พอฉินหงเหยียนสูบบุหรี่เสร็จก็ชันตัวลุกขึ้น แล้วบอกลาคนตระกูลหวัง
“คุณนายหวัง ท่านผู้บริหารทั้งสอง ที่บริษัทยังมีงานต้องสะสาง หงเหยียนขอตัวก่อนนะคะ”
พวกคุณนายหวังก็มาส่งเจ้าหล่อนที่ประตู
“คุณฉินคะ เรื่องร่วมลงทุนคงต้องรบกวนคุณฉินแล้ว”
คุณนายหวังกล่าวพลางจับมือฉินหงเหยียน
ฉินหงเหียนตอบรับเสียงสดใส “วางใจเถอะค่ะ”
เมื่อเห็นฉินหงเหยียนเดินไปแล้ว จงเหว่ยก็กล่าวต่อ “คุณนายหวัง คุณหวังผมเองก็ต้องไปแล้ว”
เมื่อแขกคนอื่นเห็นตระกูลหวังเกิดเรื่อง มิหนำซ้ำเจ้าของกำไลก็ยังไม่ยอมปรากฏตัวสักทีจึงต่างเริ่มทยอยบอกลา
และแล้วในงานจึงเหลือเพียงแค่คนตระกูลหวังอย่างรวดเร็ว
คุณนายหวังมองซูหลานแล้วเอ่ยถาม “เจียเหยาบอกว่ายังไง? ทำไมพอหย่ากันเสร็จถึงจับได้ว่าเขาขโมยของ?”
ก่อนแต่งงานเย่เฉินกับเจียเหยาได้ทำข้อตกลงเอาไว้ว่าทรัพย์สินของทั้งสองฝ่ายจะไม่เกี่ยวข้องกัน ตอนหย่าเย่เฉินจะไม่ได้เงินของตระกูลหวังแม้แต่สตางค์แดงเดียว
แต่ในตอนที่หย่า หวังเจียเหยากลับเอาเงินที่เย่เฉินได้มาจากการส่งอาหารไปหมด
ซูหลานตอบว่า “เจียเหยาบอกว่าเย่เฉินไปจองห้องเพรสซิเด้นท์สวีทของโรงแรมที่ซีจื่อหูไว้หนึ่งสัปดาห์ ใช้เงินไปเกือบหกแสนหยวน เลยเดาว่าเขาน่าจะขโมยของๆ คุณแม่ไป”
คุณนายหวังลนลานเล็กน้อย เพราะพุดเดิ้ลที่ตนเองรักนั้นชอบเย่เฉินมาก ตลอดสามปีที่ผ่านมาจึงมักเรียกเย่เฉินไปที่บ้านเพื่อเล่นกับสัตว์เลี้ยงของตนเอง
เย่เฉินมีโอกาสจะขโมยของในบ้านแน่!
คุณนายหวังรีบกล่าว “กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
แต่หวังหยวนหยวนกลับดึงคุณนายหวัง “คุณย่า อย่าเพิ่งรีบไปสิคะ ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวคนที่ตามจีบหนูเขาอาจจะมาถึงก็ได้!”
แม่สาวหุ่นร้อนแรงคนนี้ยังจินตนาการถึงคนที่ตามจีบตัวเอง ชายที่มอบกำไลให้คุณย่า
คุณนายหวังครุ่นคิดแล้วกล่าว “ซ่าวเจี๋ย จื้อหย่วน ซูหลานพวกแกไปบ้านฉัน ไปดูว่ามีของอะไรหายไปหรือเปล่า จื้อเฉียง ซู่ซิน หยวนหยวน พวกแกอยู่กับฉันที่นี่รอต่ออีกหน่อย”
“ครับ/ค่ะ!”
หวังซ่าวเจี๋ยขับรถพาหวังจื้อหย่วนและซูหลานกลับไปที่วิลล่าเขตซีซานอย่างรวดเร็ว
สิ่งของราคาแพงของคุณนายหวังนั้นเก็บไว้สองห้อง ห้องแรกเก็บพวกเครื่องประดับ เหล้าและนาฬิกา ส่วนอีกห้องเก็บพวกของโบราณ รูปวาดต่างๆ
ถึงจะมีจำนวนเยอะแต่ทุกชิ้นก็ถูกจดบันทึกอย่างละเอียด
พอมาถึงห้องใต้ดิน หวังซ่าวเจี๋ยก็กล่าว “คุณอาครับ เราแบ่งกันตรวจสอบเถอะครับ พวกอาเช็คที่ห้องของเก่า เดี๋ยวผมเช็คห้องนี้เอง”
“ได้” หวังจื้อหย่วนและซูหลานหยิบสมุดเล่มเล็กๆ ขึ้นมาแล้วเดินไปที่ห้องเก็บของเก่าแล้วตรวจสอบทีละรายการ
ส่วนตัวหวังซ่าวเจี๋ยเองก็หยิบสมุดบันทีกไปที่อีกห้องเช่นเดียวกัน
“เย่เฉินตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นายก็คือหัวขโมยที่ขโมยนาฬิกาเรือนนี้ ฮ่าๆ”
หวังซ่าวเจี๋ยซุกนาฬิการิชาร์ด มิลล์ใส่ในกระเป๋าเสื้อ
ผ่านไปสองนาที หวังซ่าวเจี๋ยก็รีบร้อนวิ่งไปยังห้องที่หวังจื้อหย่วนและซูหลานอยู่แล้วกล่าวอย่างร้อนรน
“ที่ห้องผมนาฬิกาหายไปเรือนหนึ่งครับ!”
หวังจื้อหย่วนกับซูหลานรับไปตรวจซ้ำอีกรอบ ก็พบว่านาฬิกาเรือนละห้าล้านหายไปจริงๆ!
ซูหลานหล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “มิน่าคนเส็งเคร็งอย่างนั้นถึงได้เช่าห้องเพรสซิเด้นท์สวีทที่โรมแรมตรงซีจื่อหูได้ เดียรัจฉานเอ้ย!”
ในเวลานี้เองหวังจื้อหย่วนก็โทรศัพท์หาคุณนายหวัง “แม่ครับ เจอแล้ว นาฬิการิชาร์ด มิลล์ที่พ่อใส่ตอนยังอยู่โดนขโมยไปครับ!”
คุณนายหวังโกรธจนเกือบทำงานมงคลกลายเป็นงานอวมงคล “ไปจับมันมาเร็วๆ ฉันจะตัดมือมัน!”
หวังจื้อหย่วนวางสายแล้วกล่าวกับหวังซ่าวเจี๋ย “ซ่าวเจี๋ย คุณย่าบอกให้พวกเราจับเย่เฉินกลับไป”
ทันทีที่หวังซ่าวเจี๋ยได้ยินว่าจะให้ไปหาเย่เฉินก็ใจฝ่อลงทันที “ไม่…ไม่แจ้งตำรวจเหรอครับ?”
หวังจื้อหย่วนกล่าวว่า “แกก็รู้ ย่าแกไม่ชอบยุ่งกับพวกตำรวจ”
ในทันใดนั้นเองหวังซ่าวเจี๋ยก็รีบทำท่าทางเจ็บปวดพลางกุมบาดแผลบนใบหน้าแล้วกล่าว “โอ้ย แผลผมเจ็บมากเลย ผมต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลสักหน่อย อาครับอาไปก่อนแล้วเดี๋ยวผมตามไป”
พอพูดจบหวังซ่าวเจี๋ยก็ชิงหนีไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)