“สวี่ฉู่หมิง คุณหมายความว่ายังไง? ทำไมผู้หญิงคนอื่นแต่งงานกับเย่เฉินได้ แล้วฉันแต่งไม่ได้? หรือเพราะคุณเคยรับเลี้ยงฉันมาสามปีเหรอ? หรือว่า… คุณอยากจะใช้รูปในอดีตพวกนั้นมาขู่ฉัน?”
ตอนที่ฉินหงเหยียนคบหากับสวี่ฉู่หมิงนั้น ยังเป็นแค่ผู้หญิงใสซื่อ ไม่ได้มีพิษภัยอะไร
ดังนั้นเขาจึงมีสิ่งของจำนวนมากที่น่าจะสามารถใช้ข่มขู่หล่อนได้ในตอนนี้
ทว่าหลังจากที่อีกฝ่ายได้ยินข้อสันนิษฐานของเจ้าหล่อนก็ยิ่งโมโหกว่าเดิม
“หงเหยียน! ฉันเป็นเพื่อนสนิทพ่อเธอ! ฉันเป็นญาติเธอนะ! เธออย่าคิดกับฉันให้มันน่าเกลียดขนาดนั้นได้ไหม”
ที่จริงแล้วในใจฉินหงเหยียนเองก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นคนสารเลวขนาดนั้น
อย่างไรเสียสวี่ฉู่หมิงเองก็อายุปาเข้าไปห้าสิบแล้ว แถมยังเป็นประธานบริษัทมูลค่าหลายแสนล้าน
ถ้าหากไม่ได้ครอบครองใครสักคนก็ควรจะปล่อยมือไปเสียดีกว่า ไม่ต้องใช้วิธีต่ำต้อยแบบนี้มารั้งกันเอาไว้
“งั้นเป็นเพราะสาเหตุอะไร?” ฉินหงเหยียนเองก็เริ่มประหลาดใจ
แต่ว่าวี่ฉู่หมิงเองก็ไม่ได้บอกเหตุผลหล่อนตรงๆ “สาเหตุเพราะอะไรนั้น เธอมาหาฉันแล้วฉันจะบอกเธอต่อหน้า”
ฉินหงเหยียนขมวดคิ้ว สงสัยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ถึงพูดในโทรศัพท์ไม่ได้ ต้องให้ฉินหงเหยียนไปพบเขาแล้วเขาถึงจะยอมพูด
จากที่รู้จักอีกฝ่ายมานาน หญิงสาวรู้ดีอย่างยิ่งว่าสวี่ฉู่หมิงคนนี้ไม่ได้กำลังพูดเรื่อยเปื่อย แต่จะต้องมีเรื่องสำคัญอะไรแน่เขาถึงได้พูดแบบนี้
ฉินหงเหยียนครุ่ยคิดแล้วกล่าว “ช่วงนี้ฉันไปไม่ได้ อีกสัปดาห์ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันขอดูก่อนแล้วจะบินไปหา”
สัปดาห์นี้เป็นช่วงที่เย่เฉินรอผลตรวจ DNA ฉิงหงเหยียนรู้ว่าในช่วงสัปดาห์นี้เย่เฉินคงจะทรมานมาก หล่อนอยาจะอยู่ที่เทียนไห่เป็นเพื่อนเขา
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “ดี งั้นสัปดาห์หน้า แต่ว่าฉันเตือนเธอไว้ก่อนนะก่อนจะมาพบกัน ห้ามจดทะเบียนกับเย่เฉินเด็ดขาด แล้วอย่าเพิ่งคิดเรื่องจัดงานหมั้นอะไรทั้งนั้นเข้าใจไหม?”
ฉินหงเหยียนรู้ดีว่าก่อนที่ผล DNA จะออกเย่เฉินคงไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำเรื่องจดทะเบียนอะไรกับตนเอง
ดังนั้นหล่อนจึงตอบรับ “ได้!”
……
หวังเจียเหยาที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน ก็ไม่ได้มีอารมณ์จะกล่อมลูก แต่ดื่มน้ำไม่หยุด
ดื่มน้ำแก้วโตจนหมดแก้วเสียด้วย
ซูหลานเองเห็นท่าทางของหวังเจียเหยาผิดปกติจึงถามอย่างห่วงใย “ลูกรัก ลูกบอกแม่มาจริงๆ เด็กสองคนไมใช่ลูกเย่เฉินใช่ไหม?”
หวังเจียเหยาปฏิเสธทันควัน “แม่คะ แม่พูดอะไร เด็กๆ เป็นลูกเย่เฉิน! เป็นสายเลือดตระกูลเย่แน่ๆ”
ซูหลานถึงได้ผ่อนลมหายอย่างโล่งอก “งั้นก็ดี ฮ่าๆ ตระกูลหวังเราชักจะรุ่งเรืองใหญ่แล้ว มีเด็กแฝดตระกูลเย่คู่นี้ เจียเหยาชีวิตนี้ลูกไม่ต้องห่วงเรื่องเงินอีกแล้ว”
……
อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฉินหงเหยียนยังคงไปทำงานตามปกติ แล้วยังสานต่อแผนการ ‘พนักงานส่งของหญิงจากต่างประเทศ’ ของเย่เฉินต่อ
ส่วนเย่เฉินเองก็สร้างตึกของเฉินเย่กรุ๊ปในเทียนไห่ โดยดีไซน์ของตัวตึกนั้นล้วนแต่ได้ทีมออกแบบระดับโลกมาออกแบบให้ หลังจากที่สร้างเสร็จแล้วจะต้องกลายเป็นตึกที่สวยที่สุดในเทียนไห่อย่างแน่นอน
แต่ถึงแม้เย่เฉินจะเป็นประธานบริษัท มีธุระปะปังมากมายให้ต้องสะสาง แต่เขากลับไม่มีอารมณ์จดจ่อกับการทำงาน
เขาทำงานไปแค่วันเดียวก็ยอมแพ้ไป เพราะว่าทั้งหัวเขาคิดแต่เรื่องตรวจ DNA
เขาจึงตัดใจอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)