ที่จวนสกุลฝู ฝูซิ่นเล่อเพิ่งกลับมาจากการฝึกทหารในกองทัพ แม่ทัพหนุ่มกระโดดลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ดังเช่นทุกวัน หากดวงตากวาดมองไปรอบ ๆ ราวกับกำลังมองหาใครบางคน
ฝูซิ่นเล่อยังไม่ทันกะพริบตาด้วยซ้ำ เงาร่างของใครบางคนก็ปรากฏขึ้น เป็นซินเอ๋อร์นั่นเองที่วิ่งมาต้อนรับเขาก่อนใคร
“ท่านแม่ทัพ” ซินเอ๋อร์เรียกพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส “วันนี้ข้าตุ๋นน้ำแกงหวานเอาไว้ ท่านแม่ทัพลองชิมดูสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ”
“อืม” ฝูซิ่นเล่อตอบเสียงเรียบ ซินเอ๋อร์แสร้งเป็นยินดีราวสาวน้อยไร้เดียงสา หากแม้มิใช่เพราะรู้ว่านางมีจุดประสงค์ใด ฝูซิ่นเล่อก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะหลงเสน่ห์นางหรือไม่
แม่ทัพหนุ่มเดินนำเข้าไปในจวน ซินเอ๋อร์รีบตามไปช่วยปลดผ้าคลุมออกจากเรือนกายล่ำสันดังเช่นที่เคยทำทุกวัน
ทุกครั้งที่ซินเอ๋อร์คอยดูแลฝูซิ่นเล่อ นางจะพยายามสัมผัสเนื้อตัวเขาให้มากที่สุด หวังให้ชายหนุ่มรู้สึกโอนอ่อนหวั่นไหว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกครั้งที่สัมผัสถูกร่างกายแม่ทัพที่เป็นศัตรูของบิดา นางกลับเป็นฝ่ายที่รู้สึกหวั่นไหวเสียเองทุกครั้ง
“ข้าจะไปนำน้ำแกงหวานมาให้ท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ” ซินเอ๋อร์พูดอย่างเอาใจ
ฝูซิ่นเล่อไม่ตอบอะไร นอกจากนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สลักลายพยัคฆ์ พลทหารคนสนิทมายืนเคียงข้างผู้เป็นนายตามความเคยชิน รออยู่ครู่หนึ่ง โฉมสะคราญที่รับหน้าที่เป็นสาวใช้ของเขาก็ยกน้ำแกงหวานมาให้
ชายหนุ่มยื่นมือไปรับถ้วยน้ำแกงหวาน มือหยาบสัมผัสกับมือเรียวนุ่มนิ่ม ฝูซิ่นเล่อชะงักไปเล็กน้อยก่อนชักมือกลับ พลางยกมือขึ้นลูบจมูกตัวเองราวเก้อเขิน ในขณะที่ซินเอ๋อร์มีท่าทีเอียงอาย
พลทหารคนสนิทของฝูซิ่นเล่อกลั้นหัวเราะ เพราะไม่รู้ว่าระหว่างท่านแม่ทัพกับซินเอ๋อร์ ใครแสดงบทเขินอายได้สมจริงกว่ากัน
“ขอโทษด้วย” ฝูซิ่นเล่อกล่าว
“หามิได้เจ้าค่ะ” ซินเอ๋อร์ตอบ “ให้ข้าป้อนดีหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าจะป้อนข้าหรือ?” ฝูซิ่นเล่อถาม พลันเกิดความรู้สึกแปลกพิลึกในใจ
นางเห็นเขาเป็นเด็กสามขวบหรือไร?
แม่ทัพหนุ่มเหลือบมองพลทหารคนสนิท เห็นเขากำลังก้มหน้ายิ้มแล้วอดหงุดหงิดไม่ได้ จนต้องออกปากไล่
“เจ้าจะไปไหนก็ไป”
“ขอรับท่านแม่ทัพ” พลทหารหนุ่มตอบรับทั้งรอยยิ้ม ก่อนถอยหลังออกจากห้องไป ทิ้งให้ฝูซิ่นเล่อตกอยู่ในความดูแลเอาอกเอาใจของหญิงงาม
ฝูซิ่นเล่อปล่อยให้ซินเอ๋อร์ตักน้ำแกงป้อนตามที่นางต้องการ ทั้งที่เขาสามารถยกดื่มได้รวดเดียวหมดถ้วย
ครู่หนึ่งฝูซิ่นเล่อก็ดื่มน้ำแกงหวานจนหมด ซินเอ๋อร์ใช้ผ้าเช็ดหน้าลายปักเช็ดที่ริมฝีปากให้เขาอย่างเบามือ แม่ทัพหนุ่มดูคล้ายหนุ่มน้อยกำลังเขินอายที่พยายามเก็บซ่อนความรู้สึก เป็นเหตุให้อีกฝ่ายยิ้มบาง
“วันนี้ดูท่านแม่ทัพเหนื่อยกว่าทุกวัน มีเรื่องวุ่นวายใจอะไรหรือเจ้าคะ” ซินเอ๋อร์ถามพลางเข้าไปช่วยบีบนวดฝูซิ่นเล่อ
“มีปัญหาเรื่องการฝึกทหารใหม่นิดหน่อย” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบราวกับกำลังเล่าเรื่องทั่ว ๆ ไปหากผู้ฟังกลับพยายามเก็บความทุกพยางค์อย่างตั้งใจ “ทหารเก่ากับทหารใหม่เข้ากันไม่ค่อยได้ ทะเลาะเบาะแว้งกันจนข้ารำคาญใจ วันนี้จึงสั่งลงโทษไปเกือบพันคน”
“คนเราก็เป็นเช่นนี้ เมื่อไม่รู้จักก็ย่อมไม่เข้าใจกันจนเกิดเรื่องวิวาทขึ้น”
“บางครั้งแม้รู้จักกันดีก็ใช่จะวางใจได้” ฝูซิ่นเล่อพูดเสียงเรียบ
ซินเอ๋อร์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนระบายรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับลงมือบีบนวดฝูซิ่นเล่อต่อ
“นั่นสิเจ้าคะ”
ฝูซิ่นเล่อคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ปล่อยให้โฉมสะคราญบีบนวดตนไปเรื่อย ๆ กระทั่งพลทหารเข้ามารายงานว่าเว่ยหยางอ๋องและพระชายาเสด็จมาเยี่ยม
หลังจากจินเกาหยางกับฝูซิ่นฮวาไปคำนับฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว ทั้งสองจึงมาพบฝูซิ่นเล่อที่เรือนของเขา ครั้นมาถึงและเห็นซินเอ๋อร์ยืนอยู่ข้างกายฝูซิ่นเล่อก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“เห็นทีคราวนี้ข้าจะได้น้องสะใภ้แล้วกระมัง” ฝูซิ่นฮวาเอ่ยเย้า ซินเอ๋อร์ก้มหน้ายิ้มด้วยท่าทีเอียงอาย ในขณะที่แม่ทัพฝูผู้องอาจยกมือขึ้นเกาข้างแก้มคล้ายมีความขัดเขิน จนฝูซิ่นฮวานึกหมั่นไส้น้องชาย
ช่างเล่นบทหนุ่มน้อยหัดมีความรักได้น่าตียิ่งนัก
“หม่อมฉันจะไปยกน้ำชามาให้ท่านอ๋องกับพระชายานะเพคะ” ซินเอ๋อร์พูดพลางส่งสายตาเขินอายไปทางจินเกาหยางเล็กน้อย
“เดี๋ยวข้าไปช่วย” จินเกาหยางลุกขึ้นยืน “เหมยเหมยมักจุกจิกเรื่องการชงชา เจ้าทำไม่ถูกใจนางหรอก เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
ซินเอ๋อร์นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของเว่ยหยางอ๋อง มีที่ไหน สามีปรนนิบัติชงชาให้ภรรยา
“เจ้าไม่ต้องทำหน้าสงสัยเช่นนั้นหรอก ในต้าจินมีผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าข้าจินเกาหยางกลัวภรรยายิ่งกว่าฮ่องเต้เสียอีก”
ฝูซิ่นฮวามองค้อนสามี
“เช่นนั้นเชิญท่านอ๋องทางนี้เพคะ”
จินเกาหยางลอบขยิบตาให้สองพี่น้องสกุลฝู โดยที่ซินเอ๋อร์ไม่ทันสังเกตเห็น จากนั้นทั้งสองก็เดินไปที่ห้องครัวด้วยกัน
“อยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง” จินเกาหยางเป็นฝ่ายชวนคุยขณะกำลังชงชา
“ท่านแม่ทัพดีต่อหม่อมฉันมากเพคะ แต่บางครั้งก็เข้มงวดมากเหลือเกิน” ซินเอ๋อร์ตอบ น้ำเสียงตอนท้ายแผ่วลงคล้ายหวาดกลัว
“อย่างนั้นรึ” จินเกาหยางถาม “ซิ่นเล่อเป็นทหารย่อมเข้มงวดเป็นธรรมดา หากเจ้าทนไม่ไหว ย้ายไปอยู่ที่ตำหนักเว่ยหยางอ๋องกับข้าดีหรือไม่”
“ท่านอ๋องรับสั่งจริงหรือเพคะ”
“จริงสิ เหตุใดจะมิได้เล่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ