ขับรถจากอวิ๋นโจวไปถึงเทียนไห่ใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงครึ่ง
ครั้งนี้เย่เฉินขับรถช้าๆ แล้วสามชั่วโมงต่อมาทั้งสองคนก็ถึงที่เทียนไห่
เทียนไห่เป็นเมืองนานาชาติระดับโลก ชาวต่างชาติทั้งหลายข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล ก็ต้องมาชมภาพทิวทัศน์ที่แตกต่าง
อวิ๋นโจวอยู่ใกล้เทียนไห่ ตลอดสามปีที่ผ่านมา เย่เฉินมาที่นี่หลายครั้ง
ทว่าทุกครั้งเขาจะมาเป็นเพื่อนหวังเจียเหยา หนำซ้ำนอกจากอยู่โรงแรมแล้วก็ต้องไปซื้อของเป็นเพื่อนหวังเจียเหยา
จนมาวันนี้ก็ยังไม่ทันได้ดื่มด่ำกับสเน่ห์ของเมืองนี้ให้ดีๆ
ตอนนี้เขามีเวลามากมายที่จะได้ไปสัมผัสมันกับหวังเจียเหยา
เมื่อขับรถเข้าพื้นที่เขตเทียนไห่ เย่เฉินก็พบว่าถนนหนทางในเมืองนี้เป็นระเบียบเรียบร้อย คนขับรถต่างก็มีมารยาท อาจเกี่ยวข้องกับการลงโทษที่เข้มงวดของเมืองเทียนไห่
เราจะสามารถเห็นคนขาว คนดำหรือคนบางคนที่ดูเหมือนเป็นคนจีนซึ่งที่จริงแล้วอาจเป็นคนเกาหลีหรือญี่ปุ่นอยู่เต็มถนนไปหมด
ฉินหงเหยียนเปิดกระจกที่นั่งข้างคนขับ หล่อนชี้ไปที่ตึกสูงเสียดยอดฟ้าแล้วกล่าว “เย่เฉินเคยไปที่นั่นหรือยัง?”
เย่เฉินปรายตามองแล้วกล่าว“ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกเหรอ? ไม่เคยไปเลย”
ฉินหงเหยียนกล่าวพร้อมยิ้ม “คืนนี้ลองไปดูกันไหมล่ะ? ห้องชมวิวอยู่ที่ชั้น 97 สูง 439 เมตร! ได้ยินอยู่ข้างในนั้นมองโลกด้านล่างน่าจะรู้สึกดีมากทีเดียว!”
“ได้เลย” เย่เฉินเองก็อยากจะสัมผัสเหลือเกิน
ไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยเห็นถึงได้อยากไป
แต่เป็นเพราะเมื่อหลายปีก่อนพื้นที่ตั้งของศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกเป็นของตระกูลเย่
ไม่เพียงแค่ที่นี่เท่านั้น มีอีกหลายแห่งรวมไปถึงธนาคาร ห้างสรรพสินค้าบางส่วนในตอนนี้ ตระกูลเย่เคยซื้อเอาไว้ก่อนนี้
ตอนนั้นคุณปู่ของเย่เฉินลงทุนในโปรเจ็กต์จำนวนมากที่เทียนไห่ สามารถพูดได้ว่าเป็นเรียกลมเรียกฝนได้เลย
ธุรกิจของหลิ่วหย่วนหางในตอนนั้นยังเป็นธุรกิจขนาดเล็กอยู่เลย
คุณปู่ของเย่เฉินช่วยคนในเทียนไห่เอาไว้ไม่น้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นตอนนี้ยังอยู่เทียนไห่หรือเปล่า แล้วเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
และในเวลานี้เองมือถือของฉินหงเหยียนก็ดังขึ้น
“เชี่ยนเชี่ยนโทรมาน่ะ”
ฉินหงเหยียนมองมือถือแล้วรายงานเย่เฉิน
ฉินหงเหยียนในตอนนี้นั้นเป็นแฟนสาวในอุดมคติสุดๆ แค่โทรศัพท์เข้าก็รายงานเย่เฉินทันที
ที่จริงแล้วเย่เฉินเชื่อใจฉินหงเหยียนอย่างมาก หล่อนไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้
เชี่ยนเชี่ยนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของฉินหงเหยียน หล่อนทำบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เป็นผู้หญิงเก่ง เถ้าแก่เนี้ยที่ประความสำเร็จอย่างมาก
และหล่อนเป็นคนที่ชวนฉินหงเหยียนมาเทียนไห่
“ฮัลโหลเชี่ยนเชี่ยน เพื่อนรัก วันนี้เธอมาถึงเทียนไห่แล้วใช่ไหม?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนมักจะเรียกฉินหงเหยียนว่าเพื่อนรักอยู่ตลอด
“ฉันมาถึงแล้วเพิ่งจะเข้าเมือง”
“อะไรนะ? คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาถึงแล้ว! เธอบอกว่าจะมาตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอ? รีบส่งโลเคชั่นมาเลยนะ เดี๋ยวฉันไปรับ!”
“ไม่ต้องหรอกฉันขับรถมา”
“งั้นเธอมาหาฉันที่บริษัทแล้ว มาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ เดี๋ยวคืนนี้เลี้ยงข้าว”
วางสายแล้วฉินหงเหยียนก็หันมองเย่เฉินอย่างเหนื่อยหน่าย “เกรงว่าคืนนี้เราคงจะไม่ได้ไปชมวิวกันที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกแล้วล่ะ”
เย่เฉินถามด้วยรอยยิ้ม “เพื่อนสนิทคุณคนนั้นนัดคุณใช่ไหม?”
ฉินหงเหยียนพยักหน้า “อืมเดิมทีกะว่าเราสองคนจะไปเดินเล่นกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยบอกหล่อนใครจะไปรู้ว่าหล่อนจะโทรมาเร่งฉันยิกๆ”
เย่เฉินพอจะมองออกว่าทั้งสองคนน่าจะสนิทกันมาก
ดังนั้นเย่เฉินก็ขับรถพาฉินหงเหยียนไปที่บริษัทของเหวินเชี่ยนเชี่ยน
พอมาถึงตึกซินเม่าเพิ่งจะเข้าไปในตัวตึก ก็มีผู้หญิงที่แต่งตัวทันสมัย สวมชุดกระโปรงสีชมพู ทาลิปสติกสีสดเดินมาหาฉินหงเหยียน
“หงเหยียน!”
“เชี่ยนเชี่ยน”
เมื่อทั้งสองคนเจอกันก็โผเข้าดอกกันถึงขนาดที่จุมพิตกันเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)