเล่อและฝูซิ่นฮวานั้นมิได้หมายจะเข้ายึดครองเมืองหยินเจาในยามนี้ หยินเจาเป็นเมืองใหญ่ หากจะยึดครองต้องใช้ทั้งเวลาและกำลังพล ดังนั้นสองพี่น้องสกุลฝูจึงยกทัพมาเพียงเพื่อให้เป็นไปตามแผนการรบที่ซินเอ๋อร์ได้ไป เพื่อให้เสวียนชิวเชื่อว่าแผนการรบที่ได้รับนั้นเป็นของจริง
“แต่หากเราถอนทัพ เกรงว่าพวกต้าเจาอาจตามออกมาอีก”
“พวกมันไม่กล้าตามออกมาหรอก” ฝูซิ่นเล่อหัวเราะในลำคออย่างดูแคลน ขณะมองกำแพงเมืองหยินเจาที่อยู่เบื้องหน้า “เชื่อข้าสิ คนขลาด อย่างไรก็เป็นเพียงคนขลาด มันไม่มีวันออกมาจากกำแพงเมืองเป็นครั้งที่สองแน่”
แล้วก็เป็นไปตามที่ฝูซิ่นเล่อคาดการณ์ เมื่อเขาสั่งถอนทัพ เคลื่อนย้ายกองทหารหนึ่งหมื่นออกจากหยินเจา ฝ่ายต้าเจาก็เกรงจะเป็นกลลวงอีก จึงไม่ได้นำทัพออกมาไล่ตาม ทำให้ฝูซิ่นเล่อเดินทางกลับไปรวมกับทัพใหญ่ได้อย่างราบรื่น ท่ามกลางความขบขันของทหารทัพไป๋หู่ที่สามารถลวงพวกต้าเจาได้สำเร็จ
ในขณะเดียวกันเมืองหลวงแห่งต้าจินก็กำลังเกิดความวุ่นวาย แต่ละวันมีคนล้มตายจากการถูกกลุ่มคนไม่ทราบฝ่ายเข้าทำร้ายอย่างไม่มีเหตุผล สร้างความปั่นป่วนไปทั้งเมือง จนจินเกาหยางต้องเรียกทหารทัพไป๋หู่ส่วนหนึ่งมาคอยเฝ้าระวังอยู่ในเมือง และอีกส่วนหนึ่งให้คอยถวายอารักขาองค์ฮ่องเต้ในวังหลวง
“พวกมันปะปนอยู่กับชาวบ้าน แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ทหารของฝ่ายเราจำต้องยั้งมือ เพราะหากลงมือส่งเดชอาจทำร้ายชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ได้” นายกองหลิน ผู้คุมกองทหารในเมืองหลวงรายงานต่อจินเกาหยาง ซึ่งขณะนี้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่อาจเป็นฝีมือของพวกต้าเจา” ฉีฟู่ออกความเห็น
“ไม่น่าจะใช่ขอรับ” นายกองหลินตอบ “ดูจากลักษณะอาวุธที่ใช้ ไม่ใช่อาวุธของต้าเจา แต่เป็นอาวุธของชาวต้าจิน และจากบาดแผลที่พบบนศพของชาวบ้าน ผู้ใช้อาวุธมีความชำนาญสูง หากแม้มิใช่ชาวต้าจิน
จินเกาหยางครุ่นคิด คนที่จะใช้อาวุธของต้าจินทำร้ายชาวต้าจินด้วยกันได้นั้นมีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และในหัวของเขาก็มีเพียงชื่อเดียว
“จงหยวน!” จินเกาหยางเอ่ยขึ้น “ข้าแน่ใจว่าผู้ที่กำลังสร้างความปั่นป่วนในยามนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้คิดคดเป็นกบฏต่อแผ่นดินที่เรายังจับกุมตัวไม่ได้!”
“เช่นนั้นจะจัดการอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางผู้หนึ่งถาม
“เรื่องนี้ต้องวางแผนให้ดี หากพลาดพลั้งแม้แต่นิดเดียว อาจทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้” จินเกาหยางกล่าว “วันนี้เลิกประชุมเพียงเท่านี้ก่อน”
“แต่เรายังไม่ได้...”
“เลิกประชุม!” จินเกาหยางย้ำ
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” บรรดาขุนนางต่างคำนับผู้สำเร็จราชการแทนองค์ฮ่องเต้อย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเว่ยหยางอ๋องจึงเลิกประชุม ทั้งที่ยังไม่ได้วางแผนจัดการกับคนร้ายที่กำลังก่อความวุ่นวายในเมืองหลวงให้เป็นเรื่องเป็นราว
“นายกองหลิน” จินเกาหยางเรียก
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
“ตามข้ามา”
จินเกาหยางเดินนำนายกองแห่งทัพไป๋หู่ออกจากท้องพระโรงทางด้านหลัง มีขุนนางบางคนมองตามด้วยความสงสัย
เว่ยหยางอ๋องเดินนำนายกองหลินมาจนถึงห้องลับที่อยู่หลังท้องพระโรง แล้วให้ทหารองครักษ์คอยเฝ้าอยู่นอกห้อง
“ข้าอยากให้เจ้าส่งทหารปะปนแทรกซึมไปกับชาวบ้าน” จินเกาหยางเอ่ยเมื่ออยู่กันตามลำพัง “คอยจับตาทุกคนที่ต้องสงสัย รวมทั้งคอยคุ้มกันชาวบ้านอย่างลับ ๆ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากให้เจ้าช่วย”
อ่าน เหมยฮวาบัญชาการ บทที่ 59 กบฏที่ยังแอบแฝง
นวนิยาย เหมยฮวาบัญชาการ บทที่ 59 กบฏที่ยังแอบแฝง ได้รับการอัปเดตพร้อมรายละเอียดที่ไม่คาดคิดมากมายเพื่อลบปมทางอารมณ์มากมายระหว่างผู้นำชายและหญิง นอกจากนี้ผู้แต่ง จิ้นอิ๋ง ยังมีความแยบยลในการทำให้สถานการณ์แตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก มาติดตาม บทที่ 59 กบฏที่ยังแอบแฝง ของซีรี่ส์ เหมยฮวาบัญชาการ โดยผู้แต่ง จิ้นอิ๋ง
คีย์เวิร์ดที่ค้นหา:
Story เหมยฮวาบัญชาการ บทที่ 59 กบฏที่ยังแอบแฝง
เหมยฮวาบัญชาการ โดย จิ้นอิ๋ง