ฝูซิ่นฮวาให้ฝูซิ่นเล่อนำทัพไปยังเมืองหยินเจาตามแผนการรบที่ซินเอ๋อร์ขโมยไป เมื่อฝูซิ่นเล่อนำทัพมาถึงก็พบว่ามีทัพเล็กของต้าเจารออยู่ พลข่าวสืบได้ความมาว่า น่าจะมีไพร่พลราวหนึ่งหมื่น ซึ่งเป็นจำนวนไม่ต่างจากทัพที่ฝูซิ่นเล่อนำมา
ฝูซิ่นเล่อส่งสารท้ารบไปให้รองแม่ทัพในเมืองหยินเจา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมออกมาสู้รบ ได้แต่โจมตีต่อสู้กันอยู่เพียงกำแพงเมือง ผ่านไปสิบวันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ฝ่ายทัพไป๋หู่เริ่มเป็นกังวลเรื่องเสบียงที่เตรียมมา ฝูซิ่นเล่อเองก็ต้องการจะถอนทัพกลับไปยังหลันเจา แต่หากถอยตอนนี้ก็เกรงว่าฝ่ายต้าเจาจะไล่ตามมาต่อตี เป็นเหตุให้เสียเปรียบเอาได้ ฝูซิ่นเล่อจึงขี่ม้าไปท้าทายผู้นำทัพฝ่ายตรงข้ามถึงหน้าประตูเมืองหยินเจาให้ออกมาสู้รบกันให้รู้แพ้รู้ชนะ
“หากยังมีความเป็นนักรบหลงเหลืออยู่ ก็จงเร่งออกมาสู้รบกันให้รู้แพ้รู้ชนะเถิด อย่ามัวขลาดเขลาหลบอยู่หลังกำแพงอีกเลย”
ฝ่ายผู้นำทัพต้าเจารู้ดีว่าพี่น้องสกุลฝูมากเล่ห์เพทุบาย จึงหวั่นเกรงว่านี่อาจเป็นกลลวง ไม่ยอมออกมาสู้รบ เอาแต่ปักหลักอยู่หลังกำแพงเมือง ฝูซิ่นเล่อเอือมระอาเต็มที จึงสั่งให้นายกองนำทหารที่บาดเจ็บส่วนหนึ่งกลับไปยังหลันเจาก่อน
“รองแม่ทัพขอรับ!” พลทหารต้าเจาวิ่งเข้ามาหารองแม่ทัพที่เป็นผู้บัญชาการอยู่ในขณะนี้ “ทัพไป๋หู่มีความเคลื่อนไหว!”
“ว่ามา!”
“ยามนี้ทหารทัพไป๋หู่ส่วนหนึ่งกำลังออกเดินทางลงใต้ คาดว่ากำลังถอนทัพกลับไปยังหลันเจาขอรับ”
“เป็นไปได้” รองแม่ทัพครุ่นคิด “เสบียงหมด ทหารอดอยาก ทั้งยังมีคนบาดเจ็บ ยามนี้เราได้เปรียบแล้ว ถึงคราวติดตามไปโจมตีพวกนั้นให้แตกพ่ายเสียบ้าง!”
ว่าแล้วทหารต้าเจาก็กรูกันออกจากเมืองหยินเจา ไล่ตามทหารทัพไป๋หู่ที่กำลังเคลื่อนย้ายคนเจ็บ หวังต่อตีให้อีกฝ่ายย่อยยับ ฝูซิ่นเล่อเห็นดังนั้นก็ชักม้ากลับเข้าประจันหน้ากับกองทัพที่กำลังวิ่งออกจากประตูเมือง
“คุ้มกันคนเจ็บ!” ฝูซิ่นเล่อตะโกนสั่งการ จากนั้นจึงหันมายิงพลุไฟขึ้นฟ้า
เมื่อเห็นสัญญาณพลุไฟ เหล่าทหารที่ซุ่มอยู่ก็กรูกันออกมาต่อตีกับต้าเจา เสียงลั่นกลองรบดังกระหึ่มดุจพายุโหมกระหน่ำ นักรบในชุดเกราะสีเงินควบม้าพุ่งทะยานออกมาดูราวฝูงพยัคฆ์ที่ตรงจู่โจมตะครุบเหยื่อ ฝ่ายต้าเจารู้ว่าตนต้องกลลวงก็รีบถอยทัพกลับเข้าเมือง หากทหารทัพไป๋หู่ก็ไล่ตามไปไม่หยุดหย่อน กว่าจะปิดประตูเมืองได้ก็ทำเอาทหารต้าเจาบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน มิหนำซ้ำฝูซิ่นเล่อยังส่งหนังสือเยาะเย้ยเข้ามาในเมือง ดูถูกเหยียดหยันว่าฝ่ายต้าเจาทั้งขลาดทั้งเขลา ต่อให้รบอีกร้อยครั้ง ก็ย่อมพ่ายแพ้ทั้งร้อยครั้ง
“ท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ” นายกองคนหนึ่งถามฝูซิ่นเล่อ หลังขับไล่ทหารต้าเจาออกไปจนหมดสิ้น
“ยามนี้เสบียงเราใกล้หมดเต็มที ข้าจะแจ้งไปยังทัพใหญ่เพื่อขอเสบียงเพิ่ม” นายกองอีกคนว่า
“ไม่ต้อง” ฝูซิ่นเล่อปฏิเสธ “เราจะถอนทัพกลับไปรวมกับทัพใหญ่”
เจตนาของฝูซิ่นเล่อและฝูซิ่นฮวานั้นมิได้หมายจะเข้ายึดครองเมืองหยินเจาในยามนี้ หยินเจาเป็นเมืองใหญ่ หากจะยึดครองต้องใช้ทั้งเวลาและกำลังพล ดังนั้นสองพี่น้องสกุลฝูจึงยกทัพมาเพียงเพื่อให้เป็นไปตามแผนการรบที่ซินเอ๋อร์ได้ไป เพื่อให้เสวียนชิวเชื่อว่าแผนการรบที่ได้รับนั้นเป็นของจริง
“แต่หากเราถอนทัพ เกรงว่าพวกต้าเจาอาจตามออกมาอีก”
“พวกมันไม่กล้าตามออกมาหรอก” ฝูซิ่นเล่อหัวเราะในลำคออย่างดูแคลน ขณะมองกำแพงเมืองหยินเจาที่อยู่เบื้องหน้า “เชื่อข้าสิ คนขลาด อย่างไรก็เป็นเพียงคนขลาด มันไม่มีวันออกมาจากกำแพงเมืองเป็นครั้งที่สองแน่”
แล้วก็เป็นไปตามที่ฝูซิ่นเล่อคาดการณ์ เมื่อเขาสั่งถอนทัพ เคลื่อนย้ายกองทหารหนึ่งหมื่นออกจากหยินเจา ฝ่ายต้าเจาก็เกรงจะเป็นกลลวงอีก จึงไม่ได้นำทัพออกมาไล่ตาม ทำให้ฝูซิ่นเล่อเดินทางกลับไปรวมกับทัพใหญ่ได้อย่างราบรื่น ท่ามกลางความขบขันของทหารทัพไป๋หู่ที่สามารถลวงพวกต้าเจาได้สำเร็จ
ในขณะเดียวกันเมืองหลวงแห่งต้าจินก็กำลังเกิดความวุ่นวาย แต่ละวันมีคนล้มตายจากการถูกกลุ่มคนไม่ทราบฝ่ายเข้าทำร้ายอย่างไม่มีเหตุผล สร้างความปั่นป่วนไปทั้งเมือง จนจินเกาหยางต้องเรียกทหารทัพไป๋หู่ส่วนหนึ่งมาคอยเฝ้าระวังอยู่ในเมือง และอีกส่วนหนึ่งให้คอยถวายอารักขาองค์ฮ่องเต้ในวังหลวง
“พวกมันปะปนอยู่กับชาวบ้าน แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ทหารของฝ่ายเราจำต้องยั้งมือ เพราะหากลงมือส่งเดชอาจทำร้ายชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ได้” นายกองหลิน ผู้คุมกองทหารในเมืองหลวงรายงานต่อจินเกาหยาง ซึ่งขณะนี้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่อาจเป็นฝีมือของพวกต้าเจา” ฉีฟู่ออกความเห็น
“ไม่น่าจะใช่ขอรับ” นายกองหลินตอบ “ดูจากลักษณะอาวุธที่ใช้ ไม่ใช่อาวุธของต้าเจา แต่เป็นอาวุธของชาวต้าจิน และจากบาดแผลที่พบบนศพของชาวบ้าน ผู้ใช้อาวุธมีความชำนาญสูง หากแม้มิใช่ชาวต้าจิน ก็ต้องเป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่กับอาวุธต้าจินมาแต่เล็กแต่น้อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ