พลส่งข่าวของทัพไป๋หู่ขี่ม้ามาจากเมืองหลวง ชายหนุ่มรูปร่างปราดเปรียวกระโดดลงมาจากหลังม้า เขาทักทายเพื่อนทหารเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามารายงานสถานการณ์ในเมืองหลวงกับฝูซิ่นฮวาที่รออยู่ในกระโจมที่ประชุม
ภายในกระโจมสีขาวหลังใหญ่ มีเพียงฝูซิ่นฮวากับฝูซิ่นเล่อที่อ่านบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสนามรบ และสองสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เพื่อรับใช้ผู้เป็นนาย ทว่าบรรยากาศที่ไม่สมควรให้อึดอัดใจนั้น กลับทำให้พลส่งข่าวรู้สึกอึดอัดใจกับข่าวที่ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่า สมควรจะรายงานต่อฝูซิ่นฮวาหรือไม่
“รายงาน” พลส่งข่าวประสานมือขึ้น
เมื่อเห็นว่ามีผู้มาใหม่ ทั้งกุนซือและแม่ทัพจึงเงยหน้าขึ้นจากสิ่งที่กำลังทำอยู่
“ว่ามา” ฝูซิ่นเล่อพูด
พลส่งข่าวทราบจากพลทหารอื่นว่ายามนี้ท่านกุนซือกำลังป่วย เขาจึงไม่อยากเพิ่มเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจให้นาง ดังนั้นเมื่อถึงคราวต้องเอ่ยรายงาน จึงกล่าวถึงเฉพาะเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ แต่กระนั้นท่าทีผิดปกติที่หลบเลี่ยงสายตาของเขา ก็มิอาจรอดพ้นสายตาของฝูซิ่นฮวาไปได้
“เจ้ายังมีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกกล่าวแก่ข้าหรือไม่” ฝูซิ่นฮวาถามเสียงเรียบ
พลส่งข่าวอ้ำอึ้ง ลังเล และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับฝูซิ่นฮวา
“จงเล่าในสิ่งที่เจ้ายังมิได้เล่า” น้ำเสียงของนางเยือกเย็น ยากจะขัดคำสั่ง
พลทหารเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจที่ชวนให้ฝูซิ่นฮวารู้สึกฉงน
“ยามนี้บรรดาขุนนางทั้งหลายต่างพยายามส่งบุตรีที่เป็นหญิงงามมาให้เว่ยหยางอ๋องคัดเลือกเป็นอนุขอรับ”
หัวคิ้วของฝูซิ่นเล่อขมวดเข้าหากัน พลส่งข่าวมีสีหน้าหนักใจ ในขณะที่ใบหน้าของฝูซิ่นฮวายังคงเรียบเฉย หาได้มีทีท่าหวั่นวิตกแต่อย่างใด
“กระนั้นหรือ” นางยกถ้วยชาสมุนไพรขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนวางลง “คงเป็นเพราะท่านอ๋องมีสถานะเป็นว่าที่ฮ่องเต้พระองค์ต่อไปสินะ”
“เป็นเช่นนั้นขอรับ”
“เจ้าเป็นกังวลว่าข้าจะรู้สึกไม่สบายใจต่อเรื่องนี้ จนมิกล้าเล่าให้ข้าฟังใช่หรือไม่”
“ข้า...”
“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก” ฝูซิ่นฮวาคลี่ยิ้ม “ข้ารู้ดีว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นไร ข้าขอบคุณในความห่วงใยที่มีต่อข้า แต่อย่าได้ห่วงมากถึงกระนั้นเลย มีสิ่งใดเกิดขึ้น เจ้าต้องรายงานให้ข้าทราบ ต่อให้ท่านอ๋องคิดจะรับอนุจริง ๆ ข้าก็ต้องรู้”
“ทราบแล้วขอรับท่านกุนซือ ขออภัยที่ข้าน้อยทำผิดพลาด” พลส่งข่าวประสานมือขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร” ฝูซิ่นฮวาตอบอย่างไม่ถือสา “เจ้ามาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อน กินข้าวกินปลาเถิด”
“ขอรับกุนซือ”
พลส่งข่าวคำนับฝูซิ่นฮวาและฝูซิ่นเล่ออีกครั้ง ก่อนหมุนตัวเดินจากไป แม่ทัพหนุ่มรีบหันมาหาพี่สาวของตนทันที
“ท่านพี่” ฝูซิ่นเล่อเรียกด้วยความเป็นห่วง “หากท่านกังวลใจก็ระบายออกมาเถอะ อย่าเก็บไว้คนเดียวเลย”
“ข้าหาได้เป็นกังวล” ฝูซิ่นฮวายิ้มให้น้องชาย “เกาหยางไม่มีวันทำในสิ่งที่ข้าจะต้องเสียใจหรอก”
“เรื่องนี้ก็พูดยาก” แม่ทัพหนุ่มหน้าตาเคร่งเครียดยิ่งกว่าพี่สาว “วีรบุรุษยากผ่านด่านหญิงงาม ยามนี้คุณหนูตระกูลใหญ่มากมายหวังเข้าหาว่าที่ฮ่องเต้พระองค์ต่อไป บุรุษที่อยู่ตามลำพัง ไร้ภรรยาเคียงข้างกาย จะทนต่อความงามอันยั่วยวนของสตรีมากมายได้หรือ ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว ตั้งแต่ขุนนางไปจนถึงเชื้อพระวงศ์ มีผู้ใดบ้างที่ไม่มีอนุภรรยา เสนาบดีกรมคลังเคยลั่นวาจาว่าจะไม่มีอนุภรรยาใด สุดท้ายกลับมีอนุภรรยาถึงสามคน อ๋องแปดที่ขึ้นชื่อว่ารักพระชายายิ่งกว่าสิ่งใด ก็มีทั้งชายารองและอนุอีกไม่รู้กี่คน”
“แต่จินเกาหยางมิใช่เสนาบดีกรมคลัง แลมิใช่อ๋องแปด แต่เขาคือจินเกาหยางที่เป็นสามีของข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ