เหมยฮวาบัญชาการ นิยาย บท 14

หลังกลับจากจวนสกุลฝู จินเกาหยางก็รีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ด้วยอยากรู้ว่าเสวียนชิวเข้าเฝ้าแล้วกล่าวอะไรกับจินหยางหลงบ้าง ทันทีที่ก้าวเข้าไปในตำหนักที่ประทับ จินเกาหยางก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของพระเชษฐา

“ไอ้พวกต้าเจามันกล้าดีอย่างไร เป็นฝ่ายขอเจรจาสงบศึกแท้ ๆ แต่กล้ามาเรียกร้องขอสมรสพระราชทานเพื่อสานสัมพันธไมตรีจากข้า!”

บรรดานางกำนัลและขันทีพากันตัวสั่น แม้แต่ซูกงกงที่เป็นคนสนิทก็ได้แต่ก้มหน้า มีเพียงสือกุ้ยเฟย พระชายาคนโปรดเท่านั้นที่ยังกล้าสบพระเนตร

“ฝ่าบาท เว่ยหยางอ๋องขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีคนหนึ่งเข้าไปรายงานอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“ให้เข้ามา!”

จินเกาหยางเดินเข้ามาในห้องหนังสือของพระเชษฐา เห็นจินหยางหลงพระพักตร์บึ้งตึงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทรงพระอักษร โดยมีสือกุ้ยเฟยยืนอยู่ข้าง ๆ

“ถวายบังคมเสด็จพี่” จินเกาหยางคุกเข่าลง ยามเมื่ออยู่กันตามลำพัง เขามักเรียกฮ่องเต้เช่นนี้เสมอ

“ลุกขึ้น”

“เป็นพระกรุณาพ่ะย่ะค่ะ”

จินเกาหยางลุกขึ้นยืน ฮ่องเต้ดูเหมือนพระอารมณ์ไม่ดีนัก นั่นทำให้เขาพอจะเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างจินหยางหลงกับเสวียนชิวได้

“เจ้ามาก็ดี รู้หรือไม่ เมื่อครู่เสวียนชิวมาพูดอะไรกับข้า!” จินเกาหยางถาม น้ำเสียงยังเจือความเกรี้ยวกราดไม่น้อย

“มาขอสมรสพระราชทานกับฝูซิ่นฮวาใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้ารู้หรือ?” จินหยางหลงถามอย่างแปลกใจ

“เมื่อเช้าเสวียนชิวไปที่จวนสกุลฝู คำพูดคำจาเกี้ยวพานฝูซิ่นฮวา อีกทั้งยังเอ่ยเรื่องสมรสพระราชทาน กระหม่อมจึงเดาว่าเสวียนชิวน่าจะมาขอสมรสพระราชทานจากเสด็จพี่”

“ใช่ มันต้องการแต่งกับฝูซิ่นฮวา อ้างว่าเพื่อเป็นการสานสัมพันธไมตรี!” จินหยางหลงเล่า “พวกมันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายส่งคนของตัวเองเข้ามาเป็นเครื่องบรรณาการ แต่นี่กลับเรียกร้องคนจากเรา ข้าอยากจะฆ่ามันนัก!”

“เสด็จพี่ทรงระงับพระอารมณ์ก่อน ยามนี้พระวรกายยังไม่แข็งแรง หากกริ้ว เกรงว่าจะประชวร” จินเกาหยางเอ่ยเตือน

“นั่นสิเพคะฝ่าบาท” สือกุ้ยเฟยพยายามปลอบจินหยางหลงอีกคน “พระทัยเย็นก่อนดีกว่า อย่างไรเสีย เราก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธโดยไม่ต้องเกรงใจฝ่ายนั้น อย่ากริ้วไปเลยเพคะ”

จินหยางหลงถอนหายใจแรง ๆ พยายามระงับโทสะ

“เมื่อครู่เจ้าพูดว่าเสวียนชิวไปที่จวนสกุลฝู เจ้าเองก็อยู่ที่นั่นด้วยหรือ” จินหยางหลงถาม

“พ่ะย่ะค่ะ เมื่อเช้ากระหม่อมไปเยี่ยมฝูซิ่นฮวาที่จวน”

จินหยางหลงมองหน้าอนุชาของตนอย่างพิจารณา

“ระหว่างที่ทำสงครามด้วยกัน ความสัมพันธ์ของเจ้ากับนางเป็นเช่นไร”

“เรามีไมตรีที่ดีต่อกันพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้น หากข้าให้เจ้าแต่งกับฝูซิ่นฮวา เจ้าจะว่าอย่างไร”

“กระหม่อมอยู่ในกองทัพร่วมรบกับนาง ย่อมรู้จักนางดี ฝูซิ่นฮวาหาใช่คนที่จะยินยอมเป็นพระสนมของใครพ่ะย่ะค่ะ”

“นางไม่ยอมหรือเจ้าไม่ยอม” จินหยางหลงถามเสียงนุ่ม แม้แต่สือกุ้ยเฟยยังก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม

“กระหม่อมต้องการแต่งงานกับฝูซิ่นฮวา” จินเกาหยางตัดสินใจพูดตามตรง “กระหม่อมยอมรับว่าชอบนาง แต่จะใช้สมรสพระราชทานบังคับนางให้แต่งงานนั้น เป็นเรื่องที่ระหม่อมไม่เห็นด้วย”

คราวนี้จินหยางหลงยิ้มออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับนางน่าจะมีอะไรที่มากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่ทัพกับกุนซือ หากข้าไม่ทำทีเป็นว่าจะแต่งนางมาเป็นสนม เจ้าคิดจะบอกพี่ชายคนนี้หรือไม่ เจ้าน้องชาย” จินหยางหลงหัวเราะ “เจ้านี่ร้ายนัก ที่ผ่านมาข้าสรรหาหญิงงามมาให้ตั้งเท่าไหร่ เจ้าก็ไม่สนใจ แต่กลับหมายตาอาวุธชิ้นสำคัญของข้า”

“ฝ่าบาทจะว่าท่านอ๋องเช่นนั้นก็ไม่ถูกนะเพคะ เพราะฝ่าบาทเป็นคนส่งท่านอ๋องไปนำทัพไป๋หู่ ทำให้ท่านอ๋องได้อยู่ใกล้ชิดกับหมิงยู่โหวเอง” สือกุ้ยเฟยกล่าวยิ้ม ๆ

“จริงของเจ้า” จินหยางหลงว่า “เช่นนั้นเจ้าเห็นว่าข้าควรจะรับผิดชอบเรื่องนี้เช่นไร กุ้ยเฟย”

“สนับสนุนเว่ยหยางอ๋องเพคะ” สือกุ้ยเฟยตอบด้วยรอยยิ้ม จินหยางหลงหัวเราะอย่างพอใจ

“ว่าอย่างไรเล่าเกาหยาง ข้าสนับสนุนเจ้าแล้ว เจ้าจะทำเช่นไรต่อไป”

“เป็นพระกรุณาพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่เรื่องนี้ กระหม่อมต้องการให้เกิดจากความสมัครใจของนางด้วย ขอเสด็จพี่อย่าเพิ่งพระทัยร้อน ให้กระหม่อมค่อย ๆ คุยกับนางไปก่อน หากนางยอมตกลงเมื่อใด กระหม่อมจะมาทูลขอสมรสพระราชทานด้วยตัวเอง”

“เช่นนั้นก็ทำให้นางยอมตกลงปลงใจกับเจ้าให้ได้เล่า ข้ากับกุ้ยเฟยรอข่าวดีอยู่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ