หญิงสาวในเมืองหลวงอย่างพวกหล่อนเย่อหยิ่ง ต่อให้โลกภายนอกจะมีฐานะที่ดีกว่าพวกหล่อน พวกหล่อนก็ไม่แยแส รู้สึกว่าวิถีชีวิตที่ตนเองมีเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ที่หล่อนรับปากเย่เฉินอย่างรวดเร็วนั่นเป็นเพราะรู้เรื่องของหวังเจียเหยาและซูมู่หลิน
หล่อนคิดว่าตนเองทำผิดกับเย่เฉิน
ซูมู่ชิงจึงสำทับ “ฉันได้ยินพี่รองของคุณเคยพูดว่าลูกหลานตระกูลเย่ของพวกคุณต้องส่งตัวให้ทางตระกูลเป็นคนดูแล ถ้าตรวจ DNA แล้วซือซือเป็นลูกสาวของคุณล่ะก็ ฉันหวังว่าจะได้เป็นลูกของฉันคนเดียว พวกคุณอย่าส่งคนมารับหล่อนไปได้ไหม”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้สิ ผมขอรับรองกับคุณในจุดนี้ได้เลย ถ้าหากว่าคุณมีลูกชายให้ผม เกรงว่าผมอาจจะตัดสินใจไม่ได้ เพราะว่าคุณปู่มีแผนการที่วางเอาไว้สำหรับลูกหลานผู้ชายของเขา ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงก็คงจะไม่มีเงื่อนไขอะไรมากมาย”
“อ้อ”
หลังจากทั้งสองคนพูดเรื่องนี้กันแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะพูดกันอีก ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันก็ออกจะเก้อเขินกันเล็กน้อย
เมื่อเงียบกันไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ซูมู่ชิงก็กล่าว “คุณกับฉินหงเหยียนเป็นยังไงบ้าง?”
เย่เฉินกล่าวแล้วยิ้ม “พวกเรารักกันดี ผมขอหล่อนแต่งงานแล้วหล่อนก็รับปาก ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเรื่องหวังเจียเหยาคลอดลูกแล้วเกี่ยวโยงเรื่องนั้นเรื่องนี้มา ตอนี้พวกเราก็น่าจะจัดงานแต่งงานไปแล้ว”
“อ้อ”
สีหน้าซูมู่ชิงเรียบเฉย ฝืนฉีกยิ้มแล้วกล่าว “เอ่อ…คุณอยู่เป็นเพื่อนซือซือทั้งวัน ไม่เห็นหล่อนโทรมา ตอนนี้พวกคุณกำลังข้าวใหม่ปลามัน น่าจะโทรหากันทุกคืน ฉันไม่รบกวนคุณดีกว่า ฉันขอไปพักผ่อนก่อน คุณไปโทรหาแฟนคุณเถอะ”
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะเป็นฝ่ายกล่าวเรื่องนี้ก่อน “อ้อ ได้สิ งั้นเจอกันพรุ่งนี้”
หลังจากซูมู่ชิงไปแล้ว เย่เฉินก็ยืนแหงนมองท้องฟ้าของเมืองหลวงกลางตัวบ้าน
เกล็ดหิมะโปรยปรายลงบนใบหน้าของเย่เฉิน แต่เขากลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด
นั่นสิ ทั้งๆ ที่เหมาเกาะ คุกเข่าขอฉินหงเหยียนแต่งงานกลางเกาะ
ตอนนี้เดิมควรจะเป็นช่วงเวลาที่หวานแหววที่สุด แต่ว่าหลายวันมานี้เย่เฉินกลับอยู่คนละที่กับฉินหงเหยียน
ไม่เพียงแต่ไม่เจอหน้ากัน ตอนนี้เย่เฉินยังไม่โทรหาและยังไม่ส่งข้อความหาฉินหงเหยียนทุกวัน
ก่อนจะพบซูมู่ชิง เย่เฉินรู้สึกทุกข์ทน
ตอนนี้พอได้รู้ความจริงแล้ว เย่เฉินก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเสียใจ
“เพียงแต่ว่าจะบอกฉินหงเหยียนยังไงว่าจู่ๆ ก็มีลูกสาววัยสามขวบโผล่มา?”
เย่เฉินรู้สึกว่าถ้าหากบอกฉินหงเหยียนเรื่องนี้ หล่อนจะต้องถือสาแน่
“แต่ว่าสิ่งที่สำคัญระหว่างมีภรรยาจะต้องซื่อสัตย์ห้ามปิดบังกัน! หงเหยียนเองก็ปฏิบัติกับเราแบบนี้ กระทั่งเรื่องที่เคยโดนสวี่ฉู่หมิงเลี้ยงยังเป็นฝ่ายสารภาพก่อนด้วยซ้ำ แล้วเราจะมีเหตุผลอะไรมาปิดบังหล่อน?”
เย่เฉินตัดสินใจแน่วแน่แล้วจึงกดโทรหาแฟนสาว
“ฮัลโหล”
เขารอสายอยู่นานกว่าฉินหงเหยียนจะกดรับสาย
น้ำเสียงของฉินหงเหยียนอ่อนล้าเหมือนกับคราวก่อน
หรือว่าครั้งนี้เพิ่งตื่นนอนอีกแล้วเหรอ?
เย่เฉินไม่สนใจรายละเอียดนักหนา เขาถาม “ที่รักตอนนี้คุณอยู่ไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)