ฝูซิ่นเล่อเรียกรวมพลทัพไป๋หู่ที่ประจำการอยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ ให้กลับมาเข้าร่วมกองทัพที่กำลังจะต้องเผชิญกับศึกใหญ่ในไม่ช้า แต่แม้จะเรียกพลทหารกลับมาก็ยังคงต้องทิ้งทหารบางส่วนไว้คอยรักษาเมือง เป็นเหตุให้ทัพไป๋หู่มีทหารที่พร้อมออกศึกรวมกับทหารจากเมืองเล็กสิบหกเมืองของต้าเจาราวสองแสนนาย ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามคาดว่าน่าจะมีกำลังพลมากถึงสี่แสน
“เราควรขอความช่วยเหลือจากทัพอื่นหรือไม่ขอรับ” เฉาเทียนถาม “ทัพจูเชวี่ย ทัพเถี่ยอิง หรือทัพหลางน่าจะพอส่งกำลังพลมาช่วยเราได้”
“แต่ละกองทัพก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง เรามีหน้าที่ของเรา เขาก็มีหน้าที่ของเขา จะให้เขาละทิ้งหน้าที่ที่กระทำอยู่มาเพื่อเรามิได้” ฝูซิ่นฮวาตอบ
“แต่ด้วยกำลังพลที่น้อยกว่าเช่นนี้ เกรงว่าเราจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
“หากชนะไม่ได้ด้วยกำลังพลก็ต้องเอาชนะด้วยเล่ห์กล” ฝูซิ่นฮวาตอบพลางใช้ความคิด มือเรียวบางกุมหน้าท้องไว้ขณะนิ่วหน้าน้อย ๆ
“นั่งลงก่อน” จินเกาหยางประคองร่างของหญิงสาวลงนั่ง เมื่อสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
“ข้าจะนำทัพหน้าออกศึก เฉาเทียน เจ้าคอยเป็นกองหนุน สนับสนุนข้าอยู่เบื้องหลัง” ฝูซิ่นเล่อสั่ง
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
“ด้วยจำนวนศัตรูที่มากกว่า ต้องทำทุกวิถีทางอย่าให้พวกนั้นโอบล้อมเราได้ หาไม่เราจักเสียเปรียบ” ฝูซิ่นฮวาวางสัญลักษณ์กองทหารลงบนแผนที่ “กองทหารปีกซ้ายและปีกขวาให้คอยทำลายการโอบล้อมจากด้านข้าง กองกลางรุกเข้าหาศัตรู ต่อสู้ด้วยวิธีการผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว บุกไปเบื้องหน้าเท่านั้น ถอยไม่ได้โดยเด็ดขาด และหยุดไม่ได้จนกว่าจะได้ชัยชนะ”
“ทราบแล้วขอรับ”
“ไปพักผ่อนเสียเถอะ ทั้งเจ้าและทหารต้องออกศึกในวันพรุ่งนี้” ฝูซิ่นฮวาจับมือน้องชาย “หากชนะศึกนี้ได้ เราจะกุมชัยชนะอย่างแท้จริง”
“ท่านพี่โปรดวางใจ” ฝูซิ่นเล่อจับมือพี่สาวตอบ “พรุ่งนี้กองทัพของเราจะตีฝ่าทัพต้าเจาเข้ายึดเมืองหลวง นำชัยชนะสู่ต้าจินอีกครั้ง”
ฝูซิ่นฮวาพยักหน้ารับ เหล่านายทหารต่างแยกย้ายกันออกจากกระโจมที่ประชุมไป มีเพียงฝูซิ่นฮวา ฝูซิ่นเล่อ และจินเกาหยางเท่านั้นที่ยังรั้งอยู่ในกระโจม
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ข้าเห็นเจ้าเอามือกุมท้อง” จินเกาหยางถาม
“เมื่อครู่ข้าเจ็บท้องนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว” ฝูซิ่นฮวาตอบ
“กลับกระโจมแล้วเรียกหมอมาดูอาการหน่อยเถิด”
ฝูซิ่นฮวาพยักหน้ารับคำของสามีแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะออกจากกระโจม นางได้หันมากล่าวถ้อยคำสุดท้ายกับน้องชาย
“ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”
“ข้าทราบขอรับ” ฝูซิ่นเล่อตอบ แม้จะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติในน้ำเสียงของฝูซิ่นฮวา คล้ายกับว่านางยังมีแผนการบางสิ่งที่ไม่ได้แจ้งแก่เขาและเหล่านายทหาร
ฝูซิ่นฮวายิ้มให้น้องชายอีกครั้งแล้วจึงออกจากกระโจมไปพร้อมกับจินเกาหยาง หากเสียงของนางยังคงดังก้องอยู่ในสองหูของฝูซิ่นเล่อ
“ฆ่าคนบังคับรถม้า!” เสวียนชิวตะโกนสั่งทหารของตน ทว่ารถม้ายิงเกาทัณฑ์นั้นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว อีกทั้งพลธนูที่อยู่บนรถม้ายังคอยกวาดสายตาหาศัตรูที่หมายโจมตีตนเอง รวมไปถึงรถม้ายิงเกาทัณฑ์คันอื่น ๆ เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างระวังภัยให้กันและกัน จึงไม่ง่ายเลยที่จะถูกทำลายลงได้
ฝูซิ่นฮวานั่งตัวตรงอยู่บนหลังม้า มือกุมบังเหียนไว้แน่น ขณะมองดูกองทัพของตนต่อสู้กับข้าศึกศัตรู ข้างกายนางมีจินเกาหยางและทหารองครักษ์เจ็ดสิบคน ที่ยามนี้ไม่มีใครสนใจว่าใช่เวลาเข้าเวรของตนหรือไม่ ทั้งหมดต่างอยู่รออารักขาฝูซิ่นฮวา ท่ามกลางศึกครั้งสุดท้ายที่มิอาจคาดเดาผลลัพธ์ได้
เนื่องจากอยู่บนเนินที่สูงกว่า ทำให้ฝูซิ่นฮวาสามารถมองเห็นสถานการณ์เบื้องหน้าได้อย่างชัดเจนฝ่ายศัตรูมีกำลังพลมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะได้ยกเอากองทัพทุกทัพในแคว้นออกมาต่อสู้เยี่ยงสุนัขจนตรอก ทหารทัพไป๋หู่พยายามต่อสู้อย่างเต็มกำลัง เพื่อมิให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ด้วยกำลังพลที่มีน้อยกว่านับแสน และพวกเขาก็ทำได้ดียิ่งในสายตาของนาง เพราะบัดนี้ทัพต้าเจายังมิอาจล้อมทัพไป๋หู่ได้
มุมปากสีชมพูยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย รถม้ายิงเกาทัณฑ์ยิงความตายใส่ศัตรูได้ยิ่งกว่าห่าฝน สร้างความพอใจให้นางยิ่งนัก ทว่าจู่ ๆ หางตาของฝูซิ่นฮวาก็เหลือบไปเห็นรถม้ายิงเกาทัณฑ์คันหนึ่งถูกยิง!
หญิงสาวหันขวับไปยังรถม้าคันดังกล่าว ม้าทั้งสี่ที่ถูกยิงสะดุดล้ม สะบัดตัวรถและคนบนรถกระจัดกระจาย ทว่าพลธนูทั้งหลายต่างไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นมาต่อสู้กับทหารต้าเจาได้อย่างห้าวหาญ
แม้ฝูงสุนัขจะรุมกัดทึ้งเนื้อพยัคฆ์อย่างไร พยัคฆ์ก็มิอาจสิ้นลายด้วยคมเขี้ยวของสุนัข
ครั้งนี้ฝูซิ่นฮวามีกลอยู่ในใจ และมิใช่กลที่ซับซ้อน แต่เป็นกลที่นางไม่อาจบอกให้สามีและน้องชายทราบได้ ด้วยรู้ดีว่าจะต้องถูกขัดขวาง
หญิงสาวเอามือข้างหนึ่งวางลงบนหน้าท้องของตน คล้ายจะบอกให้ลูกน้อยในครรภ์เข้มแข็งและอดทน
เข้มแข็งเพื่อแผ่นดิน และอดทนเพื่อนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ