ฝูซิ่นฮวายืนพิงกรอบหน้าต่างพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ขณะเฝ้ามองดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า
ก่อนหน้านี้จินเกาหยางมาส่งนางที่จวนแล้วก็กลับออกไป โดยทิ้งคำพูดที่ทำให้นางต้องเก็บเอามาคิด
‘ข้ามั่นใจว่าข้าแสดงออกชัดเจนแล้ว เจ้ามองไม่ออกเลยจริง ๆ หรือว่าข้ารู้สึกเช่นไร’
คำพูดนุ่มนวลของเขายังติดอยู่ในสองหู เมื่อนึกถึงคำพูดพวกนั้น ฝูซิ่นฮวาก็ใจเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม ก่อนกลับจากศึกต้าเจา นางรู้สึกได้ว่าเขาพยายามเอาตัวเข้ามาพัวพันกับนาง มาตอนนี้มีเสวียนชิวเข้ามาวุ่นวาย เขาก็ยิ่งแสดงออกชัดเจน...ชัดเจนมากเสียจนน่าหมั่นไส้เลยด้วยซ้ำ
ฝูซิ่นฮวายกข้อมือของตนที่เริ่มปรากฏรอยช้ำขึ้นมาดู นางรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ตามที่พูด แต่ก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี มีอย่างที่ไหน ฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวนางแล้วยังทำข้อมือของนางเป็นรอยอีก คอยดูเถอะ ฝูซิ่นเล่อหายดีเมื่อไหร่ นางจะให้น้องชายตามไปหักข้อมืออ๋องบ้านั่นเป็นการเอาคืน!
ระหว่างที่หญิงสาวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ลมเย็น ๆ ที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างก็ทำให้นางไอติด ๆ กัน เป็นเหตุให้ภาพจินเกาหยางถอดผ้าคลุมจากกายแล้วนำมาห่มให้นางปรากฏชัดในความคิดอีกครั้ง
“บ้าจริง” ฝูซิ่นฮวาบ่นเมื่อพบว่าตัวเองเผลอนึกถึงจินเกาหยางอีกจนได้ คิดแล้วก็น่าโมโหนัก นี่นางกลายเป็นเด็กสาวเพิ่งหัดมีความรักไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ในที่สุดฝูซิ่นฮวาก็ปิดหน้าต่างแล้วเดินกลับไปที่เตียง พยายามหยุดคิดทุกเรื่องเกี่ยวกับจินเกาหยาง
แล้วหญิงสาวก็ค้นพบว่า การหยุดคิดเรื่องบุรุษผู้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ราวยามซื่อ ของวันต่อมา จวนสกุลฝูค่อนข้างวุ่นวาย เนื่องจากมีแขกมาเยือนถึงสองคน คนหนึ่งคือรัชทายาทแห่งต้าเจาที่มาพร้อมองครักษ์จำนวนมาก ส่วนอีกคนคือเว่ยหยางอ๋อง ผู้ปกครองเมืองเว่ยหยางของแผ่นดินต้าจิน ที่มีองครักษ์ติดตามมาไม่แพ้กัน ราวกับจะมาเปิดศึกที่จวนสกุลฝูก็ไม่ปาน
ฝูซิ่นเล่อที่ยังไม่หายจากอาการเจ็บป่วยออกมาช่วยพี่สาวต้อนรับแขก สองชายหนุ่มแห่งต้าจินดูเหมือนอยากจะฉีกเนื้อรัชทายาทแห่งต้าเจาออกเป็นชิ้น ๆ แต่กระนั้นทั้งสามก็ยังคงฝืนยิ้มให้กัน แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ตลกที่สุดที่ฝูซิ่นฮวาเคยเห็นก็ตาม
“ซิ่นฮวา ข้านำยาแก้ฟกช้ำที่ดีที่สุดมาให้ หวังว่าเจ้าจะให้อภัยข้าเรื่องเมื่อคืน” จินเกาหยางส่งตลับยาสีเงินสลักลายดอกเหมยให้ฝูซิ่นฮวา
“ท่านพี่ ท่านมีแผลหรือ?” ฝูซิ่นเล่อถาม “ท่านมีแผลได้อย่างไร”
“แค่รอยช้ำเล็กน้อย ไม่มีอะไรหรอก” ฝูซิ่นฮวาตอบปัดโดยไม่บอกสาเหตุ หาไม่ ฝูซิ่นเล่อคงกระโจนเข้าใส่จินเกาหยางเป็นแน่
“ได้ยินว่าหมิงยู่โหวสุขภาพไม่ค่อยดี ข้าจึงเอายาบำรุงหลายขนานที่นำติดตัวมาจากต้าเจามาให้ หวังว่าเจ้าจะรับไว้” เสวียนชิวส่งกล่องยาที่ทำจากไม้ผิวเรียบ สลักตราสัญลักษณ์แห่งต้าเจามาให้ฝูซิ่นฮวา “หากเจ้ากินยาบำรุงพวกนี้แล้วร่างกายแข็งแรงขึ้น ข้าก็ดีใจ ต้าเจายังมียาดีอีกมาก หากเจ้ามีโอกาสไปเยือนบ้านเมืองข้าบ้าง ข้าจะพาไปเลือกหายาบำรุงที่คลังเก็บโอสถและสมุนไพรแห่งพระราชวังต้าเจา ที่นั่นมียาดีทุกแขนงที่เจ้าต้องการ”
“เป็นพระกรุณาเพคะ” ฝูซิ่นฮวาตอบอย่างนอบน้อม “แต่หากหม่อมฉันไปต้าเจาจริง องค์รัชทายาทไม่กลัวว่าหม่อมฉันจะนำความลับของต้าเจามาเปิดเผยหรือเพคะ”
เสวียนชิวหัวเราะ
“ยามนี้ข้าและต้าเจาไม่มีความลับอันใดต่อเจ้าหรอก ยิ่งถ้าในอนาคตเจ้าได้ไปเยือนต้าเจาแล้วเกิดชมชอบ อยากปักหลักอยู่ที่ต้าเจา ข้าก็ยิ่งไม่มีความลับอะไรต่อเจ้าทั้งนั้น”
ฝูซิ่นเล่อหรี่ตามองเสวียนชิว ต่อให้มิใช่บุรุษด้วยกันก็คงมองออก ลักษณะท่าทาง การวางตัว แววตา คำพูดคำจา และน้ำเสียงของเสวียนชิว ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ดูเป็นการเกี้ยวพานฝูซิ่นฮวาทั้งสิ้น
ทั้งที่เป็นผู้ขอเจรจาสงบศึก เนื่องจากมิอาจสู้กับแผนการรบของทัพไป๋หู่ได้ แต่กลับคิดเกี้ยวกุนซือของทัพไป๋หู่
ช่างไม่รู้จักเจียมตัวเสียเลย!
“เช่นนั้นวันนี้ข้าขอตัวกลับก่อน ข้าต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”
“ท่านจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้หรือ?” จินเกาหยางถาม “ด้วยเหตุอันใดเล่า”
“ข้ามาเยือนแค้วนจินคราวนี้ นอกจากถวายบรรณาการแล้ว ยังหวังสานสัมพันธไมตรีกับต้าจินให้แน่นแฟ้น ดังนั้นจึงอยากจะทูลปรึกษากับฮ่องเต้ถึงเรื่องนี้” เสวียนชิวตอบ
“…”
“บางที... ข้าอาจจะทูลขอสมรสพระราชทาน”
หลังจากที่เสวียนชิวกลับไป ฝูซิ่นเล่อก็แสดงอาการเดือดดาลอย่างไม่คิดเก็บอารมณ์เลยสักนิด ทั้งที่อยู่ต่อหน้าเว่ยหยางอ๋อง
“ไอ้ลูกสุนัขนั่นคิดจะสานสัมพันธ์กับท่านพี่ ช่างไม่รู้จักเจียมตนแม้แต่น้อย!” ฝูซิ่นเล่อพูดเสียงดัง หากมิใช่เพราะจินเกาหยางอยู่ตรงนี้ด้วย เกรงว่าเขาคงได้ขว้างถ้วยชาที่เสวียนชิวเพิ่งใช้เมื่อครู่แตกกระจายไปแล้ว
“น้องข้า อย่าได้โมโหไป เจ้ายังไม่หายดี” ฝูซิ่นฮวาปราม “ที่สำคัญ เสวียนชิวก็ยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะขอสมรสพระราชทานกับข้า”
“เฮอะ!” ฝูซิ่นเล่อแค่นเสียง “ดูสายตาที่มันมองท่าน เด็กอมมือยังมองออกว่ามันหมายใจอย่างไร อย่าได้พูดเชียวนะว่าท่านดูไม่ออก”
“ข้าดูออก” ฝูซิ่นฮวาพยักหน้ารับ ฝูซิ่นเล่อหรี่ตามองพี่สาว
“อย่าได้คิดใช้กลศึกหญิงงามกับเสวียนชิวนะท่านพี่!”
ฝูซิ่นฮวาถอนหายใจ น้องชายของนางมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้แทบไม่ต่างจากจินเกาหยาง ยังดีที่ฝูซิ่นเล่อยังเกรงใจนางในฐานะพี่สาวอยู่บ้าง จึงไม่ได้บีบข้อมือนางอย่างที่จินเกาหยางทำ
“เจ้าสองคนอย่าได้กังวลไป” จินเกาหยางเอ่ยปรามสองพี่น้อง “ฝ่าบาททรงพระปรีชา ไม่ยอมทำตามที่เสวียนชิวต้องการแน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ