หลังจากที่จินเกาหยางแสร้งทำเป็นบาดเจ็บหนัก ฝูซิ่นฮวาก็คอยดูแลป้อนยาชายหนุ่มด้วยตัวเอง นางวิ่งเข้าวิ่งออกกระโจมของเขาอยู่หลายครั้ง ทั้งต้มยา เปลี่ยนน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาแทนการอาบน้ำ กำชับแล้วกำชับอีกว่า ระยะนี้ให้เขาทำความสะอาดร่างกายด้วยการเช็ดตัวเท่านั้น ห้ามให้แผลโดนน้ำโดยเด็ดขาด นอกจากนี้นางยังสั่งการเขาอีกหลายเรื่องก่อนกลับไปยังกระโจมของตน โดยที่จินเกาหยางมิได้เอ่ยคัดค้านแม้แต่ประโยคเดียว
แต่แล้วตกดึกคืนนั้น นอกกระโจมของจินเกาหยางกลับมีคนวิ่งวุ่นไปมา แลดูวุ่นวายชอบกล แม่ทัพหนุ่มจึงเรียกมู่จิ่วเข้ามาถาม ได้ความว่ากุนซือที่คอยดูแลเขาเมื่อช่วงหัวค่ำ ยามนี้นี้มีไข้ขึ้นสูง ตัวร้อนจัดจนต้องเรียกหมอเข้ามาดูอาการ
จินเกาหยางไม่รอช้า รีบตามเข้าไปในกระโจมของฝูซิ่นฮวาเพื่อดูว่านางเป็นอย่างไรบ้าง ภาพแรกที่เขาได้เห็นก็คือฝูซิ่นฮวากำลังนั่งอยู่บนฟูก สวมเพียงเสื้อชั้นกลาง ปล่อยผมยาวสยายถึงเอว ใบหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้ นางกำลังให้หมอตรวจดูอาการเงียบ ๆ จินเกาหยางจึงเดินไปหยุดอยู่ข้างหมอโดยไม่พูดอะไร
ครู่หนึ่งหมอก็ตรวจดูอาการให้ฝูซิ่นฮวาเสร็จเรียบร้อย พร้อมทั้งจัดยาให้นาง จินเกาหยางสั่งให้มู่จิ่วออกไปต้มยามาให้โดยไว ในขณะที่ตัวเขานั่งอยู่เป็นเพื่อนหญิงสาวในกระโจมเพื่อสอบถามอาการเจ็บป่วย
“ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอก เป็นเรื่องปกติ หากข้าไม่ป่วยสิแปลก” นางหัวเราะเบา ๆ
“มันต้องมีสาเหตุสิ ว่าเพราะเหตุใดเจ้าจึงเจ็บป่วยอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้” จินเกาหยางพูดอย่างไม่สบายใจ
“ร่างกายข้าไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็กแล้ว” ฝูซิ่นฮวาเล่า “ท่านคงพอทราบมาบ้าง บิดาข้าเป็นแม่ทัพ เข้มงวดกับลูกทุกคน ไม่เว้นแม้แต่กับลูกสาวอย่างข้า วันหนึ่งตอนเป็นเด็ก ข้าแอบออกไปเล่นหิมะนอกบ้าน พอท่านพ่อจับได้ ก็ทำโทษให้ข้าออกไปนั่งตากหิมะอยู่หนึ่งชั่วยาม หลังจากนั้นข้าก็ป่วยหนัก ต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเดือน หลังจากที่หายป่วย ร่างกายข้าก็อ่อนแอ อะไรนิดอะไรหน่อยก็เป็นอันต้องเจ็บป่วยอยู่ร่ำไป ท่านพ่อจึงพาข้าเข้ามาอยู่ในกองทัพพร้อมกับน้องชาย ให้อยู่กับเหล่าทหาร ทำทุกอย่างที่พลทหารต้องทำ เพื่อหวังให้ร่างกายข้าแข็งแรงขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าข้ายิ่งป่วยหนักขึ้นทุกที หมอบอกว่าร่างกายข้าจะไม่กลับมาแข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่นได้ ท่านพ่อเสียใจยิ่งนัก จึงชดเชยให้ข้าด้วยการสั่งสอนเรื่องราวในกองทัพ ทั้งการปกครองทหาร การวางกลศึก การประเมินศัตรู มีตำราพิชัยยุทธ์ ตำราฝึกวรยุทธ์มากเท่าใด ก็ขนมาให้ข้าศึกษาจนหมดสิ้น ท่านพ่อบอกว่า แม้ข้าจะไม่สามารถออกไปสู้รบกับข้าศึกศัตรูได้ แต่ท่านพ่อจะทำให้ข้าเป็นผู้บัญชาการศึกให้ได้ จากนั้นข้าก็อาศัยอยู่ในกองทัพ คอยศึกษาตำราของท่านพ่อ เฝ้าดูทหารในค่ายฝึกวรยุทธ์ กระบวนท่าใดมีจุดอ่อนตรงไหน จะเอาชนะได้อย่างไร ข้าล้วนมองออกทั้งสิ้น ความรู้ข้าเพิ่มพูนมากขึ้นทุกวัน แต่ร่างกายกลับไม่เคยแข็งแรงขึ้นเลย ตอนเด็กเจ็บไข้บ่อยครั้งเพียงใด ยามนี้ก็ยังเจ็บไข้บ่อยครั้งเช่นนั้น”
หลังฟังนางเล่าจบ จินเกาหยางก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้ารับ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
ฝูซิ่นฮวายิ้มจาง ๆ นางคิดว่าจินเกาหยางคงสงสัยมานานแล้วว่า นางมาเป็นกุนซือให้ทัพไป๋หู่ได้อย่างไร วันนี้มีโอกาสได้เล่าจึงเล่าเสีย แม่ทัพของนางจะได้ไม่มีอะไรคาใจอีก
ไม่นานนัก มู่จิ่วก็กลับมาพร้อมกับถ้วยยา ฝูซิ่นฮวาตั้งใจจะเอื้อมมือไปรับมาดื่มเอง แต่จินเกาหยางกลับเป็นฝ่ายรับยานั้นมาจากมู่จิ่วเสียเอง
“เมื่อตอนค่ำเจ้าป้อนยาข้า ดูแลข้าเป็นอย่างดี ยามนี้ให้ข้าได้ดูแลเจ้าบ้างเถิด” จินเกาหยางกล่าว ขณะเป่ายาในถ้วยเบา ๆ ให้คลายร้อน
“ท่านแม่ทัพอย่าได้ลำบาก ข้าก็เป็นเช่นนี้จนเคยชินแล้ว ข้าดูแลตัวเองได้ ท่านอย่าได้ห่วงเลย”
“ได้อย่างไรกัน ตอนข้าเจ็บ ข้ายังยอมให้เจ้าดูแล ถึงตาเจ้าเจ็บบ้าง เจ้ากลับจะไม่ยอมให้ข้าดูแลรึ ซิ่นฮวา”
ฝูซิ่นฮวานิ่งไปเล็กน้อย นางอยู่แต่ในกองทัพมาตั้งแต่เล็ก พลทหารทั้งหลายต่างไม่กล้าเรียกชื่อนางตรง ๆ จินเกาหยางเป็นคนแรกที่เรียกชื่อของนางเช่นนี้ ที่สำคัญ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเรียกนางว่าซิ่นฮวา
นางกับเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ไม่ร้อนแล้ว ค่อย ๆ ดื่ม” จินเกาหยางใช้ช้อนตักยาในถ้วยป้อนฝูซิ่นฮวา
หญิงสาวลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมดื่มยาที่จินเกาหยางค่อย ๆ ป้อนให้ทีละช้อนจนหมด
“เจ้าควรมีสาวใช้คอยดูแลสักคนสองคนนะ” จินเกาหยางพูดขณะวางถ้วยยาลงข้างกาย
“สตรีในกองทัพเป็นเรื่องต้องห้าม มีข้าเพียงคนเดียวก็นับว่าผิดกฎแล้ว อย่าได้ผิดกฎเพิ่มอีกเลย”
“เจ้าคิดมากเกินไป” แม้จินเกาหยางจะพูดเช่นนั้น แต่เมื่อคิดดูให้ถี่ถ้วน นางไม่มีสาวใช้คอยรับใช้ข้างกายเช่นนั้นก็ดีไปอย่าง เขาจะได้มาดูแลนางด้วยตัวเองโดยไม่มีใครว่าอะไรได้
“นอนเถอะ เจ้าต้องพักผ่อน” จินเกาหยางไม่เพียงพูด มืออุ่นของเขาเอื้อมไปจับไหล่ฝูซิ่นฮวาเพื่อให้นางเอนกายลงนอน ฝูซิ่นฮวาสะดุ้งน้อย ๆ แต่สุดท้ายก็ยอมนอนลงแต่โดยดี คล้ายไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะต่อต้าน
ยิ่งเห็นนางเป็นเช่นนี้ จินเกาหยางรู้สึกยิ่งนับถือฝูซิ่นฮวามากขึ้นไปอีก ร่างกายนางอ่อนแอเปราะบางราวผลึกแก้วที่พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ ทว่าสตรีผู้นี้กลับสามารถควบคุมบุรุษซึ่งเป็นนักรบถึงสองแสนนายไว้ใต้คำบัญชาการของตนได้อย่างไม่มีสิ่งใดบกพร่อง
หากไม่ใช่ฝูซิ่นฮวา ก็คงไม่มีใครทำได้อีกแล้ว
ทีแรกฝูซิ่นฮวาคิดว่าเมื่อนางยอมนอนพัก จินเกาหยางก็คงจะกลับไปยังกระโจมของตน แต่เรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“ขออภัย” จินเกาหยางกล่าว ก่อนใช้หลังมือสัมผัสที่หน้าผากของฝูซิ่นฮวาเบา ๆ
“เจ้าตัวร้อนถึงเพียงนี้ เห็นทีคงต้องเช็ดตัวเสียหน่อย หาไม่ ไข้คงไม่ลดง่าย ๆ”
“ข้ากินยาแล้ว เดี๋ยวก็หายเจ้าค่ะ”
“แม้ข้าจะไม่ใช่หมอ แต่ก็เคยเจอคนป่วยมาเยอะ อาการอย่างเจ้า ไข้ไม่ลดง่าย ๆ เป็นแน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ