เมื่อสิบเดือนก่อน หวังเจียเหยายังเคยดูหมิ่นเหยียดหยามเย่เฉินที่ไม่มีเงิน เพื่อหลิ่วอวี่เจ๋อที่มีเงินมากกว่า
ตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อจึงได้ลิ้มลองรสชาติในการโดนหวังเจียเหยาดูถูก!
สิบเดือนสามสิบล้าน เท่ากับว่าเดือนละสามล้านทำให้หวังเจียเหยารู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ตนเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะค่าตัวของตนเองนั้นถูกเกินไป
หล่อนแต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อเพราะเห็นแก่เงินของตระกูลหลิ่ว
หลิ่วอวี่เจ๋อโกรธจัด “คุณยังกล้าพูดนะว่านอนกับผมสิบเดือน! ตั้งแต่เราแต่งงานกันคุณก็ตั้งท้องอยู่แล้ว ไม่ยอมให้ผมแตะต้องบอกว่ากลัวจะไปกระทบกระเทือนเด็กในท้อง สิบเดือนมานี้คุณเคยทำให้ผมมีความสุขที่ไหน!
แล้วอีกอย่างนะให้เงินคุณไปสามสิบล้านอาจจะน้อยไปก็จริง แต่ตั้งแต่คุณแต่งเข้าบ้านผมมาเนี่ย ตระกูลหลิ่วของเราช่วยบ้านคุณไปเท่าไหร่่? ถ้าไม่ได้พวกเราช่วยตระกูลหวังของคุณจะกลายเป็นตระกูลแสนล้านได้ยังไง!”
พอฟังมาถึงตรงนี้หวังเจียเหยาก็แหวใส่ทันที “นายยังมีหน้ามาพูดอีก! ตั้งแต่ปู่นายรู้ว่าเด็กไม่ใช่สายเลือดเขา พวกบริษัทที่ร่วมมือกับตระกูลหวังก็ขอยกเลิกสัญญากันเป็นแถวเลย! นายทำให้บ้านฉันขาดทุนไปตั้งหลายพันล้าน! ย่าฉันด่าฉันจนฉันร้องไห้เลย!”
เมื่อเห็นทั้งสองคนเถียงกันอย่างไม่ลดละ เย่เฉินก็พึมพำ “หวังเจียเหยาเอ้ยหวังเจียเหยา คุณเสียแค่พันล้านเสียที่ไหน เดี๋ยวถ้าเด็กๆ ไม่ใช่ลูกผม พวกคุณได้เสียโครงการทั้งหมดที่ผมเคยช่วยตระกูลหวังเอาไว้แน่! พอตอนนั้น ตระกูลหวังได้กลับไปมีสภาพเหมือนเมื่อก่อน ได้กลับไปเป็นตระกูลเล็กๆ ในอวิ๋นโจวเหมือนเดิมแน่!”
ที่จริงแล้วความรุ่งเรืองที่ตระกูลหวังมีในตอนนี้เพราะได้ความช่วยเหลือจากเย่เฉินและตระกูลหลิ่ว
ทันทีที่ไม่มีพวกเขาแล้ว ตระกูลหวังที่มีแค่หวังจื้อหย่วนและหวังจื้อเฉียงแทบจะไม่น่าจะประสบความสำเร็จอะไร
เย่เฉินก็ไม่อยากเถียงกับพวกเขาสองคน เขารอผลตรวจมาสัปดาห์แล้ว ทนไม่ไหวแล้ว!
เย่เฉินกล่าว “พอได้แล้ว! ผมไม่ได้มาฟังพวกคุณทะเลาะกันนะ! หวังเจียเหยาถ้าเตรียมตัวเสร็จแล้วเราไปกันตอนนี้เลย”
หวังเจียเหยาเองก็ไม่สนใจหลิ่วอวี่เจ๋ออีก หล่อนมองเย่เฉินด้วยท่าทีว่าง่าย “อืม ได้สิ เย่เฉิน ฉันนั่งรถนายไปเถอะ”
เย่เฉินกล่าวต่อ “พวกคุณขับรถไปกันเองเถอะ ผมจะพาฉินหงเหยียนไปด้วย”
หวังเจียเหยาพีมพำเสียงเบา “ลูกเราสองคน หล่อนไปทำไม”
แต่ว่าหวังเจียเหยาก็ยังจะเลือกนั่งรถ Audi ของตนเองไปกับซูหลาน ไม่ยอมให้หลิ่วอวี่เจ๋อไปด้วย แต่สุดท้ายแล้วซูหลานก็ตัดสินใจให้หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคนขับรถพาพวกหล่อนไป
เย่เฉินและฉินหงเหยียนขับรถ Maybach ไปถึงที่ศูนย์ตรวจก่อน
“ศจ. ก่วนสวัสดีครับ”
ตอนเย่เฉินมาถึง ศจ.ก่วนก็ออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง
“ศจ. ก่วนไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
หวังเจียเหยาทักทายคนรับผิดชอบที่นี่อย่างมีมารยาท
“คุณเย่ คุณหวัง สวัสดีครับ”
ศจ. ก่วนทักทายทั้งสองคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ศจ.ก่วนในตอนนี้รู้ผลการตรวจแล้ว ดังนั้นเย่เฉินจึงพอจะอ่านข่าวบางอย่างออกผ่านทางอารมณ์ของอีกฝ่าย
แต่ว่าหมอนี่ปกปิดอารมณ์ตัวเองได้ดีมากทีเดียว
เย่เฉินไม่สามารถอ่านอะไรผ่านสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายได้เลย!
ศจ.ก่วนยิ้มแย้มอย่างเป็นมารยาทแล้วกล่าว “คุณเย่ ผลออกมาแล้ว คุณไปดูด้วยกันสิ”
“ได้”
เย่เฉินรอไม่ไหวอีกแล้ว
หลังจากที่เย่เฉินเดินไปแล้ว ฉินหงเหยีน หวังเจียเหยารวมไปถึงหลิ่วอวี่เจ๋อและซูหลานก็สาวเท้าเดินตามหลังเพราะตั้งใจจะไปกับเย่เฉินด้วย
แต่จู่ๆ อีกฝ่ายก็กล่าวทันที “ขอโทษด้วยนะครับ ทุกท่านผลของการตรวจให้คุณเย่ดูได้คนเดียวก่อน พวกคุณรอด้านนอกก่อนแล้วกัน พวกเราเตรียมชาไว้รับรองแล้ว”
ทั้งหมดชะงักฝีเท้า หวังเจียเหยาจึงกล่าวถาม “ฉันเป็นแม่เด็ก ฉันไปด้วยไม่ได้เหรอคะ?”
ศจ. ก่วนกล่าวพลางระบายยิ้ม “เพราะคุณเป็นแม่เด็ก ดังนั้นผลตรวจของเด็กๆ คุณไม่ดูก็รู้จริงไหม?”
สีหน้าหวังเจียเหยาเก้ๆ กังๆ “อ้อ มีแค่ชาเหลืองกับชาแดงเหรอ? ไม่มีชาเขียวเหรอเนี่ย? ฉันอยากดื่มปี้หลัวชุน”
ศจ. ก่วนเห็นใบหน้างดงามของอีกฝ่ายจึงกล่าว “มี…มีชาเขียว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)