ส่วนหลิวอวี่เจ๋อยืนอยูี่ข้างๆ ดูพวกเขาอย่างนึกสนุก
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เย่เฉิน ถามหน่อยเถอะทำไมถึงต้องดึงดันจะตรวจ DNA ด้วยล่ะ? คุณสงสัยว่าตอนที่หวังเจียเหยามีลูกกับคุณหล่อนจะยังมีผู้ชายคนอื่นอีกเหรอ?”
ไม่ว่าอย่างไรเด็กก็ไม่ใช่ลูกเขา เขาไม่จำเป็นต้องตรวจ DNA ด้วยซ้ำไป
หวังเจียเหยาถึงได้พลิกตัวหันมองเย่เฉิน “นั่นสิ เย่เฉินนายเอาแต่บีบให้ตรวจ DNA ลูกนายหมายความว่ายังไง? นี่เท่ากับว่านายกำลังสงสัยว่าตอนนั้นฉันมีผู้ชายคนอื่นใช่ไหม?”
“เย่เฉินนายมันสารเลวเกินไปแล้วนะ ตอนนั้นฉันรักนายขนาดนั้น ไม่เจอหน้านายแค่นาทีเดียวก็คิดถึงนายจะแย่ อยู่วิลล่าของนายทุกวันไม่ออกไปไหน ไม่อยากจะเชื่อว่านายจะยังมีหน้ามาสงสัยว่าฉันมีชู้อีก?”
เย่เฉินทำอะไรไม่ถูก เขาเองก็พอจะรู้ว่าหวังเจียเหยาในตอนนั้นเป็นคนดี ไม่มีท่าทีจะออกนอกลู่นอกทาง
เย่เฉินกล่าว “ไม่ใช่ ผมไม่ได้สงสัยคุณหรอก เพียงแต่ว่านี่เป็นกฎของตระกูลเย่ ผมก็ทำอะไรไม่ได้”
หวังเจียเหยาหัวเราะเสียงเย็น “ฮ่าๆ กฎตระกูลเย่เหรอ? นายโดนไล่ออกจากตระกูลเย่มาตั้งนานแล้ว นายจะพูดถึงกฎบ้านนั้นทำไม ที่ตระกูลเย่ต้องตรวจ DNA นั่นเพราะหลังจากที่ยืนยันได้แล้ว พวกเขาจะมอบมรดกมูลค่าหลายแสนล้านให้ทายาท!
ส่วนนายจะตรวจไปทำไม? ต่อให้ตรวจออกมาว่าเด็กเป็นลูกนายแล้วนายมีมรดกนอะไรยกให้พวกเขาเหรอ? เงินของนายตอนนี้ก็เป็นของฉินหงเหยียน ฉินหงเหยียนไม่มีทางยอมยกเงินที่หล่อนหามาได้ให้ลูกฉันหรอก!”
เย่เฉินไม่อยากอธิบายอะไรกับหวังเจียเหยา “คุณไม่ต้องสนใจเรื่องผมจะมีมรดกให้ลูกไหมหรอก ขอแค่พวกเขาเป็นลูกผม ผมไม่มีทางให้พวกเขาลำบากแน่!”
“เด็กไม่ใช่ลูกนาย!” หวังเจียเหยาโพล่งออกมา
วินาทีนี้กระทั่งหลิ่วอวี่เจ๋อก็ยังตกใจ
เขามองเหตุการณ์ตรงหน้าเหมือนมองละครฉากใหญ่อย่างเพลิดเพลินใจ
ส่วนเย่เฉินนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของอดีตภรรยาก็ตกใจอย่างมาก เพราะในช่วงที่หวังเจียเหยาตั้งท้อง บางครั้งเขาก็ฝันร้าย ฝันว่าหวังเจียเหยาพูดแบบนี้กับตัวเอง!
เย่เฉินหอบหายใจถี่กระชั้นขณะมองหวังเจียเหยา “คุณ…คุณพูดว่าอะไรนะ?”
หวังเจียเหยากล่าวด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง “ฉันบอกว่าเด็กไม่ใช่ลูกนาย!”
“งั้นลูกใคร!” เย่เฉินตะโกนกร้าว
หวังเจียเหยาไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวชายหนุ่มแต่อย่างใด เจ้าหล่อนตอบกลับเขาเสียงดังฟังชัด “ฟางเชา!”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้เย่เฉินและหลิ่วอวี่เจ๋อก็มีสีหน้างุนงงไปกันหมด
หลังจากหายตกใจแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อก็แอบดีใจ “ที่แท้เด็กก็เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้องฉันเหรอเนี่ย ฮ่าๆ แหมซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรขนาดนี้? หมอนั่นดูไม่เอาอ่าวเท่าไหร่แต่กลับเป็นคนที่ใช้ได้เหมือนกันนี่ คิดไม่ถึงว่าทำเรื่องงามหน้าขนาดนี้แต่กลับไม่บอกฉัน”
“จะว่าไปก็ไม่ได้คุยกับเขานานแล้ว ไม่รู้ว่าช่วงครึ่งปีมานี้เขาไปไหน ไว้ว่างๆ โทรหาเขาดีกว่า จะได้บอกเขาว่าฉันจะเลี้ยงลูกแทนเขาเอง ฮ่าๆ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นญาติกัน”
ส่วนเย่เฉินในตอนนี้วุ่นวายใจอย่างเหลือเกิน!
“ฟางเชาเหรอ? เด็กเป็นลูกของฟางเชาเหรอ?”
ภาพของฟางเชาและหวังเจียเหยาปรากฏขึ้นในหัวเย่เฉินไม่หยุด รวมไปถึงคลิปเสียงที่ฟางเชาอัดเอาไว้ด้วย
“หรือว่าหวังเจียเหยาท้องหลังจากครั้งนั้น? หรือว่าหวังเจียเหยาแอบไปหาฟางเชาที่อวิ๋นโจวตอนที่พยายามมีลูกหรือเปล่านะ”
พอคิดว่าฟางเชาทำให้หวังเจียเหยามีความสุข ก็น่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหล่อนอาจจะยอมรับฟางเชาอีกครั้ง
เย่เฉินหน้าแดงก่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะคิดถึงเด็กสองคน ตอนนี้เขาคงเดินไปตบหวังเจียเหยาแล้ว!
เย่เฉินที่ไม่เคยตบผู้หญิงมาก่อนยังทนผู้หญิงอย่างหวังเจียเหยาไม่ไหว!
แต่เย่เฉินเองก็เป็นผู้ชายที่รู้อะไรมากกว่าที่ผ่านมา เขาเองก็รู้ว่าหวังเจียเหยาโกหกจนเป็นนิสัย จะเชื่อคำพูดที่หล่อนไปเสียหมดไม่ได้
เย่เฉินกล่าวว่า “ผมไม่เชื่อ! ตอนที่พวกเราอยากมีลูกกัน ฟางเชาไปเทียนไห่แล้ว เขาไม่กล้ากลับมาแน่! ผมต้องการตรวจ DNA! คุณบอกว่าเด็กๆ ไม่ใช่ลูกของผมก็ไม่มีประโยชน์ ผมจะตรวจ DNA!”
เย่เฉินพูดพลางเดินไปจะอุ้มเด็กสองคนขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)