หวังเจียเหยาตกตะลึง “เอ๊ะ? ล็อคประตู? เดี๋ยวถ้าพยาบาลมาจะทำยังไง?”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางหัวเราะเจ้าเล่ห์ “ก็เพราะจะไม่ให้พยาบาลเข้ามาไงล่ะ เราสองคนจะได้จู๋จี๋กัน”
ในเวลาเดียวกันหลิ่วอวี่เจ๋อก็ลงจากเตียงมาแล้ว เดินตรงไปที่หน้าต่างแล้วปิดผ้าม่านลง
เดิมในแสงในห้องกำลังพอเพียง ทันใดนั้นเองก็อับแสงลง จนทำให้เกิดเป็นบรรยากาศสลัวๆ โรแมนติกขึ้นมา
หวังเจียเหยารู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อให้ตนเองล็อคประตูเอาไว้หมายความว่ายังไง หล่อนใบหน้าแดงระเรื่อแล้วลังเลไม่น้อย
ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังล็อคประตูจากด้านใน
หลังจากนั้นหวังเจียเหยาก็เดินไปที่เตียงผู้ป่วยแล้วกล่าว “อวี่เจ๋อขอโทษนะที่สามีฉันทำให้นายบาดเจ็บจนตอนนี้ นิ้วนายยังปวดอยู่ไหม?”
หลิ่วอวี่เจ๋อก้มมองนิ้วมือขวาของตนเองอย่างเหนื่อยหน่าย “ปวดหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เสียดายก็แต่ที่หลังจากนี้จะใช้ไม่ได้แล้ว เย่เฉินแม่งลงมมือหนักมากเลย!”
หวังเจียเหยากล่าวด้วยใบหน้าสำนึกผิด “อวี่เจ๋อฉันรู้ว่าเรื่องนี้เย่เฉินเป็นคนผิด แต่ว่าฉันได้ยินมาว่านายประกาศจะให้รางวัลคนที่ตัดนิ้วเย่เฉินได้ ยังไงเย่เฉินก็เป็นสามีฉัน พวกเราแต่งงานกันมาสามปี เขาดีกับฉันมาก ฉันไม่อยากให้นายทำร้ายเขาแบบนี้ ฉันขอร้องนายล่ะนะอย่าทำแบบนี้ได้ไหม?”
ถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะเคยทำเรื่องผิดต่อเย่เฉิน แต่ตอนนี้เขาโดนไล่ออกจากตระกูลแล้ว ท่าทีของหญิงสาวจึงเปลี่ยนไป
ทว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาตลอดเวลาสามปี หวังเจียเหยาจึงยังมีความรู้สึกดีๆ กับเย่เฉินอยู่ไม่น้อย หล่อนย่อมไม่อยากให้เย่เฉินเป็นอะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหล่อนรู้ว่าเย่เฉินเล่นเปียโนได้ดี ถ้าไม่มีนิ้วมือสำหรับเขาแล้วก็คงน่าเสียดายอย่างมาก
หลิ่วอวี่เจ๋อมักจะเสแสร้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหวังเจียเหยา เขาจึงค่อนข้างเสแสร้งและหลอกลวงได้อย่างชำนาญ
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “พี่นางฟ้า พี่ยังไม่รู้จักผมอีกเหรอครับ? ผมจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับสามีคุณได้ยังไงล่ะ?”
“อย่างนั้น…หรือว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องโกหก?”
หวังเจียเหยาเองก็รู้สึกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นชายหนุ่มที่สดใสร่าเริง แถมยังเป็นคุณชายที่มีฐานะร่ำรวย ไม่น่าจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ได้ลงคอ
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม“น่าจะเป็นเรื่องโกหก ผมก็แค่จงใจให้พี่ชายผมปล่อยเรื่องนี้ก็เพื่อเขย่าประสาทสามีคุณ เพื่อไม่ให้เขาออกบ้าน แต่ที่จริงแล้วผมไม่ได้หาคนมาทำอะไรเขาเลยด้วยซ้ำครับ”
หวังเจียเหยางุนงง “แกล้งสามีฉันเหรอ? ทำไมล่ะ? ทำไมถึงไม่ให้สามีฉันออกบ้านล่ะ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อยิ้มเจ้าเล่ห์ เอื้อมคว้ามือขาวนวลเนียนของหญิงสาวพลางกล่าว
“คุณว่ายังไงล่ะ? ก็ต้องเพื่อไม่ให้เขามารบกวนเราสองคนอยู่แล้ว เขาหมกตัวอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหน พวกเราก็จะได้ออกไปเจอกันข้างนอกได้ไงล่ะครับไม่ใช่หรือไง?”
หวังเจียเหยาคิดว่าเขาพูดจริง เพราะหล่อนรู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อชอบตนเอง และเพราะสถานะที่สมรสแล้วของตนเองทำให้พวกเขาสองคนจำเป็นต้องลอบนัดพบกันในช่วงเช้ามากหรือช่วงเย็นตอนกลับบ้าน
หรือบางทีหลิ่วอวี่เจ๋ออาจจะไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเย่เฉินเลยด้วยซ้ำ
เมื่อมองเสี้ยวหน้าที่งดงามของหวังเจียเหยา หลิ่วอวี่เจ๋อก็อดจะโน้มหน้าลงไปจุมพิตหญิงสาวไม่ได้
ทว่าหวังเจียเหยากลับผลักหลิ่วอวี่เจ๋อออกด้วยสัญชาตญาณ “ไม่…ไม่ได้นะ”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเสียทว่ากลับไม่ได้แสดงออกมา แต่ยังคงกล่าวอย่างใจเย็นว่า
“เจียเหยาผมรักคุณขนาดนี้ ขนาดเสียนิ้วไปผมยังไม่เสียดายเลยเพื่อคุณ! หรือว่าคุณยังไม่รู้สึกได้ถึงความรักของผม?”
แต่ตอนนี้เขากับพูดว่าที่ตนเองทำลงไปนั้นก็เพื่อหวังเจียเหยา
หวังเจียเหยากล่าวว่า “ฉันรู้ว่านายรักฉัน แต่ตระกูลของนายอาจจะไม่ยอมรับฉัน”
พูดไปจนที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่หวังเจียเหยาในความสำคัญก็คือการจะได้รับการยอมรับจากตระกูลเศรษฐีแสนล้านหรือไม่ และที่สำคัญก็คือสิทธิ์ในการรับสืบทอดมรดก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)