บทที่ 50 ข่าวถึงต้าเจา
ซินเอ๋อร์ขออนุญาตฮูหยินผู้เฒ่าออกไปซื้อของใช้ในตลาด หากแท้จริงแล้วนางลอบนำจดหมายออกมาส่งให้คนของจงหุย
ใบหน้างดงามถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าผืนบาง กระนั้นความงามของนางก็ยังฉายชัดผ่านดวงตา หญิงสาวมองหาคนของจงหุยที่ควรจะรอนางอยู่แถวร้านขายเครื่องเรือน เพียงไม่นานนัก นางก็ถูกเรียกจากทางด้านหลัง
“แม่นางขอรับ นายท่านให้ข้ามารับของจากท่าน” ชายผู้หนึ่งกล่าว
ซินเอ๋อร์หันไปมองก็พบว่าเป็นคนของจงหุยที่เคยพบหน้ายามอยู่ที่จวนเสนาบดี หญิงสาวหันมองซ้ายขวาก่อนลอบส่งจดหมายให้ชายหนุ่ม
“พ่อข้าฝากข้อความอันใดมาถึงข้าบ้างหรือไม่” นางถาม
“ไม่มีขอรับ ได้ยินนายท่านเล่าว่าบิดาและพี่ชายของแม่นางกำลังยุ่งอยู่กับการ ‘รวบรวมข้าวของ’ ขอรับ”
“อ้อ” ซินเอ๋อร์ตอบรับสั้น ๆ นึกเย้ยหยันตัวเองอยู่ในใจที่คิดว่าพระบิดาจะทรงมีพระทัยห่วงใยนางบ้าง
“เจ้าจะไปไหนก็ไปเถอะ ข้าจะกลับแล้ว”
“ขอรับแม่นาง” คนของจงหุยประสานมือคำนับซินเอ๋อร์ แล้วรีบเดินปะปนไปกับฝูงชนเพื่อกลับจวนเสนาบดีจง
ซินเอ๋อร์ยืนนิ่งอยู่กับที่ครู่ใหญ่ นางนึกถึงใบหน้าของฮ่องเต้ต้าเจา สำหรับนาง เขาเป็นฮ่องเต้อย่างแน่นอน แต่จะเป็นพ่อให้นางด้วยหรือไม่ นางเองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก
ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับพระองค์ห่างเหิน จนไม่มีแม้กระทั่งสายใยแห่งความเป็นพ่อลูกที่จะผูกพันกันไว้
ซินเอ๋อร์ถอนหายใจก่อนเดินกลับจวนสกุลฝูด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ทุกอย่างที่นางทำลงไปนางปรารถนาเพียงให้แม่และน้องได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่กระนั้นก็ยังแอบหวังไม่ได้ว่าจะได้รับเศษเสี้ยวความห่วงใยจากผู้เป็นพ่อบ้าง
แม้เพียงหนึ่งในหมื่นส่วนก็ยังดี
ที่จวนสกุลฝู ฝูซิ่นเล่อกำลังนั่งอ่านจดหมายฉบับที่ซินเอ๋อร์ส่งไปให้จงหุย
จดหมายของซินเอ๋อร์ถูกสับเปลี่ยนท่ามกลางฝูงชนที่อยู่ปะปนกันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร คนของจงหุย หรือที่จริงแล้วคือคนของเขากับจินเกาหยางได้แอบสลับจดหมายของซินเอ๋อร์มาให้คนของเขา และเปลี่ยนเอาจดหมายอีกฉบับที่เขาให้คนปลอมลายมือของนางจากที่เคยให้นางวาดภาพและคัดอักษรให้ดู
แม้ข้อความในจดหมายจะบอกเล่ารายละเอียดเรื่องการแตกความสามัคคีของทหารในทัพไป๋หู่ และความสัมพันธ์ที่กำลังเกิดความร้าวฉานของฝูซิ่นเล่อ จินเกาหยาง และฝูซิ่นฮวา แต่กุนซือแห่งทัพไป๋หู่ก็ยังไม่วางใจในจดหมายของซินเอ๋อร์ จึงมีคำสั่งให้สกัดจดหมายทุกฉบับของนางไว้ เพื่อนำมาตรวจสอบหาถ้อยคำหรือข้อความแอบแฝงใด ๆ ที่อาจเป็น ‘รหัสลับ’ ที่ใช้สื่อสารถึงฮ่องเต้ต้าเจาได้ และให้คนปลอมจดหมายตามข้อความที่นางต้องการแทน
ฝูซิ่นเล่อคิดว่าบางทีฝูซิ่นฮวาอาจคิดมากไป ซินเอ๋อร์ดูไม่ได้มีพิษสงถึงเพียงนั้น แต่คนรอบคอบอย่างฝูซิ่นฮวาย่อมไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่ตนสงสัยผ่านไปง่าย ๆ และเมื่อนางสั่งคำไหนก็ย่อมต้องเป็นคำนั้นเสมอ
“ส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้พี่ข้าที่ตำหนักเว่ยหยางอ๋อง” ฝูซิ่นเล่อส่งจดหมายของซินเอ๋อร์ให้ทหารคนสนิท
“ขอรับท่านแม่ทัพ” พลทหารรับจดหมายมาใส่ไว้ในอกเสื้อ หากสายตามองไปยังภาพวาดที่ฝูซิ่นเล่อวาดทิ้งไว้อย่างใคร่รู้
“มองอะไร” น้ำเสียงห้วน ๆ ถามขึ้น
“ข้าน้อยต้องรายงานท่านกุนซือด้วยหรือไม่ขอรับ ว่าขณะนี้ท่านแม่ทัพมีนางในดวงใจแล้ว”
“พูดมาก! จะไปไหนก็ไป”
“เช่นนั้นข้าขอไปดูภาพที่ท่านแม่ทัพวาดใกล้ ๆ นะขอรับ”
ฝูซิ่นเล่อยกกระบี่ที่ยังไม่ถอดออกจากฝักฟาดไปที่พลทหารคนสนิทจอมวุ่น ทหารหนุ่มหัวเราะกวนประสาทผู้เป็นนาย ก่อนรีบเผ่นหนีไปหากุนซือฝูที่เมืองเว่ยหยาง
เรื่องที่ท่านแม่ทัพมีนางในดวงใจ ต้องรีบรายงานให้ท่านกุนซือทราบโดยไวเสียแล้ว
บทที่ 51 เจ้าอยากมีลูก ข้าก็ช่วยเจ้าอยู่นี่ไง
พลทหารคนสนิทของฝูซิ่นเล่อนำจดหมายขององค์หญิงซินเอ๋อร์มาส่งให้ฝูซิ่นฮวาถึงตำหนักเว่ยหยางอ๋อง ทหารหนุ่มรายงานทุกเรื่องอย่างละเอียด ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องที่ฝูซิ่นเล่อมักวาดภาพสตรีผู้หนึ่งที่ไม่ทราบว่าเป็นใครอยู่บ่อยครั้งที่มีเวลาว่าง
“ภาพสตรี?” ฝูซิ่นฮวาทวนคำ “น้องชายข้าไปพบกับหญิงใดเข้า จึงได้เก็บเอามาวาดภาพได้”
“เท่าที่ข้าน้อยติดตามท่านแม่ทัพ ก็ไม่เห็นว่าท่านแม่ทัพจะพบสตรีใด นอกจากองค์หญิงซินเอ๋อร์นะขอรับ”
“แล้วภาพที่เขาวาดไม่ใช่ภาพองค์หญิงซินเอ๋อร์หรือ?”
“มีภาพองค์หญิงซินเอ๋อร์ภาพหนึ่งขอรับ แต่เป็นภาพที่ท่านแม่ทัพวาดส่งๆ เพื่อให้องค์หญิงซินเอ๋อร์มาพบและเข้าพระทัยผิดว่าท่านแม่ทัพมีใจให้ แต่ภาพสตรีอีกคนที่สวมชุดแปลกประหลาด ท่านแม่ทัพดูเหมือนจะตั้งใจวาดเป็นพิเศษ ทั้งยังมีจำนวนไม่น้อยด้วยขอรับ”
“ท่านพี่มีอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดสีหน้าจึงเคร่งเครียดเช่นนั้น” ฝูซิ่นฮวาถาม
จินเกาหยางส่งยิ้มจาง ๆ ให้นาง “ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงแค่คิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถมอบอ๋องน้อยไว้ในครรภ์ของเจ้าได้”
จินเกาหยางไม่รอให้ฝูซิ่นฮวาเอ่ยทัดทานหรือถ้อยคำบริภาษใด ๆ ได้ เขาก้มลงปิดปากนางด้วยริมฝีปากของเขา ในขณะที่มือร้อนลูบไล้ตามเรือนร่างของอีกฝ่ายพร้อม ๆ กับปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกจากกายอย่างชำนาญ
ฝูซิ่นฮวาลอบถอนใจกับความเอาแต่ใจของสามี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด มีเรื่องราวน่าปวดหัวเพียงใด จินเกาหยางก็คือจินเกาหยาง เขาสามารถหาเหตุผลและวิธีการต่าง ๆ นานามาเล่นงานนางได้ทุกครั้งที่ต้องการ
“ไยเจ้าจึงทำหน้าราวกับเอือมระอาข้าเช่นนั้น” จินเกาหยางถามด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ
“ข้ากำลังคิดว่า โลกนี้พอจะมียาวิเศษอันใดมาใช้รักษาธาตุไฟในกายสามีของข้าได้บ้างหรือไม่”
คราวนี้ผู้เป็นสามีหัวเราะเสียงใส ก่อนใช้ปลายนิ้วลูบไล้ผิวแก้มเนียนละเอียดแผ่วเบา
“มีสิ ยานั้นคือตัวเจ้าอย่างไรเล่า” เขาพูดพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ ฝูซิ่นฮวามองค้อนสามีของนางด้วยความหมั่นไส้
“ยังจะมองข้าเช่นนั้นอีก นี่ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่นะ”
“ท่านช่วยอะไรข้ากัน” ฝูซิ่นฮวาถาม “ข้าหาได้เป็นฝ่ายต้องการนะ”
“ต้องการสิ” จินเกาหยางเถียง “เจ้าอยากมีลูกมิใช่หรือ ข้าก็ช่วยเจ้าอยู่นี่ไง”
คนอยากมีลูกถูกแกล้งจนโลหิตสูบฉีดไปทั่วร่าง ส่งผลให้เนื้อตัวเป็นสีแดงระเรื่อ จนจินเกาหยางปรารถนาจะสัมผัสนางให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
รอยจุมพิตที่ประทับลงบนเรือนร่างงาม หาได้มีเพียงความใคร่ แต่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย จินเกาหยางเฝ้ากระซิบถ้อยคำบอกรักอยู่ข้างหูของฝูซิ่นฮวา สลับกับการไถ่ถามความรู้สึกของนางไปด้วย เพราะรู้ดีว่าร่างกายของภรรยาเปราะบางราวผลึกแก้ว แม้มีความต้องการมากล้นเพียงใด หากฝูซิ่นฮวาทนรับไม่ไหว เขาก็พร้อมที่จะหยุด
เสียงครางแผ่วเบาไพเราะอ่อนหวานคือคำตอบรับที่ดีที่สุด จินเกาหยางรู้ว่าเขาและภรรยาสามารถเดินไปสู่จุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยความสุขสมด้วยกันได้ สองแขนล่ำสันของเขาโอบกอดนางไว้แนบแน่น เช่นเดียวกับที่สองแขนเรียวโอบกอดเขา ร่างทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งด้วยความรักและความอ่อนโยน
นั่นคือความสุขที่คนสองคนจะสามารถพานพบด้วยกันได้ ภายใต้แสงแห่งดวงดาวยามราตรี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ