จินเกาหยางนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางเอาจริงของฝูซิ่นฮวา นางดูไม่เหมือนคนที่กำลังล้อเล่นเลยสักนิด สีหน้านางคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม หากสายตาที่มองมายังจินเกาหยางบ่งบอกให้รู้ว่า นางทำจริงตามที่พูดแน่
แม้ชายหนุ่มจะคาดไม่ถึงว่าฝูซิ่นฮวาจะมีปฏิกิริยาตอบรับเช่นนี้ แต่สายเลือดมังกรพูดแล้วมิอาจคืนคำ เขาย่อมต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง จินเกาหยางยืดตัวขึ้น ก่อนจะหันหน้าให้ฝูซิ่นฮวาที่เงื้อมือเตรียมพร้อมตบหน้าเขา
ดูจากท่าทางแล้ว นางคงไม่ออมแรงแน่!
“เหมยเหมย! นั่นเจ้าจะทำอะไร!” เสียงสตรีสูงวัยดังขึ้น
“ท่านย่า” ฝูซิ่นฮวาชะงักมือที่กำลังจะตบลงบนใบหน้าจินเกาหยาง แล้วหันไปทำความเคารพสตรีผู้มาใหม่
“ท่านอ๋อง นี่คือท่านย่าของหม่อมฉันเพคะ” ฝูซิ่นฮวาแนะนำ “ท่านย่า นี่คือเว่ยหยางอ๋อง ผู้ที่นำทัพไป๋หู่ออกศึกแทนซิ่นเล่อเจ้าค่ะ”
จินเกาหยางรีบประสานมือคำนับฮูหยินผู้เฒ่า
“คารวะฮูหยินผู้เฒ่า” จินเกาหยางคำนับผู้สูงวัยด้วยความนอบน้อม โดยไม่ได้ถือตนว่าเป็นอ๋องแต่อย่างใด
ฮูหยินผู้เฒ่าใช้ชีวิตมาหกสิบกว่าปี การมีเชื้อพระวงศ์มาคำนับถึงบ้าน เป็นเรื่องที่นางไม่เคยพบเจอมาก่อน พาให้หญิงชราแปลกใจไม่น้อย แต่กระนั้นนางก็ยังส่งยิ้มให้จินเกาหยาง
“ท่านอ๋องอุตส่าห์มาเยือนถึงจวน เหตุใดเจ้าจึงเสียมารยาทเล่า เหมยเหมย” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ
จินเกาหยางหันไปมองฝูซิ่นฮวาที่ยืนก้มหน้านิ่ง ที่แท้นางก็มีนามรองว่า ‘เหมยเหมย’ นี่เอง
“ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าได้ตำหนิเหมยเหมยเลย เป็นความผิดของข้าเอง ข้าทำให้นางเจ็บก่อน” จินเกาหยางกล่าว
ฝูซิ่นฮวาตวัดสายตามองจินเกาหยางที่เรียกชื่อเล่นของนางอย่างเต็มปากเต็มคำ
“ข้าทำข้อมือของนางเป็นรอยช้ำ วันนี้จึงตั้งใจมาเพื่อให้นางเอาคืน”
“ท่านอ๋องทำข้อมือของเจ้าเจ็บรึ?” ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปถามฝูซิ่นฮวา “ขอย่าดูหน่อย”
ฝูซิ่นฮวายื่นข้อมือที่มีรอยช้ำสีเขียวอมม่วงให้ฮูหยินผู้เฒ่าดู ผู้เป็นย่าขมวดคิ้วราวกับครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนจะมองหลานสาวสลับกับเว่ยหยางอ๋อง
ไปยื้อยุดอะไรกัน ถึงได้มีรอยช้ำที่ข้อมือ แล้วสองคนนี้สนิทกันถึงขั้นไหน ถึงจับมือกันได้
เงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็ยิ้มออกท่ พร้อมกับดึงแขนเสื้อของฝูซิ่นฮวาลงมาปิดข้อมือของนางไว้ตามเดิม
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ท่านอ๋องเป็นถึงอนุชาของฮ่องเต้ เจ้าจะล่วงเกินเช่นนั้นไม่ได้” ฮูหยินผู้เฒ่าว่า
“เจ้าค่ะท่านย่า” ฝูซิ่นฮวาตอบ
จินเกาหยางมองฝูซิ่นฮวาที่ก้มหน้านิ่ง ไม่มีทีท่าดื้อรั้นเหมือนตอนอยู่กับเขา ดูท่าว่าฮูหยินผู้เฒ่าคงเป็นคนเดียวที่ทำให้นางยอมเชื่อฟังเช่นนี้ได้
“ต้องขออภัยฮูหยินผู้เฒ่าที่ข้าทำให้หลานสาวของท่านเจ็บตัว” จินเกาหยางกล่าวด้วยความรู้สึกผิด
“เรื่องนี้จะโทษท่านคนเดียวก็ไม่ได้” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ “ผิวของเหมยเหมยบอบบางมาตั้งแต่เด็ก โดนอะไรนิดหน่อยก็ช้ำแล้ว ต่อไปท่านก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
ฝูซิ่นฮวาถลึงตาออกมาเล็กน้อย ยังจะมีครั้งต่อไปอีกหรือ!?
“ต่อไปข้าจะระวังให้ดี” จินเกาหยางให้คำมั่น
“ท่านย่ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ จึงได้ออกมาจากเรือน” ฝูซิ่นฮวาถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
นางไม่อยากคุยเรื่องที่ถูกเว่ยหยางอ๋องจับมือจนได้รอยช้ำ
“ย่าได้ยินว่าเว่ยหยางอ๋องเสด็จมา จึงตั้งใจจะมาขอบคุณที่ท่านอ๋องนำทัพไป๋หู่ออกศึกแทนซิ่นเล่อ”
“ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าได้เกรงใจ ภาระหน้าที่บ้านเมือง ข้าย่อมเต็มใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับหน้าที่นี้” จินเกาหยางตอบ
“ท่านอ๋องเองก็ดูเหมือนจะใส่ใจเหมยเหมยของข้าไม่น้อย”
“นางเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่ทำให้ข้าอยากจะหันมาใส่ใจใครสักคน”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มออกมาอีกครั้ง
“สิ่งที่ท่านพูดถึงเหมยเหมยนั้นไม่ผิด แต่มีอยู่ข้อหนึ่งที่ท่านควรจะจำไว้ให้ขึ้นใจ”
“สิ่งนั้นคืออะไร”
“เหมยเหมยเป็นคนไม่ยอมแพ้” ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ “เด็กคนนี้ดื้อเงียบ บางครั้งภายนอกนางดูเหมือนยอมจำนน แท้จริงแล้วในใจกลับต่อต้าน ยิ่งท่านพยายามเอาชนะนาง นางก็จะยิ่งพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะท่าน ในอนาคต นางย่อมไม่ใช่ภรรยาที่จะอยู่ในโอวาทสามี ท่านอ๋อง ท่านจะยอมรับข้อเสียข้อนี้ของนางได้หรือ”
จินเกาหยางครุ่นคิดตามที่ฮูหยินผู้เฒ่าบอก หญิงชราไม่พลาดโอกาสที่จะสังเกตปฏิกิริยาของจินเกาหยาง ไม่นานนัก ฮูหยินผู้เฒ่าก็ได้ยินชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ
“มีอะไรหรือท่านอ๋อง”
“ข้ากำลังนึกภาพตัวเองเป็นฝ่ายอยู่ในโอวาทของเหมยเหมย” จินเกาหยางตอบตามตรงพลางหัวเราะในลำคอ “ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าได้ห่วง นิสัยข้าไม่ชอบเอาชนะสตรีอยู่แล้ว อีกทั้งข้าเป็นคนที่ปักใจอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น เรื่องภรรยาสองนั้นต้องห้าม หากได้แต่งกับนาง ข้าจะมีนางเป็นภรรยาเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิต ไม่มีวันทำให้เหมยเหมยต้องเจ็บช้ำน้ำใจเพราะมีหลายภรรยาแน่”
ทุกถ้อยคำของจินเกาหยางทั้งหนักแน่นและจริงใจ ฮูหยินผู้เฒ่าผ่านโลกมามาก นางแน่ใจว่ามองคนไม่ผิด ฝ่ายชายมีความมุ่งมั่นชัดเจน ทั้งยังยอมลงให้ฝูซิ่นฮวาถึงเพียงนี้ ที่เหลือก็คงต้องขึ้นอยู่กับฝูซิ่นฮวาแล้วว่า สุดท้ายนางจะเลือกจินเกาหยางหรือไม่
“ข้านับถือน้ำใจของท่านอ๋อง ข้าไม่ติดขัดอะไร หากท่านกับเหมยเหมยจะมีโอกาสได้เชื่อมวาสนากัน ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนางกับท่าน”
“ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่า” จินเกาหยางประสานมือคำนับ “ข้าขอให้คำสัตย์สาบานต่อท่านว่า หากข้ามีวาสนาได้แต่งกับเหมยเหมย ข้าจะไม่มีวันทำให้นางต้องเจ็บช้ำน้ำใจอย่างเด็ดขาด”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มรับ สิบแปดปีที่ฝูซิ่นฮวาอยู่ตามลำพัง นางเปรียบได้ดังดอกเหมยที่ผลิบานอยู่กลางสนามรบ บุรุษทั่วไปมิอาจเอื้อมถึง แต่มาวันนี้กลับมีหนึ่งบุรุษก้าวเข้ามาเพื่อไขว่คว้านางเอาไว้ข้างกาย
ฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่หวังว่าบุรุษผู้นั้นจะทำได้สำเร็จ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ