เหมยฮวาบัญชาการ นิยาย บท 64

ในขณะที่ชายแดนกำลังวุ่นวาย ขั้วอำนาจต่าง ๆ ในราชสำนักก็กำลังวุ่นวายไม่ต่างกัน เพียงแต่ในราชสำนักนั้น ขุนนางต่อสู้กันด้วยสงครามเย็น ตรึงกำลังข่มขู่ซึ่งกันและกัน แม้แต่จินเกาหยางที่อยู่ในสถานะว่าที่ฮ่องเต้พระองค์ต่อไป ก็ยังไม่แคล้วถูกข่มขู่จากบรรดาอ๋องที่หมายปองในราชบัลลังก์

อ๋องแต่ละคนล้วนมีแผนการในใจและมีกำลังพลของตนเอง บางคนให้การสนับสนุนจินเกาหยาง แต่บางคนก็ต้องการช่วงชิงอำนาจมาจากเขา หากไม่ใช่เพราะฝูซิ่นฮวาทิ้งทหารทัพไป๋หู่ไว้ให้เขาหนึ่งหมื่นนาย ยามนี้คงยากจะรับมือ แต่สิ่งที่ทำให้จินเกาหยางเหนื่อยหน่ายใจมากกว่าเรื่องอื่น คงหนีไม่พ้นการที่บรรดาขุนนางผู้สนับสนุนเขา เฝ้าส่งบุตรีคนแล้วคนเล่ามาให้เขาเลือกเป็นชายารองหรืออนุ ยามนี้ขุนนางต่าง ๆ กำลังแบ่งพรรคแบ่งพวก หากเขาปฏิเสธบุตรีของขุนนางเหล่านั้น ก็เท่ากับปฏิเสธไมตรีที่จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน

แต่ถึงแม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนก็ช่าง! ให้มันรู้กันไปว่าคนอย่างเขาจะจัดการกับขุนนางที่คิดกระด้างกระเดื่องไม่ได้

“ท่านอ๋อง แน่พระทัยแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฟู่เอ่ยถาม

เสนาบดีกรมคลังผู้นี้เป็นชายวัยกลางคนที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี เขาสนับสนุนจินเกาหยางมาตั้งแต่ที่ชายหนุ่มของบประมาณไปฟื้นฟูเมืองหลันเจาและเฮยเจา ยามนี้เขาก็ยังเลือกยืนหยัดอยู่ข้างจินเกาหยางและราชวงศ์จิน แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดจินเกาหยางจึงปฏิเสธไมตรีที่ขุนนางหลายคนหยิบยื่นให้

“ข้าได้ลั่นวาจาไปแล้วว่า จะมีฝูซิ่นฮวาเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวไปตลอดชีวิต ข้ามิอาจผิดคำสัตย์ที่ให้ไว้ต่อนางได้” จินเกาหยางตอบพลางนึกถึงฝูซิ่นฮวาที่กำลังตรากตรำกรำศึกอยู่ชายแดน “ยามนี้ชายาข้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่กลางสนามรบ แล้วจะให้ข้ารับหญิงอื่นเข้ามาระหว่างที่นางกำลังต่อสู้เพื่อบ้านเมืองของเราน่ะหรือ? ข้าจะไม่ยอมให้ชายาที่กลับมาจากชายแดนต้องเจ็บปวด ด้วยการเพิ่มสตรีข้างกายมาแทนที่นาง ระหว่างที่นางไม่อยู่เป็นแน่”

“แต่ท่านอาจสูญเสียการสนับสนุน”

“ความสัตย์ซื่อของขุนนางนั้นเปราะบางเพียงนั้นเชียว?” จินเกาหยางถาม “เพียงแค่ข้าไม่รับบุตรีของพวกเขา พวกเขาก็คิดที่จะเลิกสนับสนุนข้าเสียแล้ว นี่แสดงให้เห็นถึงสิ่งใด พวกเขาต้องการแสวงหาอำนาจโดยการส่งบุตรีเข้าหาข้าใช่หรือไม่”

เสนาบดีกรมคลังถึงกับเถียงไม่ออก ทว่าจินเกาหยางกลับยิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วจู่ ๆ ก็หัวเราะออกมาราวกับมีเรื่องขบขันในใจ

“มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” เสนาบดีฟู่ถาม

“ข้ากำลังคิดว่าทหารกล้าทัพไป๋หู่จะช่วยกันรุมสับข้าเป็นหมื่น ๆ ชิ้นหรือไม่ หากข้าทำให้กุนซือของพวกเขาเสียใจโดยการรับอนุ”

คราวนี้เสนาบดีกรมคลังเองก็หัวเราะออก เห็นทีข่าวลือที่ว่าเว่ยหยางอ๋องเกรงกลัวพระชายาฝูนั้น จะมิได้เป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีมูลเสียแล้ว

“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องหนังสือที่จินเกาหยางกำลังหารือกับเสนาบดีกรมคลัง

“มีอะไร”

“คือว่า...” ขันทีน้อยอ้ำอึ้งเล็กน้อย “ยามนี้บรรดาขุนนางทั้งหลายต่างพาบุตรีของตนมารอเข้าเฝ้าอยู่ที่ท้องพระโรงพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องเช่นนั้นทำได้หรือ!” จินเกาหยางตบโต๊ะเสียงดังอย่างขุ่นเคือง “ที่นี่คือวังหลวง ใช่สถานที่ที่ใครจะพาใครเข้ามาได้ง่าย ๆ หรือไร”

“ทหารรักษาการณ์หน้าประตูวังเห็นว่าผู้ที่มาล้วนเป็นขุนนางผู้ใหญ่ จึงยอมให้รถม้าของขุนนางเหล่านั้นเข้ามาแต่โดยดีพ่ะย่ะค่ะ”

“มารดามันเถอะ!” จินเกาหยางสบถ “แม้องค์ฮ่องเต้จะประชวรอยู่ แต่วังหลวงก็คือวังหลวง หาใช่สถานที่ที่ใครจะเข้านอกออกในได้ง่าย ๆ หากมีนักฆ่าปะปนมาจะทำเช่นไร”

ขันทีน้อยตัวสั่นเทา ไม่คิดว่าเว่ยหยางอ๋องที่สุขุมอยู่ตลอดเวลาจะโมโหได้ถึงเพียงนี้

“เปลี่ยนทหารรักษาการณ์หน้าประตูชุดใหม่มาทำหน้าที่ ส่วนชุดเดิมให้โบยคนละยี่สิบไม้ให้หลาบจำ!”

“พ่ะ...พ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีน้อยถวายคำนับแล้วรีบวิ่งออกไป จินเกาหยางพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ขณะหันไปมองเสนาบดีฟู่ที่ยืนยิ้มอยู่

“ท่านอ๋องจะเสด็จไปชื่นชมสาวงามเหล่านั้นสักหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไปสิ” จินเกาหยางตอบ “ไปแจ้งเจตนาของข้าให้พวกเขารู้ วันหน้าจะได้ไม่ต้องมารบกวนข้าอีก”

ว่าแล้วจินเกาหยางก็ลุกออกจากห้องหนังสือ แล้วเดินไปยังท้องพระโรงด้วยอาการหงุดหงิด โดยมีเสนาบดีกรมคลังติดตามไปด้วย

เมื่อจินเกาหยางมาถึงท้องพระโรงทอง บรรดาขุนนางและหญิงงามทั้งหลายก็พร้อมใจกันคำนับเขา จินเกาหยางมีสีหน้าเย็นชาจนเรียกได้ว่าเยือกเย็น เขาปรายตามองกลุ่มคนเบื้องหน้าก่อนเอ่ยคำถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ