ทันใดนั้นเองจู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็เกิดคิดชู้สาวกับฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนอายุมากกว่าเขา แถมยังเป็นคนที่ดูมีสง่าราศีอย่างมาก ปกติแล้วหลิ่วอวี่เจ่อมองหญิงสาวก็ไม่กล้าจะคิดอะไรเกินเลยกับอีกฝ่าย
ทว่าฉินหงเหียนในตอนนี้อ่อนล้าเพียงเพราะสัมภาษณ์มีแต่ปัญหาทั้งวัน
อากาศที่เทียนไห่ร้อนอบอ้าว รถก็จอดยาก ฉินหงเหยียนเองจึงร้อนจนเหงื่อไหลเป็นสายน้ำ
เมื่อขึ้นรถไปแล้ว หญิงสาวก็สลัดรองเท้าที่ทรมานตนเองทั้งวันทิ้งไป
หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นฉินหงเหยียนมีท่าทางอ่อนล้าอย่างยิ่ง เสื้อผ้ายุ่งเหยิงดังนั้นถึงได้ฉวยโอกาสนี้รังแกหล่อน
นี่ถือว่าเป็นการแก้แค้นเย่เฉินอย่างหนึ่ง!
ตลอดเจ็ดปีมานี้ผู้ชายที่คิดจะฉวยโอกาสกับหล่อนมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
หญิงสาวแค่มองแววตาของผู้ชายก็รู้แล้วพวกเขาคิดอะไรอยู่!
ดังนั้นตอนที่หลิ่วอวี่เจ๋อคิดจะจุมพิตหญิงสาว ฉินหงเหยียนก็เปิดประตูรถออกไปด้านนอกอย่างแรง!
“โอ้ยๆ หัวๆ! หัวติดแล้ว! อย่าผลักสิ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อลนลาน ร้องโวยวายทันที แล้วครึ่งบนของเขาก็ติดแหงกอยู่ในรถ ส่วนท่อนล่างอยู่นอกตัวรถ สภาพน่าอนาถเหลือเกินอย่างยิ่ง
ฉินหงเหยียนผลักหลิ่วอวี่เจ๋อออกแล้วใส่รองเท้าส้นสูงเดินลงจากรถ แล้วกลับมีมาดอย่างเดิม
หลิ่วอวี่เจ๋อมุดตัวออกจากรถชี้ไปที่ฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “ผู้หญิงแบบคุณนี่มันใจกล้าใช้ได้เลยนี่ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเสียมารยาทกับผมแบบนี้!”
ฉินหงเหยียนเองถือว่าไว้หน้าเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีคุณปู่ที่ดี เมื่อครู่ฉินหงเหยียนคงจะไม่แค่เปิดประตูรถแล้ว แต่น่าจะเป็นการประเคนฝ่ามือฟาดลงบนหน้าเขา!
ฉินหงเหยียนกล่าว “หลิ่วอวี่เจ๋อพรุ่งนี้คุณก็จะแต่งงานแล้ว ไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาคนสวยของคุณล่ะ แต่ดันมาตามฉันทั้งวัน คุณนี่ว่างจนไม่มีอะไรจะทำเลยสินะ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน “อย่าคิดว่าผมยุ่งกับเรื่องงานแต่งแล้วจะปล่อยพวกคุณไปนะ พวกคุณมาถึงถิ่นผม ผมจะปล่อยให้พวกคุณมีชีวิตสบายๆ กันได้ยังไง! ฉินหงเหยียนเราสองคนไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน พูดตรงๆ นะผมน่ะชื่นชมคุณมากเลย ผู้บริหารหญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งแบบคุณน่ะในเทียนไห่ไม่ได้มีเยอะนักหรอก
ขอแค่คุณเลิกกับเย่เฉิน ไม่คบหากับเขาอีก ผมจะรับคุณไปทำงานที่บริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสของที่บ้านผม และแน่นอนว่าตอนนี้คุณอาจจะเป็นรองผู้บริหารไม่ได้ แต่เป็นผู้บริหารระดับสูงย่อมไม่มีปัญหาอะไรแน่ คุณเก่งกาจแบบนี้ คิดว่าไม่ถึงสองปี คุณก็น่าจะเลื่อนขั้นเป็นผู้บริหารได้ด้วยตนเองจริงไหมล่ะ?”
บริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสเป็นบริษัทที่มีทรัพย์สินแสนล้าน หลิ่วอวี่เจ๋อกำลังยื่นไมตรีให้อีกฝ่าย ย่อมต้องยื่นข้อเสนอที่น่าเย้ายวนใจไม่น้อย!
แต่ฉินหงเหยียนยังคงปฏิเสธอย่างแน่วแน่ “ฉันไม่ทำข้อแลกเปลี่ยนกับคุณ! ฉันอยากเป็นแฟนของเย่เฉินมากกว่า! และฉันไม่จำเป็นต้องทำงานให้คนอื่น ฉันเองก็มีเงิน ถ้ายากมากก็เปิดบริษัทตัวเอง!”
ฉินหงเหยียนเองก็เป็นเศรษฐีนีสาวที่มีเงินมหาศาล เงินแค่ร้อยล้านหญิงสาวสามารถเอาออกมาใช้ได้ตอดเวลา
ทว่าหลิ่วอวี่เจ๋อกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ เปิดบริษัทเองเหรอ? ดีจริงๆ เลย ผมรอพวกคุณใช้เงินจนหมด แล้วคุณก็จะกลายเป็นยาจกกับเย่เฉิน! คุณจะลองดูก็ได้ เชิญคุณเปิดบริษัทอะไรก็ได้ ทำธุรกิจอะไรก็ได้ ผมจะเล่นงานพวกคุณไปจนกว่าพวกคุณจะหมดสิ้นหนทาง!
คุณใช้เงินร้อยล้าน ผมก็จะใช้เงินสองร้อยล้านมาถล่มคุณ ถ้าคุณใช้พันล้านผมก็จะใช้เงินห้าพันล้านมาเล่นงานคุณ! ถ้าจะแข่งเรื่องเงินกับผม ผมเล่นเอาคุณให้ตายได้เลย!”
วิธีทำธุรกิจในตอนนี้ คือยุคของการแข่งขันว่าใครจะเผาเงินได้มากกว่ากัน
ก่อนนี้เย่เฉินก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้เล่นงานบริษัทที่ฟางเชาไปลงทุน
ขอแค่ฉันมีเงินให้ผลาญมากกว่านาย ยังไงเสียก็ถล่มนายเละเทะได้อยู่ดี
ฉินหงเหยียนหัวเสียถึงขีดสุด “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตระกูลหลิ่วจะทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้ที่เทียนไห่ ฉันไม่เชื่อว่าตระกูลหลิวของพวกคุณจะไม่มีคู่แข่งแล้วจะไม่กลัวใครเลย! ฉันจะบอกคุณให้นะ ต่อให้ฉันกับเย่เฉินต้องเป็นขอทานในเมืองเทียนไห่ ฉันก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้คุณหรอก!”
หลิ่วอวี่เจ๋อยกนิ้วให้ฉินหงเหยียน “ใช้ได้เลยนี่ งั้นผมจะรอดูวันที่พวกคุณเป็นขอทานแล้วกันนะ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อพูดจบก็หัวเราะแล้วขับรถจากไป
ฉินหงเหยียนจัดการอารมณ์ตนเอง จัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเติมเครื่องสำอางจากนั้นก็กลับบ้าน
เย่เฉินเองก็กลับถึงบ้านแล้ว อีกทั้งยังทำอาหารเย็นไว้รอแฟนสาวเรียบร้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)