ทหารองครักษ์ของฝูซิ่นฮวาที่ไม่ได้ต่อสู้กับทหารของเสวียนชิว รีบคุ้มกันผู้เป็นนายขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังรถม้าบรรทุกกลองรบของทัพไป๋หู่ เสวียนชิวทำท่าจะตามนางไป หากไม่ใช่เพราะว่าจินเกาหยางเข้ามาขวางไว้
“เรายังสู้กันไม่รู้แพ้รู้ชนะ แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าชิงหนีไปได้อย่างไรเล่า ชิวเอ๋อร์!”
“สารเลว! กล้าดีอย่างไรจึงเรียกข้าเช่นนั้น!”
“หรือจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าเสี่ยวชิวล่ะ”
ทหารองครักษ์ที่ยังต่อสู้เคียงข้างจินเกาหยางต่างพากันหัวเราะ เรื่องยั่วยุศัตรูให้โมโหจนเผยจุดอ่อนของตนออกมา เป็นเรื่องที่ท่านอ๋องถนัดนัก
“ข้าจะฆ่าเจ้าเสียก่อนแล้วค่อยตามไปฆ่าฝูซิ่นฮวาทีหลัง!”
“ฝันไปเถอะ ว่าข้าจะยอมให้เจ้าเข้าใกล้ชายาของข้า!”
ว่าแล้วทั้งจินเกาหยางและเสวียนชิวต่างก็ต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งดุดันและโหดเหี้ยม ต่างฝ่ายต่างหมายจะเอาชีวิตของกันและกันให้จงได้ แม้กระทั่งทหารของทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดไม่แพ้ผู้เป็นนาย
เห็นทีหากไม่ตายกันไปข้างหนึ่ง ก็คงไม่มีอะไรหยุดยั้งการต่อสู้ครั้งนี้ได้อีกแล้ว
ทางด้านของฝูวิ่นฮวานั้น ทันทีที่มาถึงรถม้าที่มีกลองรบของตนอยู่ นางก็รีบปีนขึ้นรถม้า ดึงเอาไม้กลองมาจากมือของพลทหารที่ตายแล้ว แล้วลงมือรัวกลองด้วยตัวเอง
ทันทีที่ได้ยินเสียงกลองของฝ่ายตนดังขึ้น พลทหารแห่งทัพไป๋หู่ที่อยู่ไกลก็ออกไปก็เข้าใจว่าทัพของตนกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง ในใจจึงบังเกิดความกล้าลุกขึ้นสู้อย่างไม่เกรงกลัว
องครักษ์ของฝูซิ่นฮวาพยายามคุ้มกันผู้เป็นนายที่กำลังรัวกลองรบด้วยกำลังทั้งหมดที่มี เสียงกลองรบของทัพไป๋หู่ดังกึกก้องก่อนจะหยุดชะงัก เมื่อเกาทัณฑ์ดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาปักที่ไหล่ของฝูซิ่นฮวา
“พระชายา!” องครักษ์หญิงคนหนึ่งร้องขึ้นอย่างตกใจ ขณะเข้าไปหาร่างบอบบางที่กำลังจะทรุด
ความเจ็บปวดที่ฝูซิ่นฮวาไม่เคยลิ้มรสแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ทว่าหญิงสาวกลับไม่ยอมแพ้ ยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้งเพื่อตีกลองที่อยู่เบื้องหน้า
เสียงกลองรบจะขาดหายไปไม่ได้!
“หักธนูนั่นให้ข้า” ฝูซิ่นฮวาสั่ง
“แต่...”
“ข้าสั่งให้หักมันทิ้ง!”
ยังไม่ทันที่องครักษ์ของฝูซิ่นฮวาจะได้ทำตามคำสั่ง องครักษ์สาวก็ถูกยิงจนล้มลง องครักษ์ที่คอยคุ้มกันอยู่เบื้องล่างเองก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังคงสู้ไม่ถอย
“พระชายา หม่อมฉันจะตีกลองแทนท่านเอง” องครักษ์หญิงที่ถูกยิงกล่าว
“ไม่” ฝูซิ่นฮวาปฏิเสธ “ข้าเท่านั้นที่เรียกขวัญและกำลังใจของทหารได้!”
มีเพียงผู้นำทัพที่สามารถสร้างขวัญและกำลังใจแก่เหล่าทหาร นางจะแสดงท่าทีอ่อนแอกลางสนามรบเช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้นฝูซิ่นฮวาที่ยังคงมีธนูปักอยู่บนไหล่จึงข่มความเจ็บปวดแล้วเริ่มรัวกลองรบซ้ำ
องครักษ์หญิงของนางที่ถูกยิงเห็นเช่นนั้นก็หันหน้ากลับมาคอยอารักขาฝูซิ่นฮวา ทั้งปัดป้องและเอาตัวรับอาวุธร้ายแทนนางจนล้มลงไปกองกับพื้นอีกคน
ฝูซิ่นฮวาน้ำตาไหลขณะมององครักษ์ที่ซื่อสัตย์ล้มลง สองมือของนางยังไม่หยุดรัวกลอง แม้ว่าร่างกายจะเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่งก็ตาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ