ผู้กำกับหลี่ปรายตามองหวังเจียเหยาแล้วมองฟางเชา ไม่ต้องถามก็เดาได้ว่าทั้งสองคนนี้คงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
ผู้กำกับหลี่กล่าวว่า “คุณหวังเจียเหยา ก่อนที่จะมีหลักฐานแน่ชัด พวกเราไม่สามารถจับตัวคุณเย่เฉินได้ ถ้าหากพวกคุณดึงดันจะให้พวกเราจับเขาให้ได้ล่ะก็ เชิญเอาหลักฐานรูปถ่ายหรือว่าคลิปวีดีโอที่บ่งชี้ว่าเขาขโมยนาฬิกาหรือหลักฐานที่บอกว่าเขาขายนาฬิกาแล้วได้เงินมาแล้วกัน อีกอย่างผมขอพูดอีกหน่อย อย่าด่าว่าสามีเก่าของคุณเป็นยาจกหรือว่าขยะเลย อย่างไรเสียก็เคยเป็นสามีภรรยากันพูดถึงอีกฝ่ายแบบนี้ออกจะรุนแรงเกินไป”
หวังเจียเหยาแค่นเสียง “ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ถ้าเขาพอใช้ได้อยู่บ้าง ฉันก็คงไม่ขอหย่ากับเขาหรอก!”
“คุณเป็นคนขอหย่าท่าน…เย่เฉินเหรอ?” ตำรวจอีกคนที่อยู่ด้านข้างถามอย่างตกตะลึง
หวังเจียเหยาดูได้ใจอย่างมาก “ใช่แล้ว ฉันเป็นคนขอหย่าเขาเอง! เขาเสียใจทีหลังแล้วใช่ไหมล่ะ?”
ตำรวจไม่กล้าแพร่งพรายสถานะที่แท้จริงของเย่เฉิน ทำได้เพียงกลั้นยิ้ม เขายกนิ้วโป้งให้หญิงสาวแล้วคิดในใจ “สามีที่มีทรัพย์สินหมื่นล้าน เป็นตั้งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปยังไม่เอา คนที่เสียใจทีหลังควรเป็นคุณมากกว่า!”
เมื่อเห็นตำรวจทั้งสองคนจะจากไป หวังเจียเหยาก็ถามต่อ “แล้ว…ในห้องเขามีผู้หญิงคนอื่นอยู่ไหมคะ?”
ผู้กำกับหลี่ส่ายหน้า “คุณเย่เฉินอยู่ในห้องคนเดียวไม่มีคนอื่น”
หวังเจียเหยาสบายใจไม่น้อย พึมพำเสียงเบา “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขายังรักฉันอยู่”
ผู้กำกับหลี่เห็นท่าทางเย่อหยิ่งไม่รู้ตัวของหวังเจียเหยาก็ถอนหายใจแล้วจากไป
พอทั้งสองคนไปแล้ว ฟางเชากล่าวอย่างเซ็งๆ “ทำไมพอพวกเขาลงมาแล้ว ถึงได้เกรงใจเย่เฉินแบบนี้นะ?”
หวังเจียเหยาไม่ได้สนใจรายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้ “ฉันต้องรีบโทรหาแม่บอกให้พวกเขารวบรวมหลักฐาน!”
หวังเจียเหยาหยิบเอามือถือออกมา แต่ยังไม่ทันได้โทรหาซูหลาน หวังซ่าวเจี๋ยก็โทรมา
“ฮัลโหล คะพี่”
ไม่บ่อยนักที่หวังซ่าวเจี๋ยจะโทรหาหวังเจียเหยา ครั้งนี้เกรงว่าคงเป็นเพราะเย่เฉินถึงได้เกิดการติดต่อหากันที่ปกติจะนานทีปีหน
หวังซ่าวเจี๋ยตีสนิทอีกฝ่าย “เจียเหยา ที่นู่นเป็นอย่างไรบ้าง? ได้ยินว่าเธอแจ้งตำรวจแล้ว ตำรวจได้จับเขาไปไหม?”
หวังเจียเหยาตอบตามตรง “ไม่ค่ะ ตำรวจบอกว่าถ้าไม่มีหลักฐานจะจับเขาไม่ได้”
“หลักฐานเหรอ? หลักฐานแบบไหนล่ะ?” หวังซ่าวเจี๋ยถาม
หวังเจียเหยากล่าวว่า “ก็หลักฐานที่ว่าขโมยนาฬิกาค่ะ หรือไม่ก็หลักฐานว่ามีคนได้นาฬิกามาจากเขา”
หวังซ่าวเจี๋ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง หลักฐานว่าขโมยนาฬิกาไม่มีแน่ นั่นเพราะนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้ถูกเย่เฉินขโมยไปจริงๆ
แต่ตอนนี้นาฬิกาอยู่ในครอบครองของหวังซ่าวเจี๋ย เขาสามารถปลอมแปลงหลักฐานที่ว่าเย่เฉินขายนาฬิกาเรือนนี้ได้!
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวว่า “ยกเรื่องนี้ให้พี่จัดการเถอะ เดี๋ยวพี่จะไปตรวจสอบให้ว่าเขาเอานาฬิกาไปขายให้ใคร สบายใจได้เลยพี่จะต้องส่งเขาเข้าคุกให้ได้!”
พอวางสายแล้วในหวังเจียเหยาก็เต้นระรัวเร็ว สางผมตัวเองไม่หยุด
ใจหนึ่งหล่อนก็หวังจะจัดการเย่เฉินเพื่อให้เขากลับไปเป็นเย่เฉินคนเดิม คนที่เทิดทูนบูชาราวหล่อนเป็นเจ้าหญิง ทะนุถนอมหล่อน ไม่กล้าแม้แต่เถียงหล่อน หล่อนบอกอะไรเขาก็ทำตามนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ไม่เคยโกรธแม้แต่น้อย
แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าเย่เฉินจะโดนลงโทษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)