สายสืบของเสวียนชิวเข้ามารายงานสถานการณ์ของเมืองต้าจินในกระโจมที่ประชุมของทัพต้าเจา
รายงานที่ได้รับมีใจความว่าจงหุยทำผิดพลาดจนถูกจับได้ว่าเป็นกบฏและต้องโทษประหาร ทหารต้าเจาที่เสวียนชิวมอบให้จงหยวนกับกองทหารลับที่จงหุยวางแผนให้ลอบเข้าเมืองไปก่อความวุ่นวาย รวมทั้งสิ้นเจ็ดพันนาย ล้วนถูกทหารทัพไป๋หู่เล่นงาน ทั้งบาดเจ็บและล้มตาย คนที่รอดชีวิตต่างก็ยอมจำนนจนตกเป็นเชลยศึกของฝ่ายตรงข้าม
“สารเลว!” เสวียนชิวบันดาลโทสะด้วยการใช้วิชาฝ่ามือทุบปฐพี ทุบโต๊ะไม้แข็งแกร่งจนหักคามือ “ข้ามอบทหารให้สกุลจง พวกมันทำผิดพลาดจนตัวตายไม่พอ ยังพาทหารของข้าไปตายด้วย ข้าอยากจะเอาศพของมันมาสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้นยิ่งนัก!”
ทุกคนในกระโจมที่ประชุมต่างพากันเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ แม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
“มีข่าวจากซินเอ๋อร์บ้างหรือไม่” เสวียนชิวถาม แต่ไม่ใช่เพราะความเป็นห่วง เขาเพียงต้องการทราบว่านางยังสามารถทำงานให้เขาได้หรือไม่
“เรียนท่านแม่ทัพ หลังจากที่จงหุยถูกประหารก็ไม่สามารถติดต่อกับองค์หญิงซินเอ๋อร์ได้อีก แต่มีข่าวลือว่าฝูซิ่นเล่อหลงใหลองค์หญิงถึงขั้นยอมทำผิดกฎกองทัพ พาองค์หญิงติดตามมาร่วมทัพด้วย”
“ดี!” ดูเหมือนโทสะของเสวียนชิวจะคลายลงบ้าง “หากพวกนั้นไปถึงหลันเจาเมื่อไหร่ ก็หาทางติดต่อกับซินเอ๋อร์ให้ได้ ส่วนยามนี้เรามาแก้แค้นให้พี่น้องของเราที่ถูกทัพไป๋หู่เล่นงานกันก่อน”
เสวียนชิวยิ้มเหี้ยม
“รุ่งสาง โจมตีเมืองลั่วชิว!”
เมืองลั่วชิวคือเมืองที่อยู่ในการปกครองของต้าจิน มีอาณาเขตติดต่อกับต้าเจา ถือเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นนักโทษที่ถูกเนรเทศให้มาใช้แรงงาน จึงกลายเป็นเมืองที่ค่อนข้างเงียบสงบและไม่ได้รับความใส่ใจเท่าใดนัก
แต่แล้วจู่ ๆ แผ่นดินที่สงบเงียบก็สั่นสะเทือนราวแผ่นดินไหว ตั้งแต่ก้อนกรวดไปจนถึงเม็ดทราย ตั้งแต่เม็ดทรายไปจนถึงเถ้าธุลีล้วนกระจายฟุ้ง เสียงฝีเท้าของกองทัพทหารม้าดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ประตูเมืองถูกทำลายลง พร้อมกับกองทัพทหารต้าเจาที่ควบม้าเข้าเมืองอย่างอหังการ เพื่อหวังยึดครองเมืองเล็กของต้าจิน ดังเช่นที่ต้าจินเคยทำกับเมืองในปกครองของตน
“หยุด!” แม่ทัพที่นำทัพมาแทนเสวียนชิวตะโกนสั่ง เมื่อเมืองลั่วชิวทั้งเมืองเงียบผิดปกติ จนเรียกได้ว่าเป็นเมืองร้าง แม้แต่ผู้คนที่จะเดินตามท้องถนนสักคนก็หามีไม่
ทั้งหมดเงียบไปครู่ใหญ่ เหล่าพลทหารเริ่มหันมามองหน้ากัน บ้างเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวง
ท่ามกลางความเงียบจนน่าหวั่นใจนั้น จู่ ๆ เสียงลั่นกลองรบก็ดังกระหึ่มขึ้น!
ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองหาที่มาของเสียงกลอง มือจับอาวุธมั่น แต่ไม่ว่าจะมองไปยังทิศทางใด ก็ดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงกลองดังมาจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งยังเร่งจังหวะโหมเร็วขึ้น เร็วขึ้น เช่นเดียวกับเสียงหัวใจที่กำลังเต้นรัวแรงด้วยความหวาดกลัวของผู้ฟัง
เพียงชั่วพริบตา ทหารกล้าแห่งทัพไป๋หู่ก็ควบม้าออกมาจากทุกทิศทุกทาง พร้อมจู่โจมทหารต้าเจาด้วยอาวุธทุกชนิดที่มี และโจมตีด้วยวิธีการทุกรูปแบบอย่างไร้ซึ่งความปรานี
“เป็นไปไม่ได้ ทหารพวกนี้ควรจะอยู่ที่หลันเจา!” แม่ทัพแห่งต้าเจาร้องอย่างตื่นตระหนก
เพราะตามข่าวที่ได้รับมาควรเป็นเช่นนั้น
องค์หญิงซินเอ๋อร์เคยบอกมาในจดหมายว่า ทัพไป๋หู่หมายจะไปตั้งฐานที่มั่นอยู่ในเมืองหลันเจา และบัดนี้ทหารในกองทัพไป๋หู่ก็แตกความสามัคคี ทหารเก่ากับทหารใหม่ต่อสู้กันเอง เมืองลั่วชิวที่อยู่ชายแดนก็เป็นดินแดนแร้นแค้น ไม่มีใครสนใจจะป้องกัน ไฉนยามนี้ทหารที่ว่าแตกความสามัคคีกลับร่วมมือร่วมใจกันผนึกกำลังต่อสู้อยู่ในเมืองลั่วชิวที่ไม่มีผู้ใดสนใจจะคุ้มกัน
“ท่านแม่ทัพ! เราถูกพวกมันโอบล้อมไว้ทุกทางแล้ว!” พลทหารนายหนึ่งตะโกน
“ด้านหลังยังมีทางหนี” แม่ทัพตะโกนตอบ “ถอยกลับไปทางเดิม!”
ว่าแล้วแม่ทัพต้าเจาก็หมุนม้ากลับไปทางประตูเมืองพร้อมคำสั่งถอนทัพ ทหารต้าเจาที่ถูกโจมตีหนีตายออกจากเมืองลั่วชิว กระนั้นสองข้างทางก็ยังมีทหารทัพไป๋หู่คอยซุ่มโจมตีอยู่
‘หากต้าเจาส่งกองทัพไปยังเมืองลั่วชิว เราสามารถปิดล้อมทางเข้าออกเมืองแล้วโจมตีพวกนั้นได้’ เฉาเทียนออกความเห็นในที่ประชุม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ